CFD คือ อะไร CFD คือ สัญญาซื้อขายที่กินส่วนต่างราคาเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีกรรมสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้น ชื่อเต็มคือ Contract For Differences ซึ่งเป็นที่นิยมในต่างประเทศ และในหมู่คนไทยที่เป็นที่รู้จักดี คือ Forex สัญญาแบบ CFD ก็คือ การเอาราคาอ้างอิงจากสินทรัพย์ประเภทอื่น มาแล้วใช้เพื่อเป็นเครื่องมือในการเทรดเพื่อลดความเสี่ยงจากการเทรดสินทรัพย์จริง ๆ ซึ่งจะใช้ Leverage ไม่ได้ สัญญาในตลาด CFD จะไม่ได้รับกรรมสิทธิ์ในสินค้านั้น ๆ เช่น ถ้าหากเราซื้อทองในโบรกเกอร์ CFD ก็จะไม่ได้ทองจริง ๆ แต่ว่า เมื่อราคาทองขึ้น เราก็จะได้กำไรจริง ๆ เช่นเดียวกัน ซึ่งสัญญา CFD เป็นสัญญาที่ใช้ Leverage ที่เหมือนกับ Futures แต่ว่าแตกต่างจาก Futures คือสัญญาณที่จะส่งมอบสินค้ากันในอนาคต ถ้าหากไม่มีการเปลี่ยนมือสัญญาไปเสียก่อน การเปลี่ยนมือสัญญา Futures ก็เหมือนกับการเก็งกำไรในระยะสั้น ซึ่ง CFD เป็นเหมือนกับการเก็งกำไรในราคาสินค้ามากกว่า ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
กราฟแท่งเทียน คือ กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) คือ ชนิดหนึ่งของกราฟที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคภายในตลาดการเงินและตลาดหุ้น เพื่อแสดงราคาเปิด, ราคาปิด, ราคาสูงสุด, และราคาต่ำสุดของระยะเวลาที่กำหนด ส่วนประกอบหลักๆของแท่งเทียนมี 2 ส่วน ส่วนที่ 1 ตัวแท่ง (Body) ตัวแท่ง (Body): ซึ่งแสดงราคาเปิดและปิด ถ้าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะเป็นสีเขียว (หรือสีอื่นๆที่ถูกกำหนดไว้) และถ้าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะเป็นสีแดง ตัวแท่ง (Body) ของกราฟแท่งเทียนเป็นส่วนหลักที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงราคาในช่วงเวลาที่ต้องการวิเคราะห์มันสามารถเข้าใจได้ง่ายและให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับกระแสตลาดในช่วงเวลานั้น ๆ ได้ แท่งเทียนขาว หรือ เขียว: หากตัวแท่ง (Body) เป็นสีขาวหรือเขียว มันแสดงว่า ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดในช่วงเวลานั้น ตัวแท่งเริ่มที่ราคาเปิดและสิ้นสุดที่ราคาปิด หมายความว่าในช่วงเวลานั้น ๆ ราคาได้เพิ่มขึ้น แท่งเทียนดำ หรือ แดง: หากตัวแท่ง (Body) เป็นสีดำหรือแดง มันแสดงว่า ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิดในช่วงเวลานั้น. ตัวแท่งเริ่มที่ราคาเปิดและสิ้นสุดที่ราคาปิด แสดงว่าในช่วงเวลานั้น ๆ ราคาได้ลดลง [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
ในโลกของการวิเคราะห์ทางเทคนิคในตลาดการเงิน “Big Black Candle” หรือ “แท่งเทียนดำขนาดใหญ่” เป็นหนึ่งในรูปแบบแท่งเทียนที่นักลงทุนและนักเทรดให้ความสำคัญ เนื่องจากมันสามารถบ่งบอกถึงแนวโน้มของตลาดได้อย่างมีนัยสำคัญ Big Black Candle คืออะไร? Big Black Candle เป็นแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: มีขนาดตัวเทียนที่ยาวผิดปกติ มีช่วงราคาระหว่างจุดสูงสุดและต่ำสุดกว้าง ราคาเปิดอยู่ใกล้จุดสูงสุดของวัน ราคาปิดอยู่ใกล้จุดต่ำสุดของวัน แท่งเทียนนี้มักถูกมองว่าเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงแนวโน้มขาลง (bearish pattern) ในตลาด วิธีใช้ Big Black Candle ในการวิเคราะห์ สังเกตบริบท: Big Black Candle มีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นหลังจากช่วงขาขึ้น หรือเมื่อราคาอยู่ใกล้แนวต้านสำคัญ ดูปริมาณการซื้อขาย: หากเกิด Big Black Candle พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มที่รุนแรง พิจารณาแท่งเทียนที่ตามมา: หากแท่งเทียนถัดไปยืนยันทิศทางขาลง (เช่น เป็นแท่งดำอีกแท่ง) อาจเป็นการยืนยันแนวโน้มขาลงที่กำลังจะเกิดขึ้น ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) เพื่อยืนยันสัญญาณ [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
