Long Upper Shadow คืออะไร? Long Upper Shadow เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: มีเงาบนที่ยาวมาก โดยมีความยาวอย่างน้อย 2/3 ของความยาวทั้งหมดของแท่งเทียน ตัวแท่งเทียน (body) มีขนาดสั้นเมื่อเทียบกับความยาวทั้งหมดของแท่งเทียน อาจเป็นแท่งเทียนสีขาวหรือสีดำก็ได้ มีเงาล่างสั้นหรือไม่มีเลย Long Upper Shadow มักถูกมองว่าเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงแรงขายที่เข้ามาในตลาด โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้นหรือที่ระดับแนวต้าน วิธีใช้ Long Upper Shadow ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: Long Upper Shadow มีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน หรือเมื่อราคาอยู่ใกล้ระดับแนวต้านที่สำคัญ ตรวจสอบปริมาณการซื้อขาย: หาก Long Upper Shadow เกิดขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวที่แข็งแกร่ง สังเกตแท่งเทียนที่ตามมา: แท่งเทียนที่เกิดขึ้นหลัง Long Upper Shadow มักมีความสำคัญในการยืนยันแนวโน้มหรือการกลับตัว วิเคราะห์ความยาวของเงาบน: ยิ่งเงาบนยาวมากเท่าไหร่ ยิ่งแสดงถึงแรงขายที่รุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือดัชนีกำลังสัมพัทธ์ [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Hanging Man คืออะไร? Hanging Man เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: มีตัวเทียนเล็ก (สีขาวหรือดำ) อยู่ด้านบนของแท่งเทียน มีเงาล่างที่ยาวมาก โดยควรยาวอย่างน้อย 2-3 เท่าของตัวเทียน ไม่มีเงาบนหรือมีเงาบนที่สั้นมาก เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น Hanging Man มักถูกมองว่าเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้น (bearish reversal) โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น วิธีใช้ Hanging Man ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: Hanging Man มีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน หรือเมื่อราคาอยู่ใกล้ระดับแนวต้านที่สำคัญ ตรวจสอบปริมาณการซื้อขาย: หาก Hanging Man เกิดขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวที่แข็งแกร่ง สังเกตแท่งเทียนที่ตามมา: แท่งเทียนที่เกิดขึ้นหลัง Hanging Man มักมีความสำคัญในการยืนยันการกลับตัว โดยเฉพาะถ้าเป็นแท่งเทียนสีดำ (bearish) วิเคราะห์ความยาวของเงาล่าง: เงาล่างที่ยาวมากบ่งบอกถึงการพยายามขายทำกำไรอย่างรุนแรง แม้ว่าราคาจะปิดใกล้จุดสูงสุดก็ตาม ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือดัชนีกำลังสัมพัทธ์ (RSI) เพื่อยืนยันสัญญาณ ข้อควรระวังในการใช้ [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Judas Candle คืออะไร? Judas Candle เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่งติดต่อกัน แท่งแรกเป็นแท่งเทียนสีดำ (bearish) ขนาดใหญ่ แท่งที่สองเป็นแท่งเทียนสีขาว (bullish) ที่มีขนาดเล็กกว่า แท่งที่สองมีเงาล่าง (lower shadow) ที่ยาวเท่ากับความยาวของแท่งแรก ชื่อ “Judas Candle” มาจากการเปรียบเทียบกับการทรยศของยูดาส อิสคาริโอท ในคัมภีร์ไบเบิล เนื่องจากรูปแบบนี้มักจะหลอกให้นักลงทุนคิดว่าตลาดกำลังจะกลับตัวขึ้น แต่ในความเป็นจริงอาจเป็นเพียงการพักตัวชั่วคราวก่อนที่ราคาจะลงต่อ Judas Candle มักถูกมองว่าเป็นสัญญาณของการยืนยันแนวโน้มขาลง (bearish continuation pattern) แม้ว่าจะมีแท่งเทียนสีขาวเกิดขึ้นก็ตาม วิธีใช้ Judas Candle ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: Judas Candle มักเกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาลง และมีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นหลังจากการลงอย่างรุนแรง ตรวจสอบลักษณะของแท่งเทียน: แท่งแรกต้องเป็นแท่งสีดำขนาดใหญ่ แท่งที่สองต้องเป็นแท่งสีขาวที่มีขนาดเล็กกว่า เงาล่างของแท่งที่สองต้องมีความยาวเท่ากับความยาวของแท่งแรก วิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย: ปริมาณการซื้อขายที่ลดลงในแท่งที่สองอาจเป็นสัญญาณยืนยันของ Judas Candle สังเกตแท่งเทียนที่ตามมา: แท่งเทียนที่เกิดขึ้นหลัง Judas Candle มีความสำคัญในการยืนยันการดำเนินต่อของแนวโน้มขาลง ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น: [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Piercing Line คืออะไร? Piercing Line เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่งติดต่อกัน เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง แท่งแรกเป็นแท่งเทียนสีดำ (bearish) ขนาดใหญ่ แท่งที่สองเป็นแท่งเทียนสีขาว (bullish) ที่เปิดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งแรก แท่งที่สองปิดสูงกว่าจุดกึ่งกลางของแท่งแรก แต่ไม่สูงกว่าจุดเปิดของแท่งแรก Piercing Line ถูกมองว่าเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มขาลงเป็นขาขึ้น (bullish reversal pattern) โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลงหรือที่ระดับแนวรับสำคัญ วิธีใช้ Piercing Line ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: Piercing Line มีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน หรือที่ระดับแนวรับสำคัญ ตรวจสอบลักษณะของแท่งเทียน: แท่งแรกต้องเป็นแท่งสีดำขนาดใหญ่ แท่งที่สองต้องเป็นแท่งสีขาวที่เปิดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งแรก แท่งที่สองต้องปิดสูงกว่าจุดกึ่งกลางของแท่งแรก แต่ไม่สูงกว่าจุดเปิดของแท่งแรก วิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย: ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในแท่งที่สองอาจเป็นสัญญาณยืนยันที่แข็งแกร่ง สังเกตแท่งเทียนที่ตามมา: แท่งเทียนที่เกิดขึ้นหลัง Piercing Line มีความสำคัญในการยืนยันการกลับตัว ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือดัชนีกำลังสัมพัทธ์ (RSI) เพื่อยืนยันสัญญาณ ข้อควรระวังในการใช้ Piercing Line [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Bearish Engulfing คืออะไร Bearish Engulfing เป็นรูปแบบของกราฟแท่งเทียนที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคในตลาดทางการเงิน เป็นรูปแบบหนึ่งที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคาจากการเคลื่อนไหวของตลาดในช่วงเวลาหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดกำลังเคลื่อนที่ในแนวขาลง (downtrend) โดยคำว่า “engulfing” หมายถึงการที่แท่งเทียนสีแดง “กลืน” แท่งเทียนสีเขียวทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าแท่งเทียนสีแดงครอบคลุมและกินแท่งเทียนสีเขียวทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ Bearish Engulfing ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่ง แท่งแรกเป็นแท่งเทียนสีเขียว (กำลังขึ้น) และแท่งที่สองเป็นแท่งเทียนสีแดง (กำลังลง) แท่งเทียนสีแดงจะครอบคลุมแท่งเทียนสีเขียวทั้งหมดหรือส่วนใหญ่ของมัน นั่นหมายความว่าราคาขึ้นมากในแท่งก่อนหน้านี้กลายเป็นการลดลงและมีโอกาสที่ราคาจะต่อเนื่องในแนวลงต่อไป การเกิด Bearish Engulfing เป็นสัญญาณที่ชี้ว่าความคาดหมายของตลาดเปลี่ยนจากขาขึ้นเป็นขาลง ซึ่งอาจเกิดขึ้นหลังจากเกิดแนวโน้มขาขึ้นอย่างสั้น ๆ หรือจากการสร้างความกังวลให้กับผู้ซื้อ โดยอาจส่งผลให้ตลาดและราคาลดลงต่อไป ซึ่งการใช้งาน Bearish Engulfing ในการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียนนั้น ควรพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างแท่งขาขึ้นและแท่งขาลง โดยการคำนวณระยะเวลา ระยะห่าง และปริมาณการซื้อขายของแต่ละแท่ง นอกจากนี้ยังควรพิจารณาเทคนิคและตัวชี้วัดอื่น ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของสัญญาณ Bearish Engulfing และ ควรใช้ข้อมูลเพิ่มเติมเช่นแผนภูมิราคารวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับสภาวะตลาดทั่วไป และคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจมีผลต่อการซื้อขายของหลักทรัพย์ รูปแบบการเทรด Bearish Engulfing pattern Bearish [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Bullish Engulfing คืออะไร Bullish Engulfing เป็นรูปแบบของกราฟแท่งเทียน (candlestick pattern) ที่พบในการวิเคราะห์กราฟราคาในการซื้อขายหลักทรัพย์ และถือว่าเป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นถึงโอกาสที่มีการเปลี่ยนแปลงจากตลาดที่เป็นตลาดลดของราคาเป็นตลาดที่เป็นตลาดขึ้นของราคา กล่าวอีกนัยหนึ่ง สัญญาณ Bullish Engulfing บอกถึงการเปลี่ยนแปลงจากลูกค้าที่เห็นว่าราคาจะลดลงเป็นลูกค้าที่เห็นว่าราคาจะขึ้นสูงขึ้น Bullish Engulfing ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่ง ซึ่งแท่งแรกเป็นแท่งลดของราคา (bearish candle) และแท่งที่สองเป็นแท่งขึ้นของราคา (bullish candle) แท่งขึ้นของราคาจะครอบคลุมแท่งลดของราคาทั้งหมด นั่นหมายความว่าช่วงราคาเปิดและปิดของแท่งขึ้นจะอยู่เหนือช่วงราคาเปิดและปิดของแท่งลด ซึ่งการเกิด Bullish Engulfing นั้นแสดงถึงอำนาจของฝ่ายซื้อที่แข็งแกร่งขึ้น และบ่งบอกว่าอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในกระแสของตลาดในอนาคต การใช้ Bullish Engulfing ในการตัดสินใจการซื้อขายต้องร่วมกับการวิเคราะห์อื่นๆ เช่น เทรนด์ของราคา ระดับราคาสนับสนุนและความต้านทาน และต้องระมัดระวังกับสัญญาณที่อาจเป็นเท็จหรือสัญญาณที่ไม่แน่นอน รูปแบบการเทรด Bullish Engulfing Bullish Engulfing เป็นรูปแบบของกราฟแท่งเทียนที่ประกอบด้วยแท่งลดของราคา (Bearish Candle) และแท่งขึ้นของราคา (Bullish Candle) โดยแท่งขึ้นจะครอบคลุมแท่งลดทั้งหมด ซึ่งแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงจากตลาดที่เป็นตลาดลดและเป็นตลาดขึ้นของราคา นักลงทุนและนักเทรดใช้รูปแบบนี้เพื่อสังเกตและรับรู้สัญญาณการเปลี่ยนแปลงในตลาด ซึ่งอาจช่วยในการตัดสินใจซื้อหรือขายเมื่อพบรูปแบบ Bullish [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
กราฟแท่งเทียน คืออะไร กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) คือ หนึ่งในวิธีการแสดงข้อมูลราคาของหุ้น, สินค้าหรือเงินตราต่างประเทศในตลาดการเงิน โดยเน้นไปที่การแสดงภาพรวมของการเคลื่อนไหวราคาในแต่ละช่วงเวลาที่กำหนด กราฟแท่งเทียนมีความสามารถในการสะท้อนถึงอารมณ์และความรู้สึกของนักลงทุนในตลาด และมักถูกนำมาใช้กับการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อหาแนวโน้มของตลาดและสัญญาณซื้อขาย ส่วนประกอบหลักของกราฟแท่งเทียนได้แก่ ราคาเปิด (Open Price): ราคาที่เริ่มต้นในช่วงเวลาที่กำหนด ราคาปิด (Close Price): ราคาสิ้นสุดในช่วงเวลานั้น ราคาสูงสุด (High Price): ราคาที่สูงที่สุดในช่วงเวลานั้น ราคาต่ำสุด (Low Price): ราคาที่ต่ำที่สุดในช่วงเวลานั้น ภาพรวมของกราฟแท่งเทียน ส่วนที่เป็นสี (ที่กล่าวว่าเป็น “เทียน” หรือ “Body”) แสดงถึงความแตกต่างระหว่างราคาเปิดกับราคาปิด หากแท่งเทียนเป็นสีเขียวหรือขาว หมายความว่าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด (ราคาขึ้น) หากแท่งเทียนเป็นสีแดงหรือดำ หมายความว่าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด (ราคาลดลง) “เสา” หรือ “Shadow” ที่มีทั้งด้านบนและด้านล่างของเทียนแสดงถึงการเคลื่อนไหวราคาในช่วงเวลานั้น จากราคาสูงสุดไปถึงราคาต่ำสุด จิตวิทยาแท่งเทียน เครื่องมือของนักลงทุน จิตวิทยาแท่งเทียน (candlestick chart) เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ในการตัดสินใจลงทุนในตลาดหุ้น หรือตลาดเงินอื่น ๆ จิตวิทยาในที่นี้คือการแสดงถึงการต่อสู้ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในแต่ละช่วงเวลา [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
