Tickmill เป็นโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์และ CFD ที่ได้รับความนิยม โดดเด่นด้วยค่าสเปรดต่ำและเงื่อนไขการเทรดที่ยืดหยุ่น บริษัทนำเสนอบัญชีเทรด 3 ประเภทหลัก ซึ่งเราจะวิเคราะห์โดยละเอียดดังนี้: ประเภทบัญชีของ Tickmill 1. บัญชี Classic เงินฝากขั้นต่ำ: $100 เลเวอเรจสูงสุด: 1:500 ค่าสเปรดเริ่มต้น: 1.6 pips สำหรับ EUR/USD ไม่มีค่าคอมมิชชั่น เหมาะสำหรับ: นักเทรดทั่วไปที่ต้องการเงื่อนไขการเทรดแบบมาตรฐาน 2. บัญชี Pro เงินฝากขั้นต่ำ: $100 เลเวอเรจสูงสุด: 1:500 ค่าสเปรดเริ่มต้น: 0 pips ค่าคอมมิชชั่น: $2 ต่อล็อตต่อด้าน ($4 ต่อรอบ) เหมาะสำหรับ: นักเทรดที่ใช้กลยุทธ์ Scalping หรือ Algorithmic Trading 3. บัญชี VIP เงินฝากขั้นต่ำ: $50,000 เลเวอเรจสูงสุด: 1:500 ค่าสเปรดเริ่มต้น: [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

การถอนเงินเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับนักเทรดทุกคน ในบทความนี้ เราจะมาดูรายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการถอนเงินของ Tickmill ระยะเวลาที่ใช้ และวิธีการติดต่อฝ่ายสนับสนุนหากมีปัญหา ระยะเวลาในการถอนเงินของ Tickmill โดยทั่วไป Tickmill มีชื่อเสียงในเรื่องความรวดเร็วของการถอนเงิน ระยะเวลาในการดำเนินการมีดังนี้: การอนุมัติคำขอถอนเงิน: ภายใน 1 วันทำการ การโอนเงินไปยังบัญชีของคุณ: ขึ้นอยู่กับวิธีการถอนเงินที่เลือก E-wallets (เช่น Skrill, Neteller): เกือบทันที หลังจากได้รับการอนุมัติ บัตรเครดิต/เดบิต: 1-3 วันทำการ การโอนเงินผ่านธนาคาร (ทั่วไป): 3-5 วันทำการ ธนาคารไทย: ภายใน 1 วัน โดยทั่วไปไม่เกิน 3-4 ชั่วโมงหลังจากได้รับการอนุมัติ หมายเหตุ: ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับธนาคารของคุณและวิธีการถอนเงินที่เลือก ขั้นตอนการถอนเงินจาก Tickmill เข้าสู่ระบบ: ล็อกอินเข้าสู่พื้นที่สมาชิกของ Tickmill เลือกวิธีการถอนเงิน: ไปที่ส่วน “การถอนเงิน” และเลือกวิธีการที่ต้องการ กรอกรายละเอียด: ระบุจำนวนเงินที่ต้องการถอนและกรอกข้อมูลที่จำเป็น ยืนยันการถอนเงิน: ตรวจสอบข้อมูลและยืนยันการถอนเงิน รอการอนุมัติ: Tickmill [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

Tickmill บัญชี มีกี่ประเภท Tickmill เป็นโบรกเกอร์ชั้นนำที่ให้บริการซื้อขายฟอเร็กซ์และคอนแทรกต์ซื้อขายส่วนต่าง (CFDs) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศอังกฤษและได้รับการกำกับดูแลจากองค์กรชั้นนำระดับโลกอย่าง FCA UK เพื่อให้เหมาะกับเทรดเดอร์หลากหลายประเภท Tickmill จึงมีบัญชีเทรดให้เลือกใช้หลายแบบ ได้แก่ บัญชี Pro, บัญชี Classic, และบัญชี VIP โดยแต่ละบัญชีจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป เหมาะกับเทรดเดอร์ต่างกลุ่มกัน ซึ่งเราจะมาดูรายละเอียดของแต่ละบัญชีกันในบทความนี้ บัญชี Pro เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ บัญชี Pro เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการต้นทุนการเทรดที่ต่ำ โดยมีค่าสเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip และคิดค่าคอมมิชชั่นเพียง 4 USD ต่อการเทรด 1 lot (รวมค่าเปิดและปิดออร์เดอร์) ซึ่งถือว่าราคาถูกมากเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์อื่นๆ ที่มักจะคิดค่าคอมมิชชั่นที่ 7 USD ขึ้นไป นอกจากต้นทุนที่ต่ำแล้ว ข้อดีของบัญชี Pro ยังมีดังนี้ ฝากเงินขั้นต่ำเพียง 100 USD รองรับการเทรด Forex, หุ้น, ดัชนี, โลหะมีค่า, [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]