แท่งเทียนกลับตัว เป็นรูปแบบการกลับตัวของกราฟแท่งเทียน ที่ได้รับความนิยมในตลาด Forex ตลาดหุ้น และการวิเคราะห์ตลาดเกิดใหม่อย่างตลาด crypto นั่นก็เพราะว่า ไม่ว่าตลาดใด ๆ ก็มีกราฟแท่งเทียนใช้ สาเหตุที่กราฟแท่งเทียนใช้ได้ผลก็เพราะว่า กราฟแท่งเทียนนั้นเป็นกราฟที่สร้างมาจากราคา ไม่ได้มีความซับซ้อนเหมือนกับ indicator อีกทีหนึ่ง การตีความกราฟแท่งเทียน จึงตรงไปตรงมากกว่าการใช้งาน indicator ที่สร้างมาจากราคา ทำให้การเคลื่อนไหวของ indicator ช้ากว่าราคาเสมอ อย่างไรก็ตาม การตีความกราฟแท่งเทียน ต้องอาศัยความชำนาญในการวิเคราะห์ แม้ว่าจะรู้ว่ามีรูปแบบอย่างไรก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำกำไรออกจากตลาดไปได้ง่าย ๆ ในบทความนี้จึงเป็นการรวบรวมรูปแบบแท่งเทียนกลับตัว ที่สำคัญในตลาดเพื่อให้ความรู้และฝึกความชำนาญ โดยรวบรวมจากเว็บไซต์ในต่างประเทศที่ใช้การวิเคราะห์แท่งเทียนกลับตัว แท่งเทียนกลับตัว คืออะไร แท่งเทียนกลับตัว กล่าวถึง รูปแบบของกราฟแท่งเทียน ที่บ่งบอกสัญญาณว่า ทิศทางของราคาจะมีการเปลี่ยนทิศทาง จากการเคลื่อนไหวก่อนหน้า เช่น การเคลื่อนไหวก่อนหน้าเป็นเทรนขาขึ้น เมื่อเกิดกราฟแท่งเทียนกลับตัว ทำให้กราฟเปลี่ยนเป็นขาลง โดยรูปแบบของกราฟแท่งเทียน เพียงไม่กี่แท่งจะเป็นตัวกำหนด ทั้งนี้เพราะว่า ลักษณะของกราฟนั้นได้สะท้อนอารมณ์ของคนในตลาดขึ้นเรียบร้อย รูปแบบของกราฟแท่งเทียนกลับตัว กราฟแท่งเทียนกลับตัวมีทั้งหมด 12 รูปแบบดังต่อไปนี้ Engulfing candlestick Pin bar [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
ลุงโฉลก สัมพันธารักษ์ เป็นนักลงทุนกลุ่มแรก ๆ ที่ออกมาสนับสนุนการลงทุนในบิทคอยน์ ตั้งแต่ช่วงปี 2013 ซึ่งขณะนั้น บิทคอยน์ราคาอยู่ที่ 1 BTC เท่ากับ 3,000 บาท นักลงทุนต่างก็ยกย่องให้ลุงโฉลกเป็นนักลงทุนระดับตำนานของประเทศไทย ประวัติ ลุงโฉลก สัมพันธารักษ์ ปรมาจารย์แห่งการลงทุน ผู้บุกเบิกการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ และ Future เป็นคนแรก ๆ ของประเทศไทย นักลงทุนและสื่อต่าง ๆ ขนานนามว่า เซียนเหนือเซียน เนื่องจากเป็นอาจารย์ของเซียนในตลาด หนึ่งในลูกศิษย์ของลุงโฉลก เช่น คุณหยง ธำรงชัย เอกอมรวงศ์ ประสบการณ์การลงทุนมากกว่า 40 ปี ผู้ก่อตั้งชมรม CDC แหล่งเรียนรู้การวิเคราะห์ทางเทคนิค เว็บไซต์ chaloke.com มูลค่าทรัพย์สินของลุงโฉลก ไม่เป็นที่เปิดเผยแน่ชัด แน่น่าจะทะลุหลัก พันล้าน โฉลกวางมือในวงการเทรดไปแล้วประมาณปีพ.ศ.2535 หลังจากกลับมาเข้าวงการเป็นที่โด่งดังเนื่องจากเป็นนักลงทุนรายแรก ๆ ที่สนับสนุนการซื้อ บิทคอยน์ ปัจจุบันเป็นนักลงทุน วิทยากร และอาจารย์สอนการลงทุน [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
