Marubozu คืออะไร? Marubozu เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: มีตัวแท่งเทียน (body) ที่ยาวเต็มแท่ง โดยไม่มีเงาบนและเงาล่าง หรือมีเงาที่สั้นมาก ราคาเปิดและราคาปิดอยู่ที่จุดสูงสุดและต่ำสุดของช่วงเวลานั้น อาจเป็นแท่งเทียนสีขาว (bullish Marubozu) หรือสีดำ (bearish Marubozu) คำว่า “Marubozu” มาจากภาษาญี่ปุ่น แปลว่า “หัวโล้น” หรือ “ศีรษะโล้น” ซึ่งสื่อถึงลักษณะของแท่งเทียนที่ไม่มีเงา Marubozu มักถูกมองว่าเป็นสัญญาณที่แสดงถึงความเข้มแข็งของแนวโน้มปัจจุบัน โดย bullish Marubozu บ่งบอกถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ bearish Marubozu แสดงถึงแรงขายที่รุนแรง วิธีใช้ Marubozu ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: Marubozu มีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นในจุดสำคัญของแนวโน้ม เช่น จุดเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ หรือการยืนยันแนวโน้มที่มีอยู่ ตรวจสอบปริมาณการซื้อขาย: Marubozu ที่เกิดขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มที่แข็งแกร่ง สังเกตแท่งเทียนที่ตามมา: แท่งเทียนที่เกิดขึ้นหลัง Marubozu มักมีความสำคัญในการยืนยันแนวโน้มหรือบ่งชี้การกลับตัว วิเคราะห์ขนาดของ Marubozu: ยิ่ง Marubozu [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
กราฟแท่งเทียน คือ กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) คือ ชนิดหนึ่งของกราฟที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคภายในตลาดการเงินและตลาดหุ้น เพื่อแสดงราคาเปิด, ราคาปิด, ราคาสูงสุด, และราคาต่ำสุดของระยะเวลาที่กำหนด ส่วนประกอบหลักๆของแท่งเทียนมี 2 ส่วน ส่วนที่ 1 ตัวแท่ง (Body) ตัวแท่ง (Body): ซึ่งแสดงราคาเปิดและปิด ถ้าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะเป็นสีเขียว (หรือสีอื่นๆที่ถูกกำหนดไว้) และถ้าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะเป็นสีแดง ตัวแท่ง (Body) ของกราฟแท่งเทียนเป็นส่วนหลักที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงราคาในช่วงเวลาที่ต้องการวิเคราะห์มันสามารถเข้าใจได้ง่ายและให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับกระแสตลาดในช่วงเวลานั้น ๆ ได้ แท่งเทียนขาว หรือ เขียว: หากตัวแท่ง (Body) เป็นสีขาวหรือเขียว มันแสดงว่า ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดในช่วงเวลานั้น ตัวแท่งเริ่มที่ราคาเปิดและสิ้นสุดที่ราคาปิด หมายความว่าในช่วงเวลานั้น ๆ ราคาได้เพิ่มขึ้น แท่งเทียนดำ หรือ แดง: หากตัวแท่ง (Body) เป็นสีดำหรือแดง มันแสดงว่า ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิดในช่วงเวลานั้น. ตัวแท่งเริ่มที่ราคาเปิดและสิ้นสุดที่ราคาปิด แสดงว่าในช่วงเวลานั้น ๆ ราคาได้ลดลง [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
ในโลกของการวิเคราะห์ทางเทคนิคในตลาดการเงิน “Big Black Candle” หรือ “แท่งเทียนดำขนาดใหญ่” เป็นหนึ่งในรูปแบบแท่งเทียนที่นักลงทุนและนักเทรดให้ความสำคัญ เนื่องจากมันสามารถบ่งบอกถึงแนวโน้มของตลาดได้อย่างมีนัยสำคัญ Big Black Candle คืออะไร? Big Black Candle เป็นแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: มีขนาดตัวเทียนที่ยาวผิดปกติ มีช่วงราคาระหว่างจุดสูงสุดและต่ำสุดกว้าง ราคาเปิดอยู่ใกล้จุดสูงสุดของวัน ราคาปิดอยู่ใกล้จุดต่ำสุดของวัน แท่งเทียนนี้มักถูกมองว่าเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงแนวโน้มขาลง (bearish pattern) ในตลาด วิธีใช้ Big Black Candle ในการวิเคราะห์ สังเกตบริบท: Big Black Candle มีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นหลังจากช่วงขาขึ้น หรือเมื่อราคาอยู่ใกล้แนวต้านสำคัญ ดูปริมาณการซื้อขาย: หากเกิด Big Black Candle พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มที่รุนแรง พิจารณาแท่งเทียนที่ตามมา: หากแท่งเทียนถัดไปยืนยันทิศทางขาลง (เช่น เป็นแท่งดำอีกแท่ง) อาจเป็นการยืนยันแนวโน้มขาลงที่กำลังจะเกิดขึ้น ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) เพื่อยืนยันสัญญาณ [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Engulfing Bearish Line คืออะไร? Engulfing Bearish Line หรือ Bearish Engulfing Pattern เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: เกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาขึ้น (uptrend) ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่ง แท่งแรกเป็นแท่งเทียนสีขาว (bullish) ขนาดเล็ก แท่งที่สองเป็นแท่งเทียนสีดำ (bearish) ขนาดใหญ่กว่า โดยตัวแท่งเทียน (real body) ครอบคลุม (engulf) ตัวแท่งเทียนของแท่งแรกทั้งหมด Engulfing Bearish Line ถูกมองว่าเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลง (bearish reversal pattern) ที่มีความน่าเชื่อถือสูง วิธีใช้ Engulfing Bearish Line ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: Engulfing Bearish Line ต้องเกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน และมีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นใกล้กับระดับแนวต้านหรือจุดสูงสุดของแนวโน้ม ตรวจสอบลักษณะของแท่งเทียน: แท่งแรกต้องเป็นแท่งสีขาวขนาดเล็ก แท่งที่สองต้องเป็นแท่งสีดำขนาดใหญ่กว่า โดยต้องครอบคลุมตัวแท่งเทียนของแท่งแรกทั้งหมด วิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย: ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในแท่งที่สองอาจเป็นสัญญาณยืนยันที่แข็งแกร่ง สังเกตแท่งเทียนที่ตามมา: แท่งเทียนที่เกิดขึ้นหลัง Engulfing [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
forexduckFOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง www.forexduck.com
Bearish 3-Method Formation คืออะไร? Bearish 3-Method Formation หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Falling Three Method” เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: เกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาลง (downtrend) ประกอบด้วยแท่งเทียนห้าแท่ง แท่งแรกเป็นแท่งเทียนสีดำ (bearish) ขนาดใหญ่ ตามด้วยสามแท่งเทียนขนาดเล็ก (โดยทั่วไปมักเป็นสีขาว) ที่มีราคาอยู่ภายในช่วงราคาของแท่งแรก แท่งสุดท้ายเป็นแท่งเทียนสีดำขนาดใหญ่ที่ปิดต่ำกว่าแท่งแรก Bearish 3-Method Formation ถูกมองว่าเป็นรูปแบบการยืนยันแนวโน้มขาลง (bearish continuation pattern) ซึ่งบ่งชี้ว่าแนวโน้มขาลงที่มีอยู่จะดำเนินต่อไป วิธีใช้ Bearish 3-Method Formation ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: Bearish 3-Method Formation ต้องเกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน ตรวจสอบลักษณะของแท่งเทียน: แท่งแรกและแท่งสุดท้ายต้องเป็นแท่งสีดำขนาดใหญ่ สามแท่งกลางควรมีขนาดเล็กกว่าและอยู่ภายในช่วงราคาของแท่งแรก แท่งสุดท้ายต้องปิดต่ำกว่าแท่งแรก สังเกตปริมาณการซื้อขาย: ปริมาณการซื้อขายควรลดลงในช่วงสามแท่งกลาง และเพิ่มขึ้นในแท่งสุดท้าย วิเคราะห์ความสัมพันธ์กับแนวรับ: หากแท่งสุดท้ายทะลุแนวรับสำคัญ อาจเป็นการยืนยันการดำเนินต่อของแนวโน้มขาลงที่แข็งแกร่ง ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Bearish Harami Cross คืออะไร? Bearish Harami Cross เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: เกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาขึ้น (uptrend) ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่ง แท่งแรกเป็นแท่งเทียนสีขาว (bullish) ขนาดใหญ่ แท่งที่สองเป็นแท่งเทียนรูปแบบ Doji (ราคาเปิดและปิดใกล้เคียงกันมาก) โดยตัวแท่ง Doji อยู่ภายในตัวแท่งเทียนของแท่งแรก Bearish Harami Cross เป็นรูปแบบพิเศษของ Bearish Harami โดยแท่งที่สองเป็น Doji แทนที่จะเป็นแท่งเทียนสีดำปกติ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงความไม่แน่นอนในตลาดที่มากขึ้น Bearish Harami Cross ถูกมองว่าเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลง (bearish reversal pattern) ที่อาจมีความน่าเชื่อถือมากกว่า Bearish Harami ปกติ วิธีใช้ Bearish Harami Cross ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: Bearish Harami Cross ต้องเกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน และมีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นใกล้กับระดับแนวต้านหรือเส้นแนวโน้ม ตรวจสอบลักษณะของแท่งเทียน: แท่งแรกต้องเป็นแท่งสีขาวขนาดใหญ่ แสดงถึงการดำเนินต่อของแนวโน้มขาขึ้น [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Bearish Harami คืออะไร? Bearish Harami เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: เกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาขึ้น (uptrend) ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่ง แท่งแรกเป็นแท่งเทียนสีขาว (bullish) ขนาดใหญ่ แท่งที่สองเป็นแท่งเทียนสีดำ (bearish) ขนาดเล็กกว่า โดยตัวแท่งเทียน (real body) อยู่ภายในตัวแท่งเทียนของแท่งแรก คำว่า “Harami” มาจากภาษาญี่ปุ่น แปลว่า “การตั้งครรภ์” หรือ “ท้อง” โดยแท่งแรกถูกมองว่าเป็น “แม่” ที่มีตัวใหญ่ล้อมรอบแท่งที่สองที่เล็กกว่า ทำให้ดูเหมือนแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ Bearish Harami ถูกมองว่าเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลง (bearish reversal pattern) วิธีใช้ Bearish Harami ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: Bearish Harami ต้องเกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน และมีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นใกล้กับระดับแนวต้านหรือเส้นแนวโน้ม ตรวจสอบลักษณะของแท่งเทียน: แท่งแรกต้องเป็นแท่งสีขาวขนาดใหญ่ แสดงถึงการดำเนินต่อของแนวโน้มขาขึ้น แท่งที่สองต้องเป็นแท่งสีดำที่เล็กกว่า โดยราคาเปิดต่ำกว่าราคาปิดของแท่งแรก แต่ตัวแท่งเทียนยังคงอยู่ภายในตัวแท่งเทียนของแท่งแรก สังเกตแท่งเทียนที่ตามมา: แท่งเทียนที่เกิดขึ้นหลัง Bearish Harami [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Shaven Head คืออะไร? Shaven Head เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: ไม่มีเงาบน (upper shadow) หรือมีเงาบนที่สั้นมาก มีตัวแท่งเทียน (real body) ที่ชัดเจน อาจมีหรือไม่มีเงาล่าง (lower shadow) สามารถเป็นได้ทั้งแท่งเทียนสีขาว (bullish) หรือสีดำ (bearish) Shaven Head มักถูกมองว่าเป็นสัญญาณของความเข้มแข็งในทิศทางของแท่งเทียนนั้น โดยแท่งเทียนสีขาวแสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง ในขณะที่แท่งเทียนสีดำแสดงถึงแรงขายที่รุนแรง วิธีใช้ Shaven Head ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: Shaven Head มีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มที่ชัดเจน หรือเมื่อราคาอยู่ใกล้ระดับแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ ตรวจสอบปริมาณการซื้อขาย: หาก Shaven Head เกิดขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มที่แข็งแกร่ง สังเกตแท่งเทียนที่ตามมา: แท่งเทียนที่เกิดขึ้นหลัง Shaven Head มักมีความสำคัญในการยืนยันแนวโน้มหรือการกลับตัว วิเคราะห์ขนาดของแท่งเทียน: ยิ่งแท่งเทียนมีขนาดใหญ่ ยิ่งแสดงถึงความเข้มแข็งของแนวโน้มนั้น ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือดัชนีกำลังสัมพัทธ์ [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Spinning Top คืออะไร? Spinning Top เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: มีตัวแท่งเทียน (body) ขนาดเล็ก มีเงาบนและเงาล่างที่ยาวกว่าตัวแท่งเทียน เงาบนและเงาล่างมีความยาวใกล้เคียงกัน สีของแท่งเทียนอาจเป็นสีขาวหรือสีดำก็ได้ Spinning Top มักถูกมองว่าเป็นสัญญาณของความไม่แน่นอนในตลาด โดยแสดงถึงการต่อสู้ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายที่มีกำลังใกล้เคียงกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มหรือการพักตัวของราคา วิธีใช้ Spinning Top ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: Spinning Top มีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มที่ชัดเจน หรือเมื่อราคาอยู่ใกล้ระดับแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ ตรวจสอบปริมาณการซื้อขาย: หาก Spinning Top เกิดขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่ลดลง อาจเป็นสัญญาณของการพักตัวของแนวโน้มปัจจุบัน สังเกตแท่งเทียนที่ตามมา: แท่งเทียนที่เกิดขึ้นหลัง Spinning Top มักมีความสำคัญในการบ่งชี้ทิศทางต่อไปของตลาด วิเคราะห์ความยาวของเงา: ยิ่งเงายาวมากเท่าไหร่ ยิ่งแสดงถึงความผันผวนและความไม่แน่นอนในช่วงเวลานั้น ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือดัชนีกำลังสัมพัทธ์ (RSI) เพื่อยืนยันสัญญาณ ข้อควรระวังในการใช้ Spinning Top ไม่ควรใช้เพียงอย่างเดียว: การวิเคราะห์ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
- 1
- 2