Falling Window คืออะไร วิธีใช้วิเคราะห์

36 Falling Window

Falling Window คืออะไร? Falling Window หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Downside Gap” เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: เกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาลง (downtrend) ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่งติดกัน ระหว่างสองแท่งเทียนมีช่องว่าง (gap) โดยราคาสูงสุดของแท่งที่สองต่ำกว่าราคาต่ำสุดของแท่งแรก Falling Window ถูกมองว่าเป็นสัญญาณของการดำเนินต่อของแนวโน้มขาลง (bearish continuation pattern) ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงขายยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง วิธีใช้ Falling Window ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: Falling Window ต้องเกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน และมีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นหลังจากการพักตัวของราคาระยะสั้น ตรวจสอบขนาดของ gap: ยิ่ง gap มีขนาดใหญ่ ยิ่งแสดงถึงแรงขายที่รุนแรงมากขึ้น วิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย: ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในแท่งที่สองอาจเป็นสัญญาณยืนยันที่แข็งแกร่งของการดำเนินต่อของแนวโน้มขาลง สังเกตแท่งเทียนที่ตามมา: แท่งเทียนที่เกิดขึ้นหลัง Falling Window มีความสำคัญในการยืนยันแนวโน้มขาลง ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือดัชนีกำลังสัมพัทธ์ (RSI) เพื่อยืนยันสัญญาณ ข้อควรระวังในการใช้ Falling Window [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

Tweezer Tops คืออะไร วิธีใช้วิเคราะห์

43 Tweezer Tops

Tweezer Tops คืออะไร? Tweezer Tops เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่งติดต่อกัน ทั้งสองแท่งมีจุดสูงสุด (high) ที่เท่ากันหรือใกล้เคียงกันมาก แท่งแรกมักเป็นแท่งเทียนสีขาว (bullish) และแท่งที่สองมักเป็นแท่งเทียนสีดำ (bearish) เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น Tweezer Tops ถูกมองว่าเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลง (bearish reversal pattern) โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้นหรือที่ระดับแนวต้านสำคัญ วิธีใช้ Tweezer Tops ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: Tweezer Tops มีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน หรือที่ระดับแนวต้านสำคัญ ตรวจสอบลักษณะของแท่งเทียน: ทั้งสองแท่งควรมีจุดสูงสุดที่เท่ากันหรือใกล้เคียงกันมาก แท่งแรกควรเป็นแท่งสีขาว และแท่งที่สองควรเป็นแท่งสีดำ (แต่ไม่จำเป็นเสมอไป) วิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย: ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในแท่งที่สองอาจเป็นสัญญาณยืนยันที่แข็งแกร่ง สังเกตแท่งเทียนที่ตามมา: แท่งเทียนที่เกิดขึ้นหลัง Tweezer Tops มีความสำคัญในการยืนยันการกลับตัว ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือดัชนีกำลังสัมพัทธ์ (RSI) เพื่อยืนยันสัญญาณ ข้อควรระวังในการใช้ Tweezer Tops ไม่ควรใช้เพียงอย่างเดียว: [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

จิตวิทยาแท่งเทียนและความหมายแท่งเทียนแต่ละแบบ มีอะไรบ้าง

กราฟแท่งเทียน คืออะไร

กราฟแท่งเทียน คืออะไร กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) คือ หนึ่งในวิธีการแสดงข้อมูลราคาของหุ้น, สินค้าหรือเงินตราต่างประเทศในตลาดการเงิน โดยเน้นไปที่การแสดงภาพรวมของการเคลื่อนไหวราคาในแต่ละช่วงเวลาที่กำหนด กราฟแท่งเทียนมีความสามารถในการสะท้อนถึงอารมณ์และความรู้สึกของนักลงทุนในตลาด และมักถูกนำมาใช้กับการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อหาแนวโน้มของตลาดและสัญญาณซื้อขาย ส่วนประกอบหลักของกราฟแท่งเทียนได้แก่ ราคาเปิด (Open Price): ราคาที่เริ่มต้นในช่วงเวลาที่กำหนด ราคาปิด (Close Price): ราคาสิ้นสุดในช่วงเวลานั้น ราคาสูงสุด (High Price): ราคาที่สูงที่สุดในช่วงเวลานั้น ราคาต่ำสุด (Low Price): ราคาที่ต่ำที่สุดในช่วงเวลานั้น ภาพรวมของกราฟแท่งเทียน ส่วนที่เป็นสี (ที่กล่าวว่าเป็น “เทียน” หรือ “Body”) แสดงถึงความแตกต่างระหว่างราคาเปิดกับราคาปิด หากแท่งเทียนเป็นสีเขียวหรือขาว หมายความว่าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด (ราคาขึ้น) หากแท่งเทียนเป็นสีแดงหรือดำ หมายความว่าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด (ราคาลดลง) “เสา” หรือ “Shadow” ที่มีทั้งด้านบนและด้านล่างของเทียนแสดงถึงการเคลื่อนไหวราคาในช่วงเวลานั้น จากราคาสูงสุดไปถึงราคาต่ำสุด จิตวิทยาแท่งเทียน เครื่องมือของนักลงทุน จิตวิทยาแท่งเทียน (candlestick chart) เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ในการตัดสินใจลงทุนในตลาดหุ้น หรือตลาดเงินอื่น ๆ จิตวิทยาในที่นี้คือการแสดงถึงการต่อสู้ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในแต่ละช่วงเวลา [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]