กระทรวง จารุศิระ ประวัติ “ซัน-กระทรวง จารุศิระ” แชมป์รายการ แฟนพันธ์แท้ตลาดหุ้นไทย ปี 2013 ซึ่งเป็นคนก่อตั้ง โครงการซุปเปอร์ เทรดเดอร์ ไทยแลนด์ (Super Trader Thailand) โครงการเป็นการค้นหาเทรดเดอร์มืออาชีพที่จัดขึ้นเพื่อพัฒนาเทรดเดอร์และวงการการลงทุนในตลาดหุ้นไทย การแข่งขันจะมีโค๊ชอยู่โดย คุณซันเป็น 1 ในโค๊ช 11 คนที่ทำการฝึกนักลงทุนเข้าสู่สนามแข่ง สำหรับคุณซันกระทรวง มีรายละเอียดข้อมูลและประวัติดังต่อไปนี้ ประวัติเบื้องต้น กระทรวง จารุศิระ มีชื่อเล่น ว่า “ซัน” เป็นลูกชายคนโต โดยมีน้องสาวอีก 1 คน ห่างกัน 5 ปี ครอบครัว ทำอาชีพค้าขาย ขายส่งสินค้าในจังหวัดสระบุรี หลังจากนั้น ครอบครัวได้เลิกทำกิจการไปในปี 2532 เนื่องจากสภาพการแข่งขันที่สูง ปี พ.ศ. 2556 ซัน ชนะการแข่งขัน รายการแฟนพันธ์แท้ตลาดหุ้นไทย เขามีอายุ 35 ปี ปี [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Dark Cloud Cover เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่สำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของตลาด บทความนี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Dark Cloud Cover ตั้งแต่ความหมาย ลักษณะสำคัญ ไปจนถึงวิธีการใช้งานและข้อควรระวัง Dark Cloud Cover คืออะไร? Dark Cloud Cover เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงการกลับตัวแบบขาลง (bearish reversal) ที่มักปรากฏในช่วงท้ายของแนวโน้มขาขึ้น รูปแบบนี้ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่งที่มีลักษณะเฉพาะ: แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งสีเขียว (หรือขาว) แสดงถึงการเพิ่มขึ้นของราคา แท่งเทียนที่สอง: เป็นแท่งสีแดง (หรือดำ) ที่เปิดสูงกว่าราคาปิดของแท่งแรก แต่ปิดต่ำกว่าจุดกึ่งกลางของแท่งแรก รูปแบบนี้สะท้อนถึงความไม่แน่นอนในตลาดและอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง ลักษณะสำคัญของ Dark Cloud Cover เพื่อให้เข้าใจ Dark Cloud Cover ได้ดียิ่งขึ้น เรามาดูลักษณะสำคัญของรูปแบบนี้กัน: แนวโน้มขาขึ้นก่อนหน้า: Dark Cloud Cover ควรปรากฏหลังจากมีแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งขาขึ้นที่แข็งแกร่ง มักมีลำตัวยาวและมีเงาน้อยหรือไม่มีเลย แท่งเทียนที่สอง: เปิดด้วย gap [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Morning Star คืออะไร? Morning Star เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: เกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาลง (downtrend) ประกอบด้วยแท่งเทียนสามแท่ง แท่งแรกเป็นแท่งเทียนสีดำ (bearish) ขนาดใหญ่ แท่งที่สองเป็นแท่งเทียนขนาดเล็ก (สีขาวหรือดำ) ที่มี gap ลงจากแท่งแรก แท่งที่สามเป็นแท่งเทียนสีขาว (bullish) ที่ปิดสูงเข้าไปในตัวแท่งเทียนของแท่งแรก Morning Star ถูกมองว่าเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มขาลงเป็นขาขึ้น (bullish reversal pattern) ที่มีความน่าเชื่อถือสูง โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง วิธีใช้ Morning Star ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: Morning Star ต้องเกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน และมีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นใกล้กับระดับแนวรับหรือจุดต่ำสุดของแนวโน้ม ตรวจสอบลักษณะของแท่งเทียน: แท่งแรกต้องเป็นแท่งสีดำขนาดใหญ่ แท่งที่สองต้องเป็นแท่งขนาดเล็กที่มี gap ลงจากแท่งแรก แท่งที่สามต้องเป็นแท่งสีขาวที่ปิดสูงเข้าไปในตัวแท่งเทียนของแท่งแรก วิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย: ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในแท่งที่สามอาจเป็นสัญญาณยืนยันที่แข็งแกร่ง สังเกตแท่งเทียนที่ตามมา: แท่งเทียนที่เกิดขึ้นหลัง Morning Star มีความสำคัญในการยืนยันการกลับตัว ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
