ตั้งค่า RSI อย่างไร กี่วันดี วิธีการตั้งค่า RSI

IUX Markets Bonus

Relative Strength Index (RSI) เป็นหนึ่งในเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการเทรดหุ้นและฟอเร็กซ์ การตั้งค่า RSI ที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จากเครื่องมือนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด บทความนี้จะอธิบายวิธีการตั้งค่า RSI อย่างละเอียด รวมถึงแนะนำค่าที่เหมาะสมสำหรับการเทรดในรูปแบบต่างๆ

RSI คืออะไร

ก่อนที่เราจะเจาะลึกเรื่องการตั้งค่า มาทำความเข้าใจพื้นฐานของ RSI กันก่อน

Relative Strength Indicator (RSI) คืออะไร
Relative Strength Indicator (RSI) คืออะไร

RSI ย่อมาจาก Relative Strength Index เป็นตัวบ่งชี้โมเมนตัม (momentum indicator) ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย J. Welles Wilder ในปี 1978 RSI วัดความเร็วและขนาดของการเปลี่ยนแปลงราคา โดยแสดงผลเป็นค่าระหว่าง 0-100

RSI คำนวณจากสูตร:

RSI สูตร
RSI สูตร

โดย RS = ค่าเฉลี่ยของผลตอบแทนในช่วงขาขึ้น / ค่าเฉลี่ยของผลตอบแทนในช่วงขาลง

พารามิเตอร์หลักของ RSI

ในการตั้งค่า RSI มีพารามิเตอร์หลักที่สำคัญ 3 ตัว:

  1. Period: จำนวนแท่งเทียนที่ใช้ในการคำนวณ RSI
  2. Overbought Level: ระดับที่ถือว่าตลาดอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป
  3. Oversold Level: ระดับที่ถือว่าตลาดอยู่ในภาวะขายมากเกินไป

การตั้งค่า Period

HFM Market Promotion

Period เป็นพารามิเตอร์ที่สำคัญที่สุดในการตั้งค่า RSI ค่า Period ที่แตกต่างกันจะส่งผลต่อความไวและความแม่นยำของสัญญาณ RSI

RSI สัญญาณ
RSI สัญญาณ

ค่า Period ที่นิยมใช้:

  • 14: เป็นค่าเริ่มต้นที่ Wilder แนะนำ และเป็นค่าที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
  • 9: ให้สัญญาณที่ไวขึ้น เหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้น
  • 21 หรือ 25: ให้สัญญาณที่เสถียรขึ้น ลดสัญญาณหลอก เหมาะสำหรับการเทรดระยะกลางถึงยาว

การเลือกค่า Period ตามสไตล์การเทรด:

  1. Scalping: ใช้ค่า Period ต่ำ เช่น 5-9 เพื่อให้ได้สัญญาณที่ไวและบ่อยขึ้น
  2. Day Trading: ค่า 9-14 มักเป็นตัวเลือกที่ดี ให้ความสมดุลระหว่างความไวและความแม่นยำ
  3. Swing Trading: ค่า 14-21 เหมาะสำหรับการจับการเคลื่อนไหวในระยะกลาง
  4. Position Trading: ค่า 21 ขึ้นไปจะช่วยกรองสัญญาณรบกวนระยะสั้นออกไป

เทคนิคการปรับ Period:

  1. ทดสอบหลายค่า: ทดลองใช้ค่า Period ต่างๆ บนกราฟย้อนหลัง เพื่อดูว่าค่าใดให้สัญญาณที่แม่นยำที่สุดสำหรับสไตล์การเทรดของคุณ
  2. ใช้หลาย Period พร้อมกัน: บางนักเทรดใช้ RSI หลาย Period บนกราฟเดียวกัน เช่น RSI 14 และ RSI 25 เพื่อยืนยันสัญญาณซึ่งกันและกัน
  3. ปรับตามความผันผวน: ในตลาดที่มีความผันผวนสูง การเพิ่มค่า Period อาจช่วยลดสัญญาณหลอกได้
  4. พิจารณากรอบเวลา: กรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้นอาจต้องการค่า Period ที่สูงขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกัน

การตั้งค่า Overbought และ Oversold Levels

ระดับ Overbought และ Oversold เป็นเส้นอ้างอิงที่ช่วยในการตัดสินใจเทรด โดยทั่วไปจะใช้ค่าดังนี้:

วิธีใช้ Relative Strength Indicator (RSI) ใน Tradingview
วิธีใช้ Relative Strength Indicator (RSI) ใน Tradingview
  • Overbought: 70
  • Oversold: 30

อย่างไรก็ตาม ค่าเหล่านี้สามารถปรับได้ตามลักษณะของตลาดและสไตล์การเทรด

การปรับระดับ Overbought/Oversold:

  1. ตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน:
    • ในแนวโน้มขาขึ้น: อาจปรับเป็น 80/20 เพื่อลดสัญญาณหลอก
    • ในแนวโน้มขาลง: อาจปรับเป็น 60/40 เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้ม
  2. ตลาดผันผวน: ปรับเป็น 80/20 เพื่อลดสัญญาณหลอก
  3. ตลาดแกว่งตัว: ค่าเริ่มต้น 70/30 มักใช้ได้ดี

เทคนิคการใช้ระดับ Overbought/Oversold:

  1. ใช้เป็นสัญญาณเตือน: เมื่อ RSI เข้าใกล้ระดับเหล่านี้ ให้เตรียมพร้อมสำหรับการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น
  2. รอการยืนยัน: ไม่ควรเทรดทันทีที่ RSI แตะระดับ Overbought/Oversold ควรรอสัญญาณยืนยันเพิ่มเติม เช่น การกลับตัวของราคา
  3. พิจารณาร่วมกับแนวโน้ม: ในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง RSI อาจอยู่ในโซน Overbought เป็นเวลานาน ไม่ควรใช้เป็นสัญญาณขายทันที

เทคนิคการใช้ RSI ขั้นสูง

นอกเหนือจากการตั้งค่าพื้นฐาน นักเทรดมืออาชีพยังใช้เทคนิคขั้นสูงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ RSI

1. RSI Divergence

RSI Divergence เกิดขึ้นเมื่อทิศทางของ RSI ไม่สอดคล้องกับทิศทางของราคา เป็นสัญญาณที่ทรงพลังในการคาดการณ์การกลับตัวของแนวโน้ม

วิธีใช้ RSI Divergence:

  • Bearish Divergence: ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ RSI ทำจุดสูงสุดที่ต่ำกว่าครั้งก่อน บ่งชี้โอกาสในการขาย
  • Bullish Divergence: ราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่ RSI ทำจุดต่ำสุดที่สูงกว่าครั้งก่อน บ่งชี้โอกาสในการซื้อ

2. RSI Swing Rejections

เทคนิคนี้มองหาการกลับตัวของ RSI ที่ระดับ Overbought หรือ Oversold

วิธีใช้ RSI Swing Rejections:

  • Bullish Swing Rejection: RSI ลงมาต่ำกว่า 30 แล้วดีดกลับขึ้นมาเหนือ 30 อีกครั้ง
  • Bearish Swing Rejection: RSI ขึ้นไปสูงกว่า 70 แล้วร่วงลงมาต่ำกว่า 70 อีกครั้ง

3. RSI Trendlines

การลากเส้นแนวโน้มบน RSI สามารถให้สัญญาณที่มีประสิทธิภาพ

วิธีใช้ RSI Trendlines:

  • ลากเส้นแนวโน้มบน RSI เช่นเดียวกับการลากบนกราฟราคา
  • การเบรกเส้นแนวโน้มของ RSI มักเกิดขึ้นก่อนการเบรกเส้นแนวโน้มของราคา

4. RSI Range Shifts

ในแนวโน้มที่แข็งแกร่ง RSI มักจะเคลื่อนไหวในช่วงที่แตกต่างจากปกติ

วิธีสังเกต RSI Range Shifts:

  • ในแนวโน้มขาขึ้น RSI มักอยู่ระหว่าง 40-80
  • ในแนวโน้มขาลง RSI มักอยู่ระหว่าง 60-20

การใช้ RSI ร่วมกับตัวบ่งชี้อื่น

การใช้ RSI ร่วมกับตัวบ่งชี้อื่นสามารถเพิ่มความแม่นยำในการเทรดได้

Stochastic Oscillator ร่วมกับ RSI
Stochastic Oscillator ร่วมกับ RSI

1. RSI กับ Moving Averages

  • ใช้ Moving Average เพื่อยืนยันแนวโน้ม
  • เข้าเทรดเมื่อ RSI ให้สัญญาณที่สอดคล้องกับทิศทางของ Moving Average

2. RSI กับ MACD

  • ใช้ MACD เพื่อยืนยันสัญญาณ Divergence ของ RSI
  • เข้าเทรดเมื่อทั้ง RSI และ MACD ให้สัญญาณในทิศทางเดียวกัน

3. RSI กับ Bollinger Bands

  • ใช้ Bollinger Bands เพื่อระบุจุดที่ราคามีโอกาสกลับตัว
  • เข้าเทรดเมื่อ RSI แสดงภาวะ Overbought/Oversold ขณะที่ราคาอยู่ที่ขอบของ Bollinger Bands

ข้อควรระวังในการใช้ RSI

แม้ RSI จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรระวัง:

  1. สัญญาณหลอก: ในตลาดที่มีแนวโน้มแรง RSI อาจอยู่ในโซน Overbought หรือ Oversold เป็นเวลานาน ไม่ควรใช้เป็นสัญญาณเทรดโดยตรง
  2. การตีความผิด: RSI ไม่ได้บอกว่าราคาสูงหรือต่ำเกินไป แต่บอกว่าราคาเคลื่อนไหวเร็วเกินไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
  3. การพึ่งพา RSI มากเกินไป: ไม่ควรใช้ RSI เพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจเทรด ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยอื่นๆ
  4. การไม่คำนึงถึงปัจจัยพื้นฐาน: RSI เป็นเครื่องมือทางเทคนิค ไม่ได้คำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานที่อาจส่งผลต่อราคา
  5. การใช้ในทุกสภาวะตลาด: RSI อาจให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันในตลาดที่มีแนวโน้มและตลาดที่แกว่งตัว ควรปรับการใช้งานให้เหมาะสม

การปรับแต่ง RSI สำหรับตลาดเฉพาะ

นอกจากการตั้งค่าทั่วไปแล้ว การปรับแต่ง RSI ให้เหมาะกับตลาดเฉพาะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดได้

1. ตลาดหุ้น

  • Period: 14 ยังคงเป็นค่าที่นิยมใช้
  • Overbought/Oversold: อาจปรับเป็น 80/20 ในตลาดขาขึ้น และ 60/40 ในตลาดขาลง
  • เทคนิคเพิ่มเติม: ใช้ RSI ร่วมกับ Volume เพื่อยืนยันสัญญาณ

2. ตลาด Forex

  • Period: 9-14 สำหรับการเทรดระยะสั้น, 21-25 สำหรับการเทรดระยะยาว
  • Overbought/Oversold: 70/30 ยังคงใช้ได้ดี แต่อาจปรับเป็น 80/20 ในคู่เงินที่มีความผันผวนสูง
  • เทคนิคเพิ่มเติม: ใช้ RSI บนหลายกรอบเวลาเพื่อยืนยันสัญญาณ

3. ตลาด Cryptocurrency

  • Period: 7-14 สำหรับตลาดที่มีความผันผวนสูง
  • Overbought/Oversold: อาจต้องปรับเป็น 85/15 เนื่องจากความผันผวนที่สูงมาก
  • เทคนิคเพิ่มเติม: ใช้ RSI ร่วมกับ Bollinger Bands เพื่อระบุจุดที่ราคามีโอกาสกลับตัว

การทดสอบและปรับแต่งการตั้งค่า RSI

การหาการตั้งค่า RSI ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสไตล์การเทรดของคุณ ต้องอาศัยการทดสอบและปรับแต่งอย่างต่อเนื่อง

1. Backtesting

  • ทดสอบการตั้งค่า RSI ต่างๆ บนข้อมูลย้อนหลัง
  • วิเคราะห์ผลลัพธ์เพื่อหาการตั้งค่าที่ให้ผลตอบแทนและความแม่นยำสูงสุด

2. Forward Testing

  • ทดลองใช้การตั้งค่าที่ได้จาก Backtesting ในบัญชีทดลอง (Demo Account)
  • สังเกตผลลัพธ์ในสภาวะตลาดจริง และปรับแต่งเพิ่มเติมหากจำเป็น

3. การปรับแต่งต่อเนื่อง

  • ตรวจสอบประสิทธิภาพของการตั้งค่า RSI อย่างสม่ำเสมอ
  • ปรับเปลี่ยนการตั้งค่าเมื่อสภาวะตลาดเปลี่ยนแปลง

สรุป

การตั้งค่า RSI ที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญในการใช้ประโยชน์จากเครื่องมือนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีการตั้งค่าที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกสถานการณ์ นักเทรดที่ประสบความสำเร็จจะต้องเรียนรู้ที่จะปรับแต่ง RSI ให้เหมาะกับสไตล์การเทรด ตลาดที่เทรด และสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง

ข้อแนะนำสุดท้าย:

  1. เริ่มต้นด้วยค่ามาตรฐาน: ใช้ RSI 14 กับระดับ 70/30 เป็นจุดเริ่มต้น
  2. ทดลองปรับแต่ง: ทดลองใช้ค่า Period และระดับ Overbought/Oversold ต่างๆ
  3. ทดสอบอย่างละเอียด: ใช้ Backtesting และ Forward Testing เพื่อยืนยันประสิทธิภาพ
  4. ใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น: ไม่ควรพึ่งพา RSI เพียงอย่างเดียว
  5. เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง: ตลาดเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ต้องพร้อมปรับตัวเสมอ

การใช้ RSI อย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยทั้งความรู้ ประสบการณ์ และการฝึกฝน เมื่อคุณเข้าใจวิธีการตั้งค่าและใช้งาน RSI อย่างถ่องแท้ คุณจะมีเครื่องมือที่ทรงพลังในการวิเคราะห์ตลาดและตัดสินใจเทรด

FOREXDUCK Logo

FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง

HFM Promotion