On Neckline คืออะไร? On Neckline เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: เกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาลง (downtrend) ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่ง แท่งแรกเป็นแท่งเทียนสีดำ (bearish) ขนาดใหญ่ แท่งที่สองเป็นแท่งเทียนสีขาว (bullish) ขนาดเล็กกว่า โดยราคาปิดอยู่ใกล้กับราคาต่ำสุดของแท่งแรก On Neckline ถูกมองว่าเป็นรูปแบบการดำเนินต่อของแนวโน้มขาลง (bearish continuation pattern) แม้ว่าจะมีแท่งเทียนสีขาวเกิดขึ้น แต่การที่ราคาไม่สามารถปิดสูงกว่าราคาต่ำสุดของแท่งก่อนหน้าได้มาก แสดงถึงแรงซื้อที่ยังไม่เพียงพอที่จะกลับแนวโน้ม วิธีใช้ On Neckline ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: On Neckline ต้องเกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน ตรวจสอบลักษณะของแท่งเทียน: แท่งแรกต้องเป็นแท่งสีดำขนาดใหญ่ แท่งที่สองต้องเป็นแท่งสีขาวที่มีราคาปิดใกล้กับราคาต่ำสุดของแท่งแรก วิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย: ปริมาณการซื้อขายที่ลดลงในแท่งที่สองอาจเป็นสัญญาณยืนยันของการดำเนินต่อของแนวโน้มขาลง สังเกตแท่งเทียนที่ตามมา: แท่งเทียนที่เกิดขึ้นหลัง On Neckline มีความสำคัญในการยืนยันการดำเนินต่อของแนวโน้มขาลง ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือดัชนีกำลังสัมพัทธ์ (RSI) เพื่อยืนยันสัญญาณ ข้อควรระวังในการใช้ On Neckline ไม่ควรใช้เพียงอย่างเดียว: [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Price Pattern คืออะไร Price Pattern คือ รูปแบบราคาที่อยู่ในธรรมชาติ ที่คล้ายคลึงกับลักษณะรูปร่างต่าง ๆ ในชีวิตที่เราพบเจอได้บ่อย ซึ่งรูปแบบนี้ในทางทฤษฎีแล้ว เราเชื่อว่า จะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ เนื่องจากว่ามันเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ซึ่งเทรดเดอร์จะใช้รูปแบบของการเกิดซ้ำ ๆ นี้ในการเข้าเทรด และพยากรณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต ทฤษฎีของการวิเคราะห์ทางเทคนิค ทฤษฎีของ Price Pattern เชื่อว่า ราคาจะเกิดเป็นรูปร่างที่เกิดซ้ำได้ สาเหตุที่เชื่อแบบนี้ ก็เพราะว่า ตามหลักของการวิเคราะห์ทางเทคนิคในตลาดการเงิน ที่เชื่อว่า ราคาเกิดจากการซื้อขายของมนุษย์ มนุษย์มักจะมีพฤติกรรมเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ทำให้การวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถใช้ได้ เมื่อรูปแบบเกิดซ้ำ หมายความว่า ในอนาคตจะเกิดขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม นั่นคือทฤษฎีที่เกิดกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค แต่ไม่ใช่การวิเคราะห์ Price Pattern ทฤษฎี Price Pattern Price Pattern เกิดมาจากการรวบรวมรูปแบบกราฟแท่งเทียน ดังนั้นจึงต้องเกี่ยวข้องกับ Candlestick ที่รวบรวมมา เช่นเดียวกับ ทฤษฎีการวิเคราะห์ทางเทคนิค แต่จะมีทฤษฎีที่เสริมดังนี้ [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]