scalper trader คืออะไร
Scalper Trader หรือ Scalper คือ วิธีการเทรดในตลาดทุน (ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น, ตลาดสกุลเงิน, หรือตลาดอื่นๆ) โดยมุ่งหวังการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นมาก ๆ และรวดเร็ว. การเทรดแบบ Scalper มักจะใช้กราฟที่มีระยะเวลาน้อย, เช่น 1 นาที, 5 นาที, หรือ 15 นาที เพื่อวิเคราะห์และตัดสินใจ
การเทรดที่หมายถึงการทำกำไรในช่วงสั้นๆ โดยมักจะเป็นระยะเวลาที่มีการเคลื่อนไหวของราคาอยู่ระหว่าง 5-20 pip ต่อการเทรดทำกำไรครั้งเดียว ซึ่งผู้เทรดแบบนี้มีความเชื่อว่าการได้กำไรจากการแกว่งตัวของราคาในช่วงสั้นๆ นั้นมีความปลอดภัยมากที่สุด เนื่องจากการเคลื่อนไหวที่น้อยเป็นที่เข้าใจและคาดเดาได้ง่ายกว่าการเคลื่อนไหวระยะยาว
สำหรับการเทรดแบบ Scalper นั้น ผู้เทรดมักจะเลือกเทรดด้วย Lot ที่ใหญ่ เพื่อที่จะสามารถทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเพียง 2-5 pip ซึ่งแม้แต่เล็กน้อยก็สามารถนำมาสู่กำไรที่ยิ่งใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม การเทรดด้วยวิธีนี้มีความเสี่ยงอยู่ด้วย หากทำการเข้า order แล้วราคาเคลื่อนไปในทิศทางที่ตรงข้ามกับการคาดเดา ความเสียหายทางการเงินที่จะเกิดขึ้นก็จะมหาศาลไม่แพ้กับกำไรที่ได้ ดังนั้นผู้เทรดต้องมีความระมัดระวังและมีการวางแผนอย่างดีในการเทรดแบบ Scalper เพื่อป้องกันความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
เป้าหมายของ scalper ส่วนใหญ่ คือ การรับกำไรจากแกว่งตัวของราคาภายในเวลาสั้นๆ โดยไม่จำเป็นต้องรอดูแนวโน้มราคาในระยะยาว การเทรดแบบนี้ต้องการความรวดเร็วในการตัดสินใจและความแม่นยำในการวิเคราะห์ ผู้ที่เลือกเทรดแบบ Scalper จะต้องมีการเตรียมตัวและมีระบบการเทรดที่เข้มงวด และสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเวลาในการเข้าและออกจากตลาดนั้นสั้นมาก แม้ว่า Scalper จะให้กำไรได้เร็วแต่ก็เสี่ยงที่จะเสียเงินเร็วเช่นกัน ดังนั้นการมีการวางแผนและการจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเทรดแบบนี้
ลักษณะของ Scalper Trader ได้แก่
- ระยะเวลาสั้น: Scalper มักจะเปิดและปิด Position ภายในเวลาสั้น ๆ บ่อยครั้งจะไม่เกิน 5-10 นาที แต่บางครั้งอาจจะยาวขึ้นไปถึง 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง
- จำนวนการเทรด: อาจมีการเปิด-ปิด Position หลายครั้งในวันเดียว, บางครั้งก็อาจเป็นสิบ หรือร้อยครั้ง
- กำไรต่อการเทรด: Scalper มักจะมุ่งหวังกำไรน้อย ๆ ในแต่ละครั้ง แต่สะสมมาจากจำนวนการเทรดที่มาก
- วิธีการ: อาจจะใช้เทคนิคทางเทคนิคและพฤติกรรมของตลาดในการตัดสินใจ, โดยมุ่งหวังการทำกำไรจาก “spread” หรือความแตกต่างระหว่างราคาขายและราคาซื้อ หรือจากการเคลื่อนไหวของราคาที่รวดเร็วและสั้น ๆ
การเทรดแบบ Scalper คู่มือพื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้น
- แนวคิดหลักของ Scalper: การเทรดแบบ Scalper เน้นเข้ามาในตลาดเพื่อทำกำไรในช่วงเวลาที่สั้นมาก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรีบทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลานั้นแล้วรีบออกจากตลาดเพื่อความปลอดภัย
- ไม่ถือ Position นาน: Scalpers จะไม่ถือ position นานเนื่องจากเป้าหมายหลักคือการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวราคาในช่วงเวลาสั้น
- Risk/Reward: Scalpers มักจะตั้ง risk/reward ในอัตราส่วน 1:1 นั่นคือ หากทำกำไรเป็นจำนวนโดยรวมแล้วควรจะรีบปิด position และไม่คิดหากำไรมากๆ โดยไม่ต้องมีความเสียดาย
- Win/Loss Ratio: เนื่องจาก Scalpers มุ่งมั่นที่จะทำกำไรเฉพาะจุดที่เล็กๆแต่บ่อยครั้ง วิน/ลอส ratio ควรจะสูง แนะนำว่าควรมีอัตราส่วนไม่ต่ำกว่า 2:1
- วินัยในการ Cut Loss: การเทรดแบบ Scalper ต้องมีวินัยสูงในการตัดขาดทุน เนื่องจากหากเกิดขาดทุนในจำนวนที่มากจะส่งผลกระทบต่อกำไรที่สะสมไว้
- เน้นจำนวนรอบ: สำหรับ Scalpers ความถี่ในการเทรดเป็นสิ่งสำคัญ ในหนึ่งวัน Scalpers อาจมีการเทรดได้หลายสิบถึงหลายร้อยรอบ เนื่องจากแต่ละรอบมักเน้นการเทรดในช่วงเวลาที่สั้น
Scalper ในแนวคิดของการค้าเชิง (arbitrage)
“Scalper” ในแนวคิดของการค้าเชิง (arbitrage) เป็นรูปแบบหนึ่งของการเทรด โดยผู้เทรดจะพยายามเปิดและปิดตำแหน่งภายในระยะเวลาที่สั้นมาก ในตลาดต่าง ๆ เช่น ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้ได้กำไรเล็ก ๆ จากการเทรดนั้น
ใจความสำคัญ
- Scalper คือ การเทรดระยะสั้นมากๆ โดยทำการซื้อและขายในช่วงเวลาที่แคบมาก เพื่อเอากำไรเล็กๆ จากการเปลี่ยนแปลงราคาที่เกิดขึ้นภายในช่วงเวลานั้น
- Arbitrage หมายถึง การที่ผู้เทรดพยายามหากำไรจากความแตกต่างของราคาในตลาดต่าง ๆ โดยไม่ต้องรับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของตลาด
- ผู้เทรดที่ประกอบการตามรูปแบบนี้มักจะใช้เครื่องมือและซอฟต์แวร์ที่ทันสมัย ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้เร็ว และทำการเทรดในเวลาที่แคบมาก
ข้อควรรู้ก่อนในการทำ Scalper trader
การทำ Scalper ในวงการ