แท่งเทียน คืออะไร แท่งเทียนหรือ Candlestick เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้สำหรับการแสดงราคาที่เกิดขึ้นในระยะเวลาที่กำหนดไว้ วิธีนี้มาจากญี่ปุ่น และเป็นที่นิยมในการวิเคราะห์กราฟราคาตลาดหุ้น สกุลเงิน และตลาดอื่นๆ แท่งเทียนประกอบด้วยสี่ส่วนหลักคือ ราคาเปิด (Open Price) : ราคาที่เริ่มต้นในช่วงเวลาที่กำหนด ราคาปิด (High Price) : ราคาที่สิ้นสุดในช่วงเวลาที่กำหนด ราคาสูงสุด (Low Price) : ราคาที่สูงที่สุดที่ถูกทำการซื้อขายในช่วงเวลาที่กำหนด ราคาต่ำสุด (Low Price) : ราคาที่ต่ำที่สุดที่ถูกทำการซื้อขายในช่วงเวลาที่กำหนด ถ้าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะถูกแสดงเป็นสีเขียว หรือขาว(ขึ้นอยู่กับการตั้งค่า) และถ้าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะถูกแสดงเป็นสีแดง หรือดำ ในส่วนของ “ไส้เทียน” คือ เส้นที่ยื่นออกจากตัวแท่งเทียน แทนราคาสูงสุดและต่ำสุดในช่วงเวลานั้น ตัวแท่งเทียนในภาพรวมแสดงถึงกระแสความรู้สึกของผู้ลงทุนในตลาด และสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการทำนายแนวโน้มของตลาดในอนาคต แท่งเทียนบอกอะไรในการเทรด การวิเคราะห์แท่งเทียน (Candlestick) สามารถช่วยให้นักเทรดทำความเข้าใจถึงความผันผวนของราคา, แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงราคา และเป็นสัญญาณแนะนำสำหรับการทำการซื้อขาย มีหลากหลายรูปแบบแท่งเทียนที่นักเทรดทำใช้เป็นสัญญาณ บางรูปแบบมีความแม่นยำสูงเมื่อใช้ในสถานการณ์ที่เหมาะสม แท่งเทียนเดี่ยว: มีแท่งเทียนที่มีความหมายด้วยตัวเอง เช่น Doji [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Engulfing Bearish และ Bullish คืออะไร Engulfing Bearish และ Bullish เป็นรูปแบบแท่งเทียน (candlestick patterns) ที่สำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคของตลาดการเงิน รูปแบบเหล่านี้ประกอบด้วยสองแท่งเทียน โดยแท่งที่สองมีขนาดใหญ่กว่าและ “กลืน” หรือครอบคลุมแท่งแรกไป (Nison, 2001) Engulfing Bearish แท่งแรก: เป็นแท่งเทียนขาขึ้น (bullish) สีเขียวหรือขาว แท่งที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาลง (bearish) สีแดงหรือดำ ที่มีขนาดใหญ่กว่าและครอบคลุมแท่งแรก เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง Engulfing Bullish แท่งแรก: เป็นแท่งเทียนขาลง (bearish) สีแดงหรือดำ แท่งที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาขึ้น (bullish) สีเขียวหรือขาว ที่มีขนาดใหญ่กว่าและครอบคลุมแท่งแรก เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้น ความสำคัญของ Engulfing Patterns Engulfing patterns มีความสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคเนื่องจาก: เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในอำนาจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย มีความน่าเชื่อถือสูงเมื่อเกิดขึ้นในบริบทที่เหมาะสม สถิติและความแม่นยำ จากข้อมูลในหนังสือ Encyclopedia [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Downside Gap Three Methods คืออะไร Downside Gap Three Methods เป็นรูปแบบแท่งเทียน (candlestick pattern) ที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคของตลาดการเงิน รูปแบบนี้ปรากฏในแนวโน้มขาลง (downtrend) และถือเป็นสัญญาณที่ยืนยันว่าแนวโน้มลงนั้นจะยังคงดำเนินต่อไป (Chen, 2023) แม้ว่าจะเป็นรูปแบบที่พบได้ไม่บ่อยนัก แต่ก็มีความสำคัญสำหรับนักลงทุนและนักวิเคราะห์ทางเทคนิค ลักษณะของ Downside Gap Three Methods รูปแบบ Downside Gap Three Methods ประกอบด้วยแท่งเทียนสามแท่ง ดังนี้: แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งเทียนสีดำ (หรือแดง) ยาว ปรากฏในขณะที่ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลง แท่งเทียนที่สอง: เป็นแท่งเทียนสีดำ (หรือแดง) อีกแท่ง ที่มีช่องว่าง (gap) ห่างลงมาจากแท่งเทียนแรก แท่งเทียนที่สาม: เป็นแท่งเทียนสีขาว (หรือเขียว) ที่เปิดภายในร่างกายของแท่งเทียนที่สอง และปิดภายในร่างกายของแท่งเทียนแรก ทำให้ “เติม” ช่องว่างระหว่างสองแท่งแรก (Bulkowski, 2021) ความสำคัญของ [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]