Three Black Crows คืออะไร? Three Black Crows เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: ประกอบด้วยแท่งเทียนสามแท่งติดต่อกัน ทั้งสามแท่งเป็นแท่งเทียนสีดำ (bearish) ขนาดใหญ่ แต่ละแท่งเปิดภายในตัวแท่งของแท่งก่อนหน้า และปิดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งก่อนหน้า ราคาปิดของแต่ละแท่งอยู่ใกล้กับจุดต่ำสุดของแท่งนั้น Three Black Crows มักเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้นหรือในช่วงที่ตลาดอยู่ในจุดสูงสุด และถูกมองว่าเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลง (bearish reversal pattern) ที่มีความน่าเชื่อถือสูง วิธีใช้ Three Black Crows ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: Three Black Crows มีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้นที่ยาวนานหรือที่จุดสูงสุดของตลาด ตรวจสอบลักษณะของแท่งเทียน: ทั้งสามแท่งควรเป็นแท่งสีดำขนาดใหญ่ แต่ละแท่งควรเปิดภายในตัวแท่งของแท่งก่อนหน้าและปิดต่ำกว่า ราคาปิดควรอยู่ใกล้กับจุดต่ำสุดของแต่ละแท่ง วิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย: ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในแต่ละแท่งอาจเป็นสัญญาณยืนยันที่แข็งแกร่ง สังเกตแท่งเทียนที่ตามมา: แท่งเทียนที่เกิดขึ้นหลัง Three Black Crows มีความสำคัญในการยืนยันการกลับตัว ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือดัชนีกำลังสัมพัทธ์ (RSI) เพื่อยืนยันสัญญาณ ข้อควรระวังในการใช้ [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]
On Neckline คืออะไร? On Neckline เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้: เกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาลง (downtrend) ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่ง แท่งแรกเป็นแท่งเทียนสีดำ (bearish) ขนาดใหญ่ แท่งที่สองเป็นแท่งเทียนสีขาว (bullish) ขนาดเล็กกว่า โดยราคาปิดอยู่ใกล้กับราคาต่ำสุดของแท่งแรก On Neckline ถูกมองว่าเป็นรูปแบบการดำเนินต่อของแนวโน้มขาลง (bearish continuation pattern) แม้ว่าจะมีแท่งเทียนสีขาวเกิดขึ้น แต่การที่ราคาไม่สามารถปิดสูงกว่าราคาต่ำสุดของแท่งก่อนหน้าได้มาก แสดงถึงแรงซื้อที่ยังไม่เพียงพอที่จะกลับแนวโน้ม วิธีใช้ On Neckline ในการวิเคราะห์ พิจารณาบริบท: On Neckline ต้องเกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน ตรวจสอบลักษณะของแท่งเทียน: แท่งแรกต้องเป็นแท่งสีดำขนาดใหญ่ แท่งที่สองต้องเป็นแท่งสีขาวที่มีราคาปิดใกล้กับราคาต่ำสุดของแท่งแรก วิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย: ปริมาณการซื้อขายที่ลดลงในแท่งที่สองอาจเป็นสัญญาณยืนยันของการดำเนินต่อของแนวโน้มขาลง สังเกตแท่งเทียนที่ตามมา: แท่งเทียนที่เกิดขึ้นหลัง On Neckline มีความสำคัญในการยืนยันการดำเนินต่อของแนวโน้มขาลง ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือดัชนีกำลังสัมพัทธ์ (RSI) เพื่อยืนยันสัญญาณ ข้อควรระวังในการใช้ On Neckline ไม่ควรใช้เพียงอย่างเดียว: [อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก]