Long Upper Shadow คืออะไร วิธีใช้วิเคราะห์

19 Long Upper Shadow

Long Upper Shadow คืออะไร? Long Upper Shadow เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: มีเงาบนที่ยาวมาก โดยมีความยาวอย่างน้อย 2/3 ของความยาวทั้งหมดของแท่งเทียน ตัวแท่งเทียน (body) มีขนาดสั้นเมื่อเทียบกับความยาวทั้งหมดของแท่งเทียน อาจเป็นแท่งเทียนสีขาวหรือสีดำก็ได้ มีเงาล่างสั้นหรือไม่มีเลย Long Upper Shadow มักถูกมองว่าเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงแรงขายที่เข้ามาในตลาด โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้นหรือที่ระดับแนวต้าน วิธีใช้ Long Upper Shadow ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: Long Upper Shadow มีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน หรือเมื่อราคาอยู่ใกล้ระดับแนวต้านที่สำคัญ ตรวจสอบปริมาณการซื้อขาย: หาก Long Upper Shadow เกิดขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวที่แข็งแกร่ง สังเกตแท่งเทียนที่ตามมา: แท่งเทียนที่เกิดขึ้นหลัง Long Upper Shadow มักมีความสำคัญในการยืนยันแนวโน้มหรือการกลับตัว วิเคราะห์ความยาวของเงาบน: ยิ่งเงาบนยาวมากเท่าไหร่ ยิ่งแสดงถึงแรงขายที่รุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือดัชนีกำลังสัมพัทธ์ [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

Hanging Man คืออะไร วิธีใช้วิเคราะห์

16 Hanging Man

Hanging Man คืออะไร? Hanging Man เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: มีตัวเทียนเล็ก (สีขาวหรือดำ) อยู่ด้านบนของแท่งเทียน มีเงาล่างที่ยาวมาก โดยควรยาวอย่างน้อย 2-3 เท่าของตัวเทียน ไม่มีเงาบนหรือมีเงาบนที่สั้นมาก เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น Hanging Man มักถูกมองว่าเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้น (bearish reversal) โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น วิธีใช้ Hanging Man ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: Hanging Man มีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน หรือเมื่อราคาอยู่ใกล้ระดับแนวต้านที่สำคัญ ตรวจสอบปริมาณการซื้อขาย: หาก Hanging Man เกิดขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวที่แข็งแกร่ง สังเกตแท่งเทียนที่ตามมา: แท่งเทียนที่เกิดขึ้นหลัง Hanging Man มักมีความสำคัญในการยืนยันการกลับตัว โดยเฉพาะถ้าเป็นแท่งเทียนสีดำ (bearish) วิเคราะห์ความยาวของเงาล่าง: เงาล่างที่ยาวมากบ่งบอกถึงการพยายามขายทำกำไรอย่างรุนแรง แม้ว่าราคาจะปิดใกล้จุดสูงสุดก็ตาม ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือดัชนีกำลังสัมพัทธ์ (RSI) เพื่อยืนยันสัญญาณ ข้อควรระวังในการใช้ [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

Judas Candle คืออะไร วิธีใช้วิเคราะห์

47 Judas Candle

Judas Candle คืออะไร? Judas Candle เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่งติดต่อกัน แท่งแรกเป็นแท่งเทียนสีดำ (bearish) ขนาดใหญ่ แท่งที่สองเป็นแท่งเทียนสีขาว (bullish) ที่มีขนาดเล็กกว่า แท่งที่สองมีเงาล่าง (lower shadow) ที่ยาวเท่ากับความยาวของแท่งแรก ชื่อ “Judas Candle” มาจากการเปรียบเทียบกับการทรยศของยูดาส อิสคาริโอท ในคัมภีร์ไบเบิล เนื่องจากรูปแบบนี้มักจะหลอกให้นักลงทุนคิดว่าตลาดกำลังจะกลับตัวขึ้น แต่ในความเป็นจริงอาจเป็นเพียงการพักตัวชั่วคราวก่อนที่ราคาจะลงต่อ Judas Candle มักถูกมองว่าเป็นสัญญาณของการยืนยันแนวโน้มขาลง (bearish continuation pattern) แม้ว่าจะมีแท่งเทียนสีขาวเกิดขึ้นก็ตาม วิธีใช้ Judas Candle ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: Judas Candle มักเกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาลง และมีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นหลังจากการลงอย่างรุนแรง ตรวจสอบลักษณะของแท่งเทียน: แท่งแรกต้องเป็นแท่งสีดำขนาดใหญ่ แท่งที่สองต้องเป็นแท่งสีขาวที่มีขนาดเล็กกว่า เงาล่างของแท่งที่สองต้องมีความยาวเท่ากับความยาวของแท่งแรก วิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย: ปริมาณการซื้อขายที่ลดลงในแท่งที่สองอาจเป็นสัญญาณยืนยันของ Judas Candle สังเกตแท่งเทียนที่ตามมา: แท่งเทียนที่เกิดขึ้นหลัง Judas Candle มีความสำคัญในการยืนยันการดำเนินต่อของแนวโน้มขาลง ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น: [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

Piercing Line คืออะไร วิธีใช้วิเคราะห์

45 Piercing Line

Piercing Line คืออะไร? Piercing Line เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่งติดต่อกัน เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง แท่งแรกเป็นแท่งเทียนสีดำ (bearish) ขนาดใหญ่ แท่งที่สองเป็นแท่งเทียนสีขาว (bullish) ที่เปิดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งแรก แท่งที่สองปิดสูงกว่าจุดกึ่งกลางของแท่งแรก แต่ไม่สูงกว่าจุดเปิดของแท่งแรก Piercing Line ถูกมองว่าเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มขาลงเป็นขาขึ้น (bullish reversal pattern) โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลงหรือที่ระดับแนวรับสำคัญ วิธีใช้ Piercing Line ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: Piercing Line มีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน หรือที่ระดับแนวรับสำคัญ ตรวจสอบลักษณะของแท่งเทียน: แท่งแรกต้องเป็นแท่งสีดำขนาดใหญ่ แท่งที่สองต้องเป็นแท่งสีขาวที่เปิดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งแรก แท่งที่สองต้องปิดสูงกว่าจุดกึ่งกลางของแท่งแรก แต่ไม่สูงกว่าจุดเปิดของแท่งแรก วิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย: ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในแท่งที่สองอาจเป็นสัญญาณยืนยันที่แข็งแกร่ง สังเกตแท่งเทียนที่ตามมา: แท่งเทียนที่เกิดขึ้นหลัง Piercing Line มีความสำคัญในการยืนยันการกลับตัว ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือดัชนีกำลังสัมพัทธ์ (RSI) เพื่อยืนยันสัญญาณ ข้อควรระวังในการใช้ Piercing Line [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

Bearish Engulfing คืออะไร รูปแบบการเทรด วิธีการเทรดจุดเข้าออก

1.Bearish Engulfing คืออะไร

Bearish Engulfing คืออะไร Bearish Engulfing เป็นรูปแบบของกราฟแท่งเทียนที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคในตลาดทางการเงิน เป็นรูปแบบหนึ่งที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคาจากการเคลื่อนไหวของตลาดในช่วงเวลาหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดกำลังเคลื่อนที่ในแนวขาลง (downtrend) โดยคำว่า “engulfing” หมายถึงการที่แท่งเทียนสีแดง “กลืน” แท่งเทียนสีเขียวทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าแท่งเทียนสีแดงครอบคลุมและกินแท่งเทียนสีเขียวทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ Bearish Engulfing ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่ง แท่งแรกเป็นแท่งเทียนสีเขียว (กำลังขึ้น) และแท่งที่สองเป็นแท่งเทียนสีแดง (กำลังลง) แท่งเทียนสีแดงจะครอบคลุมแท่งเทียนสีเขียวทั้งหมดหรือส่วนใหญ่ของมัน นั่นหมายความว่าราคาขึ้นมากในแท่งก่อนหน้านี้กลายเป็นการลดลงและมีโอกาสที่ราคาจะต่อเนื่องในแนวลงต่อไป การเกิด Bearish Engulfing เป็นสัญญาณที่ชี้ว่าความคาดหมายของตลาดเปลี่ยนจากขาขึ้นเป็นขาลง ซึ่งอาจเกิดขึ้นหลังจากเกิดแนวโน้มขาขึ้นอย่างสั้น ๆ หรือจากการสร้างความกังวลให้กับผู้ซื้อ โดยอาจส่งผลให้ตลาดและราคาลดลงต่อไป ซึ่งการใช้งาน Bearish Engulfing ในการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียนนั้น ควรพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างแท่งขาขึ้นและแท่งขาลง โดยการคำนวณระยะเวลา ระยะห่าง และปริมาณการซื้อขายของแต่ละแท่ง นอกจากนี้ยังควรพิจารณาเทคนิคและตัวชี้วัดอื่น ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของสัญญาณ Bearish Engulfing และ ควรใช้ข้อมูลเพิ่มเติมเช่นแผนภูมิราคารวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับสภาวะตลาดทั่วไป และคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจมีผลต่อการซื้อขายของหลักทรัพย์ รูปแบบการเทรด Bearish Engulfing pattern Bearish [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

Bullish Engulfing คืออะไร รูปแบบการเทรดและวิธีการเทรด

1.Bullish Engulfing คืออะไร

Bullish Engulfing คืออะไร Bullish Engulfing เป็นรูปแบบของกราฟแท่งเทียน (candlestick pattern) ที่พบในการวิเคราะห์กราฟราคาในการซื้อขายหลักทรัพย์ และถือว่าเป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นถึงโอกาสที่มีการเปลี่ยนแปลงจากตลาดที่เป็นตลาดลดของราคาเป็นตลาดที่เป็นตลาดขึ้นของราคา กล่าวอีกนัยหนึ่ง สัญญาณ Bullish Engulfing บอกถึงการเปลี่ยนแปลงจากลูกค้าที่เห็นว่าราคาจะลดลงเป็นลูกค้าที่เห็นว่าราคาจะขึ้นสูงขึ้น Bullish Engulfing ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่ง ซึ่งแท่งแรกเป็นแท่งลดของราคา (bearish candle) และแท่งที่สองเป็นแท่งขึ้นของราคา (bullish candle) แท่งขึ้นของราคาจะครอบคลุมแท่งลดของราคาทั้งหมด นั่นหมายความว่าช่วงราคาเปิดและปิดของแท่งขึ้นจะอยู่เหนือช่วงราคาเปิดและปิดของแท่งลด ซึ่งการเกิด Bullish Engulfing นั้นแสดงถึงอำนาจของฝ่ายซื้อที่แข็งแกร่งขึ้น และบ่งบอกว่าอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในกระแสของตลาดในอนาคต การใช้ Bullish Engulfing ในการตัดสินใจการซื้อขายต้องร่วมกับการวิเคราะห์อื่นๆ เช่น เทรนด์ของราคา ระดับราคาสนับสนุนและความต้านทาน และต้องระมัดระวังกับสัญญาณที่อาจเป็นเท็จหรือสัญญาณที่ไม่แน่นอน รูปแบบการเทรด Bullish Engulfing Bullish Engulfing เป็นรูปแบบของกราฟแท่งเทียนที่ประกอบด้วยแท่งลดของราคา (Bearish Candle) และแท่งขึ้นของราคา (Bullish Candle) โดยแท่งขึ้นจะครอบคลุมแท่งลดทั้งหมด ซึ่งแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงจากตลาดที่เป็นตลาดลดและเป็นตลาดขึ้นของราคา นักลงทุนและนักเทรดใช้รูปแบบนี้เพื่อสังเกตและรับรู้สัญญาณการเปลี่ยนแปลงในตลาด ซึ่งอาจช่วยในการตัดสินใจซื้อหรือขายเมื่อพบรูปแบบ Bullish [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

จิตวิทยาแท่งเทียนและความหมายแท่งเทียนแต่ละแบบ มีอะไรบ้าง

กราฟแท่งเทียน คืออะไร

กราฟแท่งเทียน คืออะไร กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) คือ หนึ่งในวิธีการแสดงข้อมูลราคาของหุ้น, สินค้าหรือเงินตราต่างประเทศในตลาดการเงิน โดยเน้นไปที่การแสดงภาพรวมของการเคลื่อนไหวราคาในแต่ละช่วงเวลาที่กำหนด กราฟแท่งเทียนมีความสามารถในการสะท้อนถึงอารมณ์และความรู้สึกของนักลงทุนในตลาด และมักถูกนำมาใช้กับการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อหาแนวโน้มของตลาดและสัญญาณซื้อขาย ส่วนประกอบหลักของกราฟแท่งเทียนได้แก่ ราคาเปิด (Open Price): ราคาที่เริ่มต้นในช่วงเวลาที่กำหนด ราคาปิด (Close Price): ราคาสิ้นสุดในช่วงเวลานั้น ราคาสูงสุด (High Price): ราคาที่สูงที่สุดในช่วงเวลานั้น ราคาต่ำสุด (Low Price): ราคาที่ต่ำที่สุดในช่วงเวลานั้น ภาพรวมของกราฟแท่งเทียน ส่วนที่เป็นสี (ที่กล่าวว่าเป็น “เทียน” หรือ “Body”) แสดงถึงความแตกต่างระหว่างราคาเปิดกับราคาปิด หากแท่งเทียนเป็นสีเขียวหรือขาว หมายความว่าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด (ราคาขึ้น) หากแท่งเทียนเป็นสีแดงหรือดำ หมายความว่าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด (ราคาลดลง) “เสา” หรือ “Shadow” ที่มีทั้งด้านบนและด้านล่างของเทียนแสดงถึงการเคลื่อนไหวราคาในช่วงเวลานั้น จากราคาสูงสุดไปถึงราคาต่ำสุด จิตวิทยาแท่งเทียน เครื่องมือของนักลงทุน จิตวิทยาแท่งเทียน (candlestick chart) เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ในการตัดสินใจลงทุนในตลาดหุ้น หรือตลาดเงินอื่น ๆ จิตวิทยาในที่นี้คือการแสดงถึงการต่อสู้ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในแต่ละช่วงเวลา [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

แท่งเทียนบอกอะไรในการเทรด วิธีการอ่านเกมส์เทรดด้วยแท่งเทียน

1.แท่งเทียน คืออะไร

แท่งเทียน คืออะไร แท่งเทียนหรือ Candlestick เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้สำหรับการแสดงราคาที่เกิดขึ้นในระยะเวลาที่กำหนดไว้ วิธีนี้มาจากญี่ปุ่น และเป็นที่นิยมในการวิเคราะห์กราฟราคาตลาดหุ้น สกุลเงิน และตลาดอื่นๆ แท่งเทียนประกอบด้วยสี่ส่วนหลักคือ ราคาเปิด (Open Price) : ราคาที่เริ่มต้นในช่วงเวลาที่กำหนด ราคาปิด (High Price) : ราคาที่สิ้นสุดในช่วงเวลาที่กำหนด ราคาสูงสุด (Low Price) : ราคาที่สูงที่สุดที่ถูกทำการซื้อขายในช่วงเวลาที่กำหนด ราคาต่ำสุด (Low Price) : ราคาที่ต่ำที่สุดที่ถูกทำการซื้อขายในช่วงเวลาที่กำหนด ถ้าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะถูกแสดงเป็นสีเขียว หรือขาว(ขึ้นอยู่กับการตั้งค่า) และถ้าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะถูกแสดงเป็นสีแดง หรือดำ ในส่วนของ “ไส้เทียน” คือ เส้นที่ยื่นออกจากตัวแท่งเทียน แทนราคาสูงสุดและต่ำสุดในช่วงเวลานั้น ตัวแท่งเทียนในภาพรวมแสดงถึงกระแสความรู้สึกของผู้ลงทุนในตลาด และสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการทำนายแนวโน้มของตลาดในอนาคต แท่งเทียนบอกอะไรในการเทรด การวิเคราะห์แท่งเทียน (Candlestick) สามารถช่วยให้นักเทรดทำความเข้าใจถึงความผันผวนของราคา, แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงราคา และเป็นสัญญาณแนะนำสำหรับการทำการซื้อขาย มีหลากหลายรูปแบบแท่งเทียนที่นักเทรดทำใช้เป็นสัญญาณ บางรูปแบบมีความแม่นยำสูงเมื่อใช้ในสถานการณ์ที่เหมาะสม แท่งเทียนเดี่ยว: มีแท่งเทียนที่มีความหมายด้วยตัวเอง เช่น Doji [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

Engulfing Bearish Bullish คืออะไร ทำความรู้จักกับกราฟแท่งเทียน

1.Engulfing Bearish, Bullish คืออะไร

Engulfing Bearish และ Bullish คืออะไร Engulfing Bearish และ Bullish เป็นรูปแบบแท่งเทียน (candlestick patterns) ที่สำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคของตลาดการเงิน รูปแบบเหล่านี้ประกอบด้วยสองแท่งเทียน โดยแท่งที่สองมีขนาดใหญ่กว่าและ “กลืน” หรือครอบคลุมแท่งแรกไป (Nison, 2001) Engulfing Bearish แท่งแรก: เป็นแท่งเทียนขาขึ้น (bullish) สีเขียวหรือขาว แท่งที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาลง (bearish) สีแดงหรือดำ ที่มีขนาดใหญ่กว่าและครอบคลุมแท่งแรก เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง Engulfing Bullish แท่งแรก: เป็นแท่งเทียนขาลง (bearish) สีแดงหรือดำ แท่งที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาขึ้น (bullish) สีเขียวหรือขาว ที่มีขนาดใหญ่กว่าและครอบคลุมแท่งแรก เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้น ความสำคัญของ Engulfing Patterns Engulfing patterns มีความสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคเนื่องจาก: เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในอำนาจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย มีความน่าเชื่อถือสูงเมื่อเกิดขึ้นในบริบทที่เหมาะสม สถิติและความแม่นยำ จากข้อมูลในหนังสือ Encyclopedia [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]

Downside Gap Three Methods คืออะไร รูปแบบกราฟแท่งแท่งเทียน

Downside Gap Three Methods 1

Downside Gap Three Methods คืออะไร Downside Gap Three Methods เป็นรูปแบบแท่งเทียน (candlestick pattern) ที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคของตลาดการเงิน รูปแบบนี้ปรากฏในแนวโน้มขาลง (downtrend) และถือเป็นสัญญาณที่ยืนยันว่าแนวโน้มลงนั้นจะยังคงดำเนินต่อไป (Chen, 2023) แม้ว่าจะเป็นรูปแบบที่พบได้ไม่บ่อยนัก แต่ก็มีความสำคัญสำหรับนักลงทุนและนักวิเคราะห์ทางเทคนิค ลักษณะของ Downside Gap Three Methods รูปแบบ Downside Gap Three Methods ประกอบด้วยแท่งเทียนสามแท่ง ดังนี้: แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งเทียนสีดำ (หรือแดง) ยาว ปรากฏในขณะที่ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลง แท่งเทียนที่สอง: เป็นแท่งเทียนสีดำ (หรือแดง) อีกแท่ง ที่มีช่องว่าง (gap) ห่างลงมาจากแท่งเทียนแรก แท่งเทียนที่สาม: เป็นแท่งเทียนสีขาว (หรือเขียว) ที่เปิดภายในร่างกายของแท่งเทียนที่สอง และปิดภายในร่างกายของแท่งเทียนแรก ทำให้ “เติม” ช่องว่างระหว่างสองแท่งแรก (Bulkowski, 2021) ความสำคัญของ [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]