ราคาน้ำมัน WTI คือ อะไร อ่านข้อมูลอย่างละเอียด

IUX Markets Bonus

Contents

WTI คืออะไร

ราคาน้ำมัน WTI หรือชื่อเต็มว่า West Texas Intermediate เป็นน้ำมันดิบเกรดผสม ซึ่งราคาที่ใช้เป็นราคา Spot Price ราคา Futures Price และราคาประเมิน

  • ราคาน้ำมัน WTI ที่เราพูดถึงบ่อย ๆ ก็คือ ราคา WTI Crude Oild Futures
  • สินค้าที่พูดถึงนี้จะถูกเทรดในตลาด New York Mercantile Exchange (NYMEX)
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI เป็นที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า Texas Light Sweet
  • น้ำมันดับที่ไหนก็ตาม ก็อาจจะเรียกว่า WTI ได้ถ้ามีคุณสมบัติตรงตามกำหนดของที่นี่
  • ราคา Spot กับ Futures ของ WTI เป็นเกณฑ์มาตรฐานของราคาน้ำมันดิบทั่วโลก

กราฟราคาน้ำมันดิบ

สำหรับการขึ้นลงของราคาน้ำมันดิบ สามารถติดตามราคาได้ใน Tradingview มีบริการราคาน้ำมันอยู่ ดังต่อไปนี้

กราฟราคาน้ำมันดิบ WTI ณ วันที่ 3 เดือนตุลาคม 2022

1 กราฟราคาน้ำมันดิบ

อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ต้องการใช้กราฟที่ไกลกว่านั้น สามารถหาได้จากหลายแหล่ง ได้แก่

  • Yahoo.com
  • data.nasdaq.com
  • tradingview
  • oilprice.com

ข้อมูลอื่น ๆ

ราคาน้ำมันดิบมีข้อมูลสำคัญสำหรับการทำความเข้าใจสั้น ๆ ดังต่อไปนี้

  • light crude oil หรือ texas light sweet ไม่ได้แปลว่ามีน้ำตาลเยอะ
  • แต่เพราะว่า มันมีความหนาแน่นต่ำและมี sulfur หรือกำมะถันต่ำ
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI มักจะรายงานคู่กันในข่าว คือ WTI และ Brent Crude oil ซึ่งมาจาก North sea
  • ราคาน้ำมัน WTI มีค่าความหนืดต่ำกว่า และมี sulfur น้อยกว่าที่ Brent
  • และมีค่าความหนืดต่ำกว่า และ sulfur น้อยกว่า Dubai และ Oman

ตลาดน้ำมันในตลาดโลกที่สำคัญอื่น ๆ

HFM Market Promotion

ตลาดอื่น ๆ นอกเหนือจากตลาดสหรัฐได้แก

  • Dubai Crude
  • Oman Crude
  • Urals Oil
  • OPEC Reference Basket

ราคาน้ำมันในสหรัฐฯ

สำหรับตลาดน้ำมันในตลาดสหรัฐอย่างที่ทราบกันแล้วว่ามีตลาด Brent อยู่ที่สหรัฐฯด้วยเช่นกัน ซึ่งตลาดบริเวณนั้นก็จะมีตลาด 2 ตลาดนี้เป็นหลัก ได้แก่

  • WTI หรือ USoil อยู่ในตลาด NYMEX
  • ตลาด Brent UKoil อยู่ในตลาด CMI กับ ตลาด ICE เป็น futures contract เหมือนกัน

ตลาด Brent Oil price

ตลาด Brent ก็เป็นผลิตภัณฑ์น้ำมัน ที่รวมเอาผลิตภัณฑ์อื่น ๆเข้าด้วยกัน เรียกว่า Brent Complex ซึ่งเทรดใน North Sea หรือว่า ทะเลเหนือ (North se of Northwest Europe) แถวมหาสมุทร แอตแลนติก

  • Brent Crude oil มักจะกล่าวถึง ICE คือ Intercontinental Exchange หรือ Brent Crude Oil futures contract
  • Brent Crude oil คือ Sweet light crude oil ที่ได้จากโรงกลั่นบริเวณนั้น
  • ซึ่งประกอบด้วยแหล่งผลิตจาก Forties, Oseberg, Ekofisk, Troll และอื่น ๆ อีกประปราย
  • บางครั้งเรียกว่า Brent Blend , London Brent และ Brent Petroleum
  • การซ์้อขายมีอยู่ใน ICE Brent Crude oil futures และ CME Brent Crude oil future
  • มักถูกใช้ hedging ระหว่าง 2 ตลาดกับ WTI อยู่เสมอ

ราคาน้ำมัน WTI ตัวย่อ

สำหรับราคาน้ำมันในการซื้อขายใน Platform MT4 ของโปรแกรมเทรด Forex ชื่อดัง สามารถซื้อขายได้ อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้แตกต่างจากการซืื้อขาย Futures ในตลาด NYMEX หรือ CME อยู่แล้วเพราะไม่ได้ทำการครอบครองสินค้าจริง เช่นกัน

ตัวย่อราคาน้ำมัน Tickmill

2 ตัวย่อราคาน้ำมัน Tickmill

XTI และ Brent

ในตลาด Forex ราคาน้ำมันที่เทรดกันได้เรียกว่า CFDs Oil ซึ่งไม่ได้ถือครองสินค้าจริง และเป็นการเก็งกำไรล้วน ๆ สำหรับตัวย่อที่มักปรากฏในตลาด CFD ได้แก่

  • WTI
  • USoil (WTI)
  • UKoil (Brent)
  • XTI
  • Oil

ถ้าหากว่าไม่ได้มี 2 ผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจน นั่นคือ CFDs อ้างอิงจากตลาด WTI เป็นหลัก

ตัวย่อราคาน้ำมัน Exness

3 ตัวย่อราคาน้ำมัน Exness

น้ำมันดิบ WTI ระดับซื้อขาย

WTI Crude oil ไม่ได้มาจากแหล่งน้ำมันเฉพาะใด ๆ อย่างที่เราได้พูดถึงใน Brent น้ำมัน WTI คือน้ำมันที่มีมาตรฐาน เรียกว่า “light sweet oil trade at Cushing, Oklahoma”

คุณภาพน้ำมันของแต่ละแหล่งผลิตในโลก

4 น้ำมันดิบ WTI ระดับซื้อขาย

จากข้อมูล การเทรดในพื้นที่ Midland ของสหรัฐได้แก่ Texas, Cushing, Oklahoma ก็เรียกว่า WTI แต่ว่าเมื่อกำลังการผลิตลดลง และมาตฐานน้ำมันเริ่มลดต่ำลง ก็เลยเอาน้ำมันจากที่อื่นเข้ามาใช้ด้วย แต่ว่าต้องได้มาตรฐานของ WTI ซึ่งก็ยอมรับว่าเป็น WTI เช่นกัน

ความหนืดหรือ lightness และความหวาน (Sweetness) ของน้ำมันดิบแต่ละที่จะเปลี่ยนแปลงตามการวัดของ Cushing โดยมีค่าการวัดดังนี้

การวัดความหนืดและปริมาณ sulfer

ลักษณะ
NYMEX
Platts WTI
Argus WTI
Lightness
37-42 api gravity
41.4 API gravity
40 APi gravity
Sweetness
<0.42% sulfur
0.37% sulfur
0.40% sulfur

มาตรฐานการวัด WTI

Platts และ Argus เป็นผู้กำหนดมาตรฐาน WTI เช่นกัน ขณะที่มาตรฐานการขนส่ง หรือการซื้อขายใน NYMEX สำหรับ WTI ในตลาด Futures ก็ต้องเป็นหลักในการซื้อขาย ซึ่งจะใกล้เคียงกับ Platts และ Argus

การพัฒนาตลาด WTI

การพัฒนาของตลาด WTI เริ่มจากสหรัฐฯให้ความสำคัญกับราคาน้ำมันโลก ได้มีการพัฒนาตลาด Spot WTI ขึ้นมา ภายใต้ พรบ. US Emergency Petroleum Allocation Act of 1973 ตลาด WTI ได้เทรดผลิตภัณฑ์น้ำมันหลายอย่าง

แต่ภายหลังการควบคุม ก็ได้มาเทรดใน WTI โดยอ้างอิงราคา Spot 0าก Cushing, Oklahom, Midland, Texas, Houston แต่ภายหลังจากการลดลงของราคาน้ำมัน ช่วงปี 1985 – 86 ตลาด Spot เริ่มลดความนิยมลงมาก ทำให้ตลาด Futures ของ WTI เข้ามามีบทบาท

สาเหตุเพราะว่าตลาด Spot ทำกำไรขาลงไม่ได้ ขณะที่ Futures ทำกำไรขาลงได้ ทำให้ความนิยมเริ่มพุ่งสูงขึ้น

และด้วยราคาที่ผันผวนของตลาด WTI ทำให้สัญญา futures นั้นเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยง ที่ทำให้มีคนส่วนใหญ่เข้ามาเทรด ได้แก่ ผู้ผลิต โรงกลั่น นักค้าน้ำมัน นักเทรดสัญญา futures และบุคคลอื่นเข้าถึงไ้ดง่าย

การใช้ WTI เป็นมาตรฐานราคาน้ำมันโลก

การได้รับความนิยม ของ WTI เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากความผันผวนของราคาน้ำมันโลก เริ่มมีการเก็งกำไรขึ้น Price Reporting Agencies (PRAs) ได้แก่ Platt และ Argus media ซึ่งได้ทำการประเมินราคาของ WTI และได้เก็บสถิติราคาตั้งแต่ ปี 1981 นั้น ทำให้เกิดสถิติราคาที่เรียกว่า Cushing

ขณะที่ราคาน้ำมัน Oklahoma เรียกว่า WTI ส่วนราคาน้ำมัน ที่ Midland, Texas, Houston นั้นเรียกว่า WTI Midland และ WTI Houston ตามลำดับ

ภายหลังการเกิดสงครามอ่าวเปอร์เซีย สงครามต่าง ๆ ส่งผลต่อตลาดน้ำมันอย่างมาก มีการพัฒนาสินค้า futures ขึ้นมาหลายตลาด จนทำให้ราคาสินค้า futures แตกต่างกัน และไร้มาตรฐาน แต่เนื่องจากที่สหรัฐฯ เป็นตลาดน้ำมันที่มีขนาดใหญ่ เนื่องจากน้ำมันเกือบทั่วโลกถูกส่งมาที่สหรัฐฯ แม้แต่ในตะวันออกกลาง จึงทำให้นักเทรดน้ำมันส่วนใหญ่อยู่ที่นี่ ซึ่งความผันผวนของสงครามในพื้นที่ตะวันออกกลาง ทำให้ราคาน้ำมันที่ถูกใช้เป็นฐานอยู่ที่สหรัฐฯเป็นหลัก

ตัวอย่างเช่น ในปี 2008 ซาอุดิอาระเบีย คูเวต อิรัก โคลัมเบีย และ เอกวาดอร์ ได้ใช้ราคาน้ำมันโดยอ้างอิงจาก Platts WTI Mnth1 index หรือ Platts WTI Mnth 2 index (ดัชนีราคาส่งมอบ 1 และ 2 เดือนถัดไป)

ขณะที่ ซาอุดิอาระเบีย คูเวต อิรัก เริ่มใช้ Argus Sour Crude Index (ASCI) ในปี 2009 ซึ่งดัชนีดังกล่าวก็ล้อมาจาก WTI Futures ทำให้ราคาน้ำมันดิบทั่วโลกก็เลยอ้างอิงมาจาก WTI เป็นส่วนใหญ่

สัญญา Futures น้ำมันดับในตลาด NYMEX

ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบภายหลังการปล่อยลอยตัวจากพรบ.น้ำมัน เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1983 ตลาด NYMEX เริ่มมีน้ำมันเทรดภายใต้ชื่อ CL สัญญา 1000 US barrel หรือ 42,000 แกลลอน โดยมีการเปลียนแปลงขั้นต่ำคือ 0.01 ต่อ barrel (ใช้มากระทั่งตอนนี้) หรือก้อคือ 10 USD ต่อ 1 contract

โดยมีสัญญาณส่งมอบหลายแบบดังนี้

  • สัญญาส่งมอบ รายเดือน
  • สัญญาณส่งมอบราย 2 เดือน

สัญญาส่งมอบตลาด Futures

Cushing กับ Oklahoma เป็นแหล่งการค้าหลัก ของการเทรดน้ำมัน ซึ่งทำให้ที่นี่เป็นแหล่งอ้างอิง ราคาน้ำมัน ในอดีต ในการเข้าตลาด NYMEX กว่า 30 ปี แม้ว่าเมือง Cushing กับ Oklahoma จะเล็ก มีแค่ 7,825 ครัวเรือน ตามปี (สำมะโนครัวสหรัฐฯ ปี 2010) อย่างไรก็ตาม นั่นคือแหล่งผลิตน้ำมัน ซึ่งทำให้เกิดศูนย์กลางการเทรดมากมาย ทั้งการสร้างท่อส่ง การสร้างโรงเก็บ การสร้างโรงกลั่น และโรงงาน supplier ทำให้เกิดการส่งมอบสินค้า รวมทั้งการส่งมอบน้ำมันกันที่นี่

ถึงแม้ว่า การผลิตน้ำมันของที่นี่จะหยุดไปแล้วแต่การส่งมอบน้ำมันยังคงดำเนินต่อไป

การใช้ WTI futures ในการลงทุน

ตั้งแต่ปี 2003 ความนิยมในการลงทุนจากอุตสาหกรรมอื่นเข้ามาในตลาดน้ำมัน และตลาดโภคภัณฑ์ที่มีความคล้ายคลึงกัน การเติบโตของอุตสาหกรรมลงทุนเข้ามามีบทบาทอย่างมาก ซึ่งรวมเอาผู้เล่นมากหน้าหลายตาเข้ามาในตลาดได้แก่

ผู้เล่นในตลาดน้ำมัน

  • กองทุนเก็งกำไร (hedge fund)
  • กองทุนเกษียณอายุ (Pension funds)
  • บริษัทประกัน
  • นักลงทุนสถาบัน
  • นักลงทุนธนาคาร
  • นักลงทุนรายย่อย

ความนิยมเหล่านี้ทำให้เกิดเพิ่มปริมาณการเทรดของสินค้า futures เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สามารถลดความเสี่ยง กระจายความเสี่ยงได้ ด้วยอุปสงค์จากนักลงทุนเหล่านี้ ทำให้การเข้าถึงผลิตภัณฑ์ากรลงทุนนั้นง่าย เพราะว่า มีการคิดค้น กองทุนดัชนีอต่างๆ ที่เข้ามาลงทุนมากมาย ได้แก่

กองทุนน้ำมันและโภคภัณฑ์ชื่อดัง

  • Bloomberg Commodity index
  • S&P GSCI commodity index

ซึ่งกลายเป็ฯดัชนีมาตรฐานที่ทำให้ตลาดการเงินและนักลงทุนต่าง ๆ ใช้ดัชนีเหล่านี้ในการคำนวณผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความซับซ้อน และนำไปใช้ในการลงทุนและพอร์ตลงทุน

ผลของการเทรด futures กับ ตลาด WTI

สำหรับการลงทุนในตลาด Futures นั้นแตกต่างจากการซื้อขายในตลาดจริง การลงทุนในตลาด Futures ไม่มีการเก็ฐน้ำมัน เป็นการซื้อขายในระยะสั้น ๆ และมีการต่อสัญญา หรือปล่อยให้หมดสัญญา ซึ่งไม่มีการส่งมอบจริง ๆ ในตลาด

อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินจริง ๆ จะใหญ่กว่าตลาดน้ำมันจริง ๆ มาก ซึ่งผู้คนเริ่มทำการ hedge ราคาน้ำมัน ทำให้เกิดภาวะ contango ในตลาด futures นั่นคือ การซื้อขายในตลาด futures นั้นมากกว่าตลาด spot มาก

ซึ่งทำให้เกิดการขึ้นลงของราคาน้ำมันมาก ทำให้การซื้อขายมีราคาแพงกว่าราคาน้ำมันจริง ซึ่งถือว่าเป็นส่วนต่างของการซื้อน้ำมันจริง ๆ เพราะว่า ไม่มีการจัดเก็บ และกลายเป็นการอุดหนุน คนที่มีคลังน้ำมันอยู่ในมือ กับต้นทุนค่าจัดเก็บ

การมีขึ้นของตลาด futures ทำให้เกิดการรับประกันต่อผู้ค้าว่า มีการส่งมอบสินค้า และมีสินค้าจริง ภายใต้สัญญาณ futures และสามารถรับประกันกับการเพิ่มขึ้นของ Demand กระทันหัน หรือว่า การขาดแคลนน้ำมันในอนาคต ทำให้ความมีเสถียรภาพของราคามีมากขึ้น ไม่ได้เกิดภาวะเก็งกำไรมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้จะคิดว่า สินค้า Futures มีการอ้างอิงตามสินค้า Spot ซึ่งมีส่วนต่างราคาจริงเพียงเล็กน้อย ซึ่งการส่งมอบสินค้าก็อยู่ใน PRA assess Price ซึ่งทำให้ราคาผันผวนไม่มากนั้น แต่จริง ๆ แล้วก็อาจจะเกิดขึ้นได้เช่นกัน สาเหตุก็เพราะว่า มันมีสัญญาณที่ไม่ปกติที่เกิดขึ้นในตลาดด้วย เหตุการณ์ที่ “ราคาน้ำมันติดลบ” ในวันที่ 20 เมษายน 2020 ซึ่งติดลบทั้งตลาด WTI และ ASCI

เหตุการณ์วันที่ 20 เมษายน 2020

ในวันที่ 20 เมษายน 2020 ราคาน้ำมัน ส่งมอบเดือนพฤษภาคม 2020 ปิดติดลบ -37.63 ต่อบาเรล ขณะที่เดือน มิถุนายน ปิดบวกที่ 20.43 ต่อ Barrel สาเหตุที่ราคาร่วงขนาดนั้นจากเหตุการ Covid-19 ซึ่งทำให้ปริมาณ การใช้น้ำมันลดลงอย่างมาก จึงเกิดเหตุการณ์การลงลงของราคา

5 เหตุการณ์วันที่ 20 เมษายน 2020

อย่างไรก็ตาม การลงลงนี้ทำให้เกิดการปิดระบบการเทรดชั่วครัว (Trading Settlement (TAS) ในวันนั้นเป็นเวลา 30 นาที ก่อนที่จะปิดตลาดไปในวัน เนื่องจากไม่มีผู้ซื้อ ซึ่งไม่นาน เมืื่อราคาติดลบ ทำให้นักลงทุนได้รับโอกาสที่จะซื้อปริมาณมหาศาล ภายหลังที่ตลาดเริ่มรู้สึกตัวทำให้ราคาดีดกลับอย่างรวดเร็ว

ราคา Premium และ Discount กับความสัมพันธ์ของราคาน้ำมันดิบ Brent

ในการเทรด Futures สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้ระหว่างราคาน้ำมัน คือ ราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI มีความสัมพันธ์กันสูง

เมื่อก่อน WTI มีการเทรดที่ราคา Premium Price (แพงกว่า)ในช่วงก่อนปี 2011 แต่ว่าหลังจากเหตุการณ์ Shale oil Boom ในปี 2010 ได้มีการเทรด discount rate (ถูกกว่า) เมื่อเทียบกับ Brent

หลังจากนั้น ความผันผวนของ WTI/Brent ได้มีการจัดทำ อัตรา Premium และ Discount ซึ่งเป็น indicator ตัวหนึ่งที่ใช้ในการสร้างดัชนีราคาน้ำมันขึ้นมา

สาเหตุก็เพราะว่า ตลาดน้ำมัน เป็นตลาดสินค้าที่ทดแทนกันได้ ถ้าหากว่า ราคาที่ใดแพงกว่า ก็ย่อมมีการคิดคำนวณส่วนต่างระหว่างต้นทุนการขนส่งและส่วนต่างราคาเพื่อซื้อทดแทนกัน เรียกว่า กลยุทธ Arbitrage

ปัจจัยอุปทานของ สหรัฐฯ

ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2011 การเทรดน้ำมัน WTI อยู่ที่ราคาประมาณ 85 USD ต่อ บาเรลล น้ำมันเบรนท์อยู่ที่ 103 ต่อ บาร์เรล สาเหตุที่เป็นแบบนั้นเพราะว่า Cushing ได้เกินขีดจำกัดการผลิตน้ำมันในภูมิภาค เนื่องจากมีกำลังการผลิตที่สูงขึ้นในภูมิภาค ทำให้มีปริมาณน้ำมันส่วนเกินจำนวนมากในอเมริกาเหนือ ขณะเดียวกันนั้น Brent ได้ตอบสนองต่อเหตุการณ์ความไม่สงบในอียิปต์

และเนื่องจาก การขนส่งน้ำมันระหว่าง WTI ไปยัง Brent ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ ทำให้ราคาแตกต่างกันพอสมควร จากนั้นจนกระทั่งปี 2012 ได้มีการสร้าง Seaway Pipeline ทำให้การส่งน้ำมันจาก Gulft Coast และ Cushing นั้นสามารถขนส่งได้ทำให้ราคานั้นปรับเข้ามาใกล้เคียงกันในระดับที่ไม่แตกต่างกันมากนัก

อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีส่วนต่างพอสมควรจากต้นทุนการขนส่งจนถึงปัจจุบัน ซึ่งการขนส่งทางเรือ ทางรถยนต์ ที่ยังมีอยู่บ้าง ทำให้ Brent ก็ยังมีส่วนต่างราคากับ Brent กับ WTI อยู่ประมาณ 10 – 20 เหรียญ ซึ่งหยุดส่วนต่างที่มากพอสมควรในปี 2013 เดือนมิถุนายนต่อมา

ปัจจัย ราคาขนส่ง Freight rate

6 ปัจจัย ราคาขนส่ง Freight rate

Oil tanker เรือบรรทุกน้ำมัน

ปัจจัยอีกอย่างจากที่กล่าวข้างต้นจะเห็นว่า สิ่งที่ทำให้เกิดส่วนต่าง คือ ราคาขนส่ง ในการที่จะขน WTI ไปยัง Brent ต้องมีถังน้ำมัน และ ราคาขนส่ง การขนส่ง นั้นมีความผันผวนสูง และกระทบกับราคาน้ำมัน และยังส่งผลต่อการขนไปยังภูมิภาคอื่น ๆ เช่น จีน ทำให้ผู้ขนน้ำมัน (Oil tanker) นั้นเป็นตัวกำหนดความต่างของราคาเช่นกัน ตั้งแต่ปี 2000 – 2009 ราคาขนส่งมีความผันผวนสูง ซึ่งเป็นส่วนต่างของ oil premium ของ Brent กับ WTI

Brent Crude ปัจจัยการผลิตและการค้า

ปัจจัยอีกอย่างหนึ่ง ระหว่าง ความต่างของ Brent กับ WTI ด้านราคาคือ การผลิตและการค้า สาเหตุด้านการผลิตก็เพราะว่า การผลิตในทะเลเหนือนั้นมีน้อยกว่าความต้องการที่ต้องใช้ในพื้นที่ทั้งยุโรป

เทรดน้ำมันต้องรู้

สำหรับการเทรดน้ำมัน สำหรับคนไทย การเทรดน้ำมันเนื่องจากบ้านเราไม่ได้เป็นแหล่งผลิตภัณฑ์ทางการเงินเกี่ยวกับน้ำมัน จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มีทางเลือกค่อนข้างน้อยมาก

การเทรดน้ำมันสำหรับคนไทยจึงมีสองตัวเลือกคือ

ตัวเลือกในการเทรดน้ำมันสำหรับคนไทย

  • เปิดบัญชีเทรดซื้อขายน้ำมันจากพอร์ตลงทุนต่างประเทศ (ต้นทุนสูง)
  • เปิดบัญชีเทรด CFD ผ่านโบรกเกอร์ Forex (ต้นทุนต่ำและนิยม)

ข้อมูลเกี่ยวกับการเทรดน้ำมัน

สำหรับการเทรดน้ำมันมีแหล่งข้อมูลที่สำคัญดังต่อไปนี้

CME Group

CME Group เดิมเป็นตลาดซื้อขายโภคภัณฑ์ขนาดใหญ่ และได้รวมตัวกันเปลี่ยนชื่อองค์กรภายใต้ CME group ผลิตภัณฑ์หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นคือ น้ำมัน

ดังนั้นที่นี่จึงเป็นแหล่งรวมข้อมูลเกียวกับน้ำมัน ของโลกที่สำคัญ รวมทั้งข้อมูล Demand Supply ที่ใช้ในการคาดการณ์ราคา

7 CME Group

ปริมาณการเทรดน้ำมัน แยก Futures และ Options

แหล่งข้อมูล

สำหรับแหล่งข้อมูลของ CME หาข้อมูลได้ที่

  • https://www.cmegroup.com/markets/energy/crude-oil/light-sweet-crude.html

Forexfactory

ในการเทรดน้ำมันสิ่งที่ต้องติดตามอยา่งหนึ่งก็คือ Demand Supply ของน้ำมัน การประกาศความต้องการและการใช้ ข่าวน้ำมันนั้น สามารถติดตามได้จาก เว็บไซต์ของ Forexfactory ซึ่งจะมีข่าวเกี่ยวกับราคาน้ำมัน หรือสามารถติดตามจาก CME ก็ได้เพียงแต่ว่าจะมีความยุ่งยากและเข้าใจได้ยากกว่า

8 Forexfactory

สำหรับข่าวน้ำมันจะประกาศประมาณเดือนละ 2 ครั้ง โดยวันพุธ เวลา 9.30 หรือ 3 ทุ่มครึ่งเวลาบ้านเรา

แหล่งข้อมูล

  • https://www.forexfactory.com/

กราฟราคาน้ำมัน

สำหรับการเทรดราคาน้ำมัน มีตัวเลือกในการติดตามกราฟราคาน้ำมันได้ 2 ที่คือ กราฟราคาน้ำมันที่ Tradingview และ กราฟราคาน้ำมันใน MT4 การดูกราฟใน Tradingview ไม่สามารถส่งคำสั่งได้ แต่ว่า MT4 สามารถส่งคำสั่งได้

กราฟก็ไม่แตกต่างกันมาก

Tradingview

การดูกราฟราคาน้ำมันใน Tradingview อาจจะต้องใช้คำค้นหาว่า WTI โดยมองหาชื่อเต็มว่า West Texas Intermediate เป็นหลักก็จะเจอราคาน้ำมัน

9 Tradingview

อย่างไรก็ตาม กราฟที่เห็นเป็นกราฟ Futures ตามอายุสัญญาส่งมอบ ซึ่งบางครังอาจจะไม่กราฟย้อนหลังไปไกล การเปรียบเทียบราคาน้ำมันสามารถหาได้จาก World Oil Price Index ซึ่งเป็นดัชนีราคาน้ำมันทั่วโลก โดยอ้างอิงราคาส่วนหนึ่งจาก WTI เช่นกัน

MT4 และ MT5

สำหรับการเทรด CFD ในการเทรดน้ำมัน สามารถเทรดได้ผ่านโปรแกรม MT4 และ MT5 ซึ่งมีบริการการเทรดในมือถือและเหมาะสำหรับคนไทย ข้อดีหลัก ๆ ของมันเลย คือ ราคาถูก เข้าถึงง่าย ไม่ต้องไปเปิดบัญชีถึงต่างประเทศ และใช้เงินเพียง 10 USD หรือ 10 เหรียญก็สามารถเทรดน้ำมันได้แล้ว

โปรแกรม MT4 เป็นโปรแกรมเทรดระดับโลก ที่พัฒนาจากประเทศรัสเซีย โดยที่สามารถใช้ Robot ทำให้มีหุ่นยนต์ในการเทรดได้ โดยที่ไม่ต้องลงแรงในการเทรด และสร้างระบบเทรดได้ มี indicator ที่ใช้งานได้หลากหลายเหมือนกับ Tradingview และมี Community ขนาดใหญ่ในต่างประเทศ เรียกได้ว่า ใหญ่กว่าประเทศไทยหลายเท่า

10 MT4 และ MT5 เทรดน้ำมัน

สำหรับการเลือกมีให้เลือกทั้งน้ำมัน WTI (USOIL) และ น้ำมัน Brent (UKOIL) ซึ่งทำให้สามารถจัดทำดัชนีส่วนต่างราคาน้ำมันเองได้ หรือแม้กระทั่งทำการเทรดแบบ Correlation ก็สามารถทำได้ง่าย

การเปิดบัญชีเทรดน้ำมัน

การเปิดบัญชีเทรดน้ำมัน เนื่องจากว่ามีบริการแค่ CFDs การเปิดบัญชีเทรดน้ำมันจึงเป็นโบรกเกอร์ Forex เป็นส่วนใหญ่ สามารถเปิดบัญชี ได้ง่าย ซึ่งมีปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึงดังต่อไปนี้

การเลือกโบรกเกอร์

สำหรับการเลือกโบรกเกอร์สำหรับเทรดน้ำมัน ไม่แตกต่างจากการเลือกโบรกเกอร์หุ้น เพราะต้องรู้เงื่อนไขของแต่ละโบรกเกอร์ก่อน คุณสามารถอ่านรีวิวการจัดอันดับโบรกเกอร์จาก Forexduck ได้ ซึ่งโบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีน้ำมันให้เทรดอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ต้องการเลือกโบรกเกอร์เอง ควรเลือกจากปัจจัยต่อไปนี้

ความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์

โบรกเกอร์ Forex ก็เหมือนกับโบรกเกอร์ในตลาดหุ้นที่ต้องมีหน่วยงานกำกับดูแล โดยมีหน่วยงานกำกับโบรกเกอร์อยู่ต่างประเทศ อย่าไงรก็ตาม ก็มีเช่นกันที่มีโบรกเกอร์เถื่อนแฝงตัวอยู่ ซึ่งการเลือกจากโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงก็จะทำให้มีความปลอดภัยในเบื้องต้นสูง ตามที่เราได้จัดอันดับไว้แล้ว

ความถูกแพงของค่าธรรมเนียม

ค่าธรรมเนียมของการเทรดน้ำมัน มี 3 อย่างที่ต้องคำนึงถึงดังต่อไปนี้

  • Spread ก็คือส่วนต่างระหว่าง Bid กับ Offer ต้องเลือกโบรกเกอร์ที่มี Spread ถูก
  • Commission ต้องเลือกโบรกเกอร์ที่คิดค่าคอมมิชชั่นถูก
  • Swap เนื่องจากเป็นการถือ position บางที่อาจจะข้ามคืนจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม บางโบรกมีการคิดค่า Swap ที่แพง บางที่ไม่มีเลย จึงต้องเลือกดีดี

การฝากถอนและความรวดเร็ว

ปัจจัยการฝากถอนเงินเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะว่า การเทรดน้ำมันในประเทศไทย นั้นเทรดผ่าน CFD บางโบรกเกอร์ฝากถอนไม่ได้มีการเชื่อมบัญชีในประเทศไทยทำให้เงินเข้าช้า แม้ว่าจะมีชื่อเสียงมาก แต่ว่าไม่ได้ทำการตลาดในไทย ทำให้การเทรดในประเทศไทยไม่ได้หมายความว่าจะง่าย ซึ่งโบรกเกอร์ในการจัดอันดับของเราส่วนใหญ่จะทำการตลาดในไทย

ปัจจัยการซื้อขายและการส่งคำสั่ง

ปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงในการส่งคำสั่ง ลูกค้่าอาจจะไม่สามารถรู้ได้ ตรงนี้สิ่งที่ต้องทำการค้นคว้า คือ อ่านตามรีวิวโบรกเกอร์ว่า โบรกเกอร์ใดที่เหมาะกับการเทรดน้ำมัน การส่งคำสั่ง Spread ถูกและ ส่งคำสั่งรวดเร็ว โดยสามารถอ่านตามคำแนะนำของเราได้

โบรกเกอร์ที่แนะนำ

สำหรับโบรกเกอร์ที่เราแนะนำในการเทรดน้ำมัน เราแนะนำ 4 โบรกเกอร์ ซึ่งได้ทำการศึกษามาเป็นอย่างดีว่าเหมาะสำหรับคนไทย โดยคุณสามารถอ่านรีวิวของแต่ละโบรกเกอร์โดยละเอียดได้จากหน้าจัดอันดับโบรกเกอร์ของเรา

โบรกเกอร์ Exness

โบรกเกอร์ Exness 2024

ข้อมูลเบื้องต้น

  • อันดับ 1 ของโลกตอนนี้
  • Spread ถูกกลาง ๆ
  • ฝากถอนเร็วที่สุด
  • ค่าคอมกลาง ๆ
  • ความน่าเชื่อถือสูง
  • มีรับดูแลดี
  • น้ำมัน Spread 28
  • มีใบอนุญาต
  • ไม่มี Swap

ทางลัดเปิดบัญชี Exness

โบรกเกอร์ GMI Market

โบรกเกอร์ GMI Markets

ข้อมูลเบื้องต้น

  • ฝากถอนเร็ว
  • ค่าคอมถูกที่สุด
  • Spread ถูกที่สุด
  • ฝากถอนเร็วเช่นกัน
  • น้ำมัน Spread 20
  • ชื่อเสียงน้อยกว่าที่แรก
  • มีใบอนุญาตและ LP
  • ไม่มี Swap

ทางลัดเปิดบัญชี GMI Markets

โบรกเกอร์ Tickmill

ข้อมูลเบื้องต้น

  • โบรกเกอร์อังกฤษ
  • ใบอนุญาตระดับสูง
  • ฝากถอนภายใน 1 วัน
  • Spread กลาง ๆ
  • ค่าคอมถูกสุด
  • มี Swap แพง
  • Spread น้ำมัน 40
  • มีแค่ Brent

ทางลัดเปิดบัญชี Tickmill

โบรกเกอร์ Eightcap

eightcap ดีไหม

ข้อมูลเบื้องต้น

  • โบรกออสเตรเลีย
  • ใบอนุญาตระดับสูง
  • Spread ถูกที่สุด
  • ฝากถอน 1 วัน
  • ค่าคอม 7 USD
  • Swap ไม่ฟรีแต่ไม่แพง
  • น้ำมัน Spread 30

ทางลัดเปิดบัญชี Eightcap

ที่มา

  1. https://en.wikipedia.org/wiki/West_Texas_Intermediate
  2. https://en.wikipedia.org/wiki/Brent_Crude
  3. https://www.cmegroup.com/markets/energy/crude-oil/light-sweet-crude.html
FOREXDUCK Logo

FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง

HFM Promotion