Bump and Run Reversal คืออะไร วิธีใช้วิเคราะห์

IUX Markets Bonus

Bump and Run Reversal คืออะไร?

57 Bump and Run Reversal

Bump and Run Reversal (BARR) เป็นรูปแบบกราฟทางเทคนิคที่ถูกพัฒนาโดย Thomas Bulkowski ซึ่งสามารถใช้ในการคาดการณ์การกลับตัวของราคา โดยมีลักษณะเฉพาะดังนี้:

  1. ประกอบด้วยสามส่วนหลัก: Lead-in phase, Bump phase, และ Run phase
  2. มักเกิดขึ้นหลังจากช่วงแนวโน้มขาขึ้นที่ยาวนาน
  3. แสดงถึงการเก็งกำไรที่มากเกินไปและการกลับตัวของราคาที่รุนแรง

ลักษณะสำคัญของ Bump and Run Reversal

  1. Lead-in phase:
    • เป็นช่วงเริ่มต้นของรูปแบบ
    • ราคามีการเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้นที่สม่ำเสมอ
    • สามารถลากเส้นแนวโน้มด้านล่างที่เชื่อมจุดต่ำสุดได้
  2. Bump phase:
    • ราคาเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและชันมากขึ้น
    • มักมีความผันผวนสูงและปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น
    • ราคาอาจสร้างจุดสูงสุดหลายจุดในช่วงนี้
  3. Run phase:
    • ราคาเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว
    • มักมีการทะลุเส้นแนวโน้มด้านล่างที่ลากมาจาก Lead-in phase
    • เป็นสัญญาณของการกลับตัวและการเริ่มต้นของแนวโน้มขาลง

วิธีใช้ Bump and Run Reversal ในการวิเคราะห์

  1. การระบุรูปแบบ:
    • สังเกตการเคลื่อนไหวของราคาที่มีลักษณะเป็นไปตามสามเฟสข้างต้น
    • ลากเส้นแนวโน้มด้านล่างจาก Lead-in phase
  2. การยืนยันการกลับตัว:
    • รอให้ราคาทะลุเส้นแนวโน้มด้านล่างในช่วง Run phase
    • การทะลุควรเกิดขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น
  3. การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย:
    • ปริมาณมักจะเพิ่มขึ้นในช่วง Bump phase
    • ควรเพิ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อราคาทะลุเส้นแนวโน้มด้านล่างในช่วง Run phase
  4. การคำนวณเป้าหมายราคา:
    • วัดระยะจากจุดสูงสุดของ Bump phase ถึงเส้นแนวโน้มด้านล่าง
    • นำระยะดังกล่าวไปวัดต่อจากจุดที่ราคาทะลุเส้นแนวโน้มด้านล่างลงมา เพื่อประมาณเป้าหมายราคาขาลง
  5. การใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น:
    • ใช้ร่วมกับตัวบ่งชี้แนวโน้มหรือ oscillators เพื่อยืนยันสัญญาณ
    • พิจารณาแนวรับแนวต้านสำคัญประกอบการวิเคราะห์

ข้อควรระวังในการใช้ Bump and Run Reversal

  1. ความซับซ้อนของรูปแบบ: BARR เป็นรูปแบบที่ค่อนข้างซับซ้อนและอาจยากในการระบุในบางครั้ง
  2. การทะลุหลอก: ราคาอาจทะลุเส้นแนวโน้มด้านล่างเพียงเล็กน้อยแล้วกลับตัวขึ้นไป ควรรอการยืนยันและใช้ stop loss เสมอ
  3. ความแม่นยำในกรอบเวลาต่างๆ: BARR อาจมีความน่าเชื่อถือแตกต่างกันในกรอบเวลาที่ต่างกัน ควรพิจารณาใช้หลายกรอบเวลาประกอบกัน
  4. ปัจจัยพื้นฐาน: ควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของหลักทรัพย์หรือตลาดประกอบด้วย เพราะอาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคา
  5. ความผันผวนของตลาด: ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง อาจเกิดสัญญาณหลอกได้ง่าย

การประยุกต์ใช้ในกลยุทธ์การเทรด

  1. การเข้าขาย: นักเทรดอาจเข้าขายเมื่อราคาทะลุเส้นแนวโน้มด้านล่างในช่วง Run phase
  2. การตั้ง Stop Loss: อาจตั้ง stop loss ไว้เหนือจุดสูงสุดล่าสุดของ Bump phase
  3. การตั้งเป้าหมายกำไร: ใช้การคำนวณเป้าหมายราคาตามที่กล่าวไว้ข้างต้น หรือใช้แนวรับสำคัญถัดไปเป็นเป้าหมาย
  4. การทำกำไรบางส่วน: อาจทยอยปิดสถานะขายเมื่อราคาลงไปถึงเป้าหมายที่คำนวณไว้
  5. การเทรดระยะกลางถึงยาว: BARR มักใช้ในการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มในระยะกลางถึงยาว

ข้อแตกต่างจากรูปแบบอื่น

  1. ความชัดเจนของเฟส: BARR มีการแบ่งเฟสที่ชัดเจนกว่ารูปแบบอื่นๆ เช่น Head and Shoulders หรือ Double Top
  2. การเพิ่มขึ้นของราคาอย่างรวดเร็ว: Bump phase ใน BARR แสดงถึงการเพิ่มขึ้นของราคาอย่างรวดเร็วและผิดปกติ ซึ่งไม่พบในรูปแบบอื่นๆ
  3. ความยาวของรูปแบบ: BARR มักใช้เวลาในการพัฒนารูปแบบนานกว่ารูปแบบอื่นๆ

สรุป

Bump and Run Reversal เป็นรูปแบบกราฟทางเทคนิคที่มีประโยชน์ในการวิเคราะห์การกลับตัวของราคาหลังจากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ การจัดการความเสี่ยง และการพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของตลาด เพื่อให้การวิเคราะห์และการตัดสินใจลงทุนมีความแม่นยำมากขึ้น

อ้างอิง

  1. Bulkowski, T. N. (2005). Encyclopedia of Chart Patterns (2nd ed.). John Wiley & Sons.
  2. StockCharts.com. (n.d.). Bump and Run Reversal (BARR). Retrieved August 10, 2024, from https://school.stockcharts.com/doku.php?id=chart_analysis:chart_patterns:bump_and_run_reversal_bottoms
  3. Murphy, J. J. (1999). Technical Analysis of the Financial Markets. New York Institute of Finance.
FOREXDUCK Logo

FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง

HFM Promotion