Forex หรือ Foreign Exchange Market เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก ซึ่งเป็นศูนย์กลางสำหรับการซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างๆ ทั่วโลก บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดทุกแง่มุมของ Forex ตั้งแต่ความหมาย ประวัติ กลไกการทำงาน ไปจนถึงวิธีการเทรดและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
Forex คืออะไร
Forex ย่อมาจาก Foreign Exchange Market หมายถึงตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นตลาดการเงินที่ไม่มีศูนย์กลาง (Decentralized) และมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์
ความสำคัญของ Forex:
- เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก
- มีบทบาทสำคัญในการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินต่างๆ
- เอื้ออำนวยต่อการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ
- เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
- เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน
ประวัติและพัฒนาการของตลาด Forex
การแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ตลาด Forex สมัยใหม่เริ่มก่อตัวขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 โดยมีพัฒนาการสำคัญดังนี้:
- ยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2: ใช้ระบบมาตรฐานทองคำ (Gold Standard) ในการกำหนดค่าเงิน
- 1944: การลงนามในข้อตกลง Bretton Woods กำหนดให้สกุลเงินต่างๆ ผูกติดกับดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์สหรัฐผูกติดกับทองคำ
- 1971: ประธานาธิบดี Richard Nixon ยกเลิกการผูกค่าเงินดอลลาร์กับทองคำ เป็นจุดเริ่มต้นของระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว
- 1973: เริ่มมีการใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวอย่างเต็มรูปแบบ และ Reuters นำเสนอจอมอนิเตอร์สำหรับแสดงข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยน
- 1990s: การพัฒนาของอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีการสื่อสารทำให้การเทรด Forex เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับนักลงทุนรายย่อย
- 2000s-ปัจจุบัน: การเติบโตอย่างรวดเร็วของการเทรด Forex ออนไลน์ และการพัฒนาของแพลตฟอร์มการเทรดที่ทันสมัย
ขนาดและปริมาณการซื้อขายในตลาด Forex
ตลาด Forex เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันสูงถึง 7.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 ตามรายงานของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (Bank for International Settlements) [1]
เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดการเงินอื่นๆ:
- ตลาดหุ้นทั่วโลก: มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยประมาณ 200-300 พันล้านดอลลาร์ต่อวัน (น้อยกว่า Forex ประมาณ 25-30 เท่า)
- ตลาดพันธบัตร: มูลค่าการซื้อขายประมาณ 700-800 พันล้านดอลลาร์ต่อวัน (น้อยกว่า Forex ประมาณ 10 เท่า)
- ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์: มูลค่าการซื้อขายรวมกันประมาณ 100-150 พันล้านดอลลาร์ต่อวัน (น้อยกว่า Forex มากกว่า 50 เท่า)
การแบ่งสัดส่วนของปริมาณการซื้อขายใน Forex:
- Spot transactions: 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวัน
- Outright forwards: 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวัน
- Foreign exchange swaps: 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวัน
- Currency swaps: 124 พันล้านดอลลาร์ต่อวัน
- Options และผลิตภัณฑ์อื่นๆ: 304 พันล้านดอลลาร์ต่อวัน
เวลาทำการและเวลาซื้อขายของตลาด Forex
ตลาด Forex เป็นตลาดที่เปิดทำการ 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ โดยเริ่มตั้งแต่วันจันทร์เวลา 5:00 น. ตามเวลาเขตตะวันออก (EST) ไปจนถึงวันศุกร์เวลา 17:00 น. EST การที่ตลาดเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเพราะมีศูนย์กลางการเงินหลายแห่งทั่วโลกที่เปิดและปิดในเวลาที่แตกต่างกัน
ตลาด Forex แบ่งออกเป็น 4 เซสชันหลัก:
- เซสชันซิดนีย์ (ออสเตรเลีย): เปิด 17:00 – 02:00 EST
- เซสชันโตเกียว (เอเชีย): เปิด 19:00 – 04:00 EST
- เซสชันลอนดอน (ยุโรป): เปิด 03:00 – 12:00 EST
- เซสชันนิวยอร์ก (อเมริกาเหนือ): เปิด 08:00 – 17:00 EST
ช่วงเวลาที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดมักจะเกิดขึ้นเมื่อมีการทับซ้อนกันของเซสชัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่เซสชันลอนดอนและนิวยอร์กทับซ้อนกัน (08:00 – 12:00 EST) ซึ่งมักจะมีปริมาณการซื้อขายและความผันผวนสูงที่สุด
นักเทรดควรพิจารณาเวลาทำการของตลาดและเซสชันต่างๆ เมื่อวางแผนกลยุทธ์การเทรด เนื่องจากแต่ละเซสชันอาจมีลักษณะการเคลื่อนไหวของราคาและสภาพคล่องที่แตกต่างกัน
เวลาเปิดปิดตลาด Forex เทียบเวลาไทย
ตลาด Forex จะเป็นตลาดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง เนี่องจาก ตลาด Forex เป็นตลาดที่เทรด Over the Counter หรือ OTC Market หรือก็คือ ลูกค้าสามารถส่งคำสั่งเองได้ โดยไม่ผ่าน Marketing ซึ่งแตกต่างจากตลาดหุ้นไทย
ทำไมตลาด Forex ถึงเปิดได้ตลอด 24 ชั่วโมง นั่นก็เพราะว่าแต่ละประเทศมีเวลาทำการไม่เหมือนกัน ดังนั้น เมื่อตลาดหนึ่งเปิด ตลาดอีกตลาดจะปิด และตลาดหนึ่งปิด อีกตลาดก็จะเปิดขึ้นมารับช่วงต่อกัน ทำให้ตลาด Forex เป็นตลาดที่ไม่มีวันหลับไหล
นี่คือตารางเวลาเปิดปิดตลาด Forex ตามเวลาประเทศไทย GMT+7 ดังต่อไปนี้
ตลาด | เวลาเปิด | เวลาปิด |
ตลาดออสเตรเลีย | 5.00 น. | 13.00 น. |
ตลาดญี่ปุ่น | 6.00 น. | 14.00 น. |
ตลาดยุโรป | 14.00 น. | 23.00 น. |
ตลาดลอนดอน | 15.00 น. | 24.00 น. |
ตลาดอเมริกา | 20.00 น. | 5.00 น. |
กลไกการทำงานของตลาด Forex
ตลาด Forex เป็นตลาดแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) ที่ไม่มีศูนย์กลางการซื้อขายเหมือนตลาดหุ้น การซื้อขายเกิดขึ้นผ่านเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างธนาคาร สถาบันการเงิน และนักลงทุนทั่วโลก กลไกการทำงานของตลาด Forex มีดังนี้:
- การกำหนดราคา (Price Quotation):
- การจับคู่คำสั่งซื้อขาย (Order Matching):
- เมื่อราคา Bid และ Ask ตรงกัน ระบบจะจับคู่คำสั่งซื้อและขายโดยอัตโนมัติ
- ในตลาดระหว่างธนาคาร (Interbank Market) การจับคู่อาจเกิดขึ้นโดยตรงระหว่างคู่ค้า
- สภาพคล่อง (Liquidity):
- ธนาคารขนาดใหญ่และ Market Makers เป็นผู้ให้สภาพคล่องหลักในตลาด
- สภาพคล่องสูงทำให้สามารถดำเนินการซื้อขายได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- การชำระราคาและส่งมอบ (Settlement):
- การชำระราคาส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายใน T+2 (2 วันทำการหลังจากวันที่ทำการซื้อขาย)
- สำหรับ Spot Forex ไม่มีการส่งมอบสกุลเงินจริง แต่จะทำการชำระส่วนต่างเป็นเงิน
- เลเวอเรจและมาร์จิน (Leverage and Margin):
- ผู้เทรดสามารถใช้เลเวอเรจเพื่อควบคุมสถานะขนาดใหญ่ด้วยเงินลงทุนน้อย
- มาร์จินคือเงินประกันที่ต้องวางไว้เพื่อเปิดและรักษาสถานะการเทรด
- การป้องกันความเสี่ยง (Hedging):
- ผู้เทรดสามารถใช้กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงโดยการเปิดสถานะตรงข้ามเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
- การรายงานและความโปร่งใส (Reporting and Transparency):
- ธนาคารกลางและสถาบันการเงินขนาดใหญ่มีหน้าที่รายงานปริมาณการซื้อขายและสถานะการถือครองเงินตราต่างประเทศ
- ข้อมูลนี้ช่วยให้ผู้กำกับดูแลสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดและป้องกันการปั่นป่วนตลาด
- การกำกับดูแล (Regulation):
- แม้ว่าตลาด Forex จะไม่มีศูนย์กลาง แต่ผู้ให้บริการเทรด Forex ในแต่ละประเทศจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานท้องถิ่น
- หน่วยงานกำกับดูแลมีหน้าที่ในการป้องกันการฉ้อโกงและสร้างความเป็นธรรมในตลาด
- เทคโนโลยีและการเทรดอัตโนมัติ (Technology and Automated Trading):
- ระบบการเทรดอิเล็กทรอนิกส์และอัลกอริธึมการเทรดมีบทบาทสำคัญในการกำหนดราคาและจับคู่คำสั่งซื้อขาย
- High-Frequency Trading (HFT) เป็นส่วนสำคัญของปริมาณการซื้อขายในตลาด Forex
กลไกการทำงานของตลาด Forex ที่ซับซ้อนและมีประสิทธิภาพนี้ทำให้ตลาดสามารถรองรับปริมาณการซื้อขายมหาศาลได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรเข้าใจกลไกเหล่านี้เพื่อสามารถวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการลงทุน
คู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุด
ในตลาด Forex มีคู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดดังนี้:
- EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ): 22.7% ของการซื้อขายทั้งหมด
- USD/JPY (ดอลลาร์สหรัฐ/เยนญี่ปุ่น): 13.5%
- GBP/USD (ปอนด์สเตอร์ลิง/ดอลลาร์สหรัฐ): 9.5%
- AUD/USD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย/ดอลลาร์สหรัฐ)
- USD/CAD (ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์แคนาดา)
- USD/CHF (ดอลลาร์สหรัฐ/ฟรังก์สวิส)
- NZD/USD (ดอลลาร์นิวซีแลนด์/ดอลลาร์สหรัฐ)
โดยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีส่วนแบ่งในการซื้อขายสูงถึง 88.5% ของธุรกรรมทั้งหมด ตามด้วยยูโร (30.5%), เยนญี่ปุ่น (16.7%), และปอนด์สเตอร์ลิง (12.9%)
ผู้เล่นหลักในตลาด Forex
- ธนาคารพาณิชย์: เป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในตลาด Forex โดยธนาคารชั้นนำ เช่น JP Morgan, UBS, และ Deutsche Bank มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด
- ธนาคารกลาง: มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน
- บริษัทข้ามชาติ: ใช้ตลาด Forex เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ
- นักเก็งกำไรและนักลงทุนสถาบัน: รวมถึงกองทุนเฮดจ์ฟันด์ กองทุนรวม และนักลงทุนรายใหญ่
- นักลงทุนรายย่อย: แม้จะมีสัดส่วนน้อยกว่าผู้เล่นรายใหญ่ แต่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
- โบรกเกอร์ Forex: ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างนักลงทุนรายย่อยกับตลาด
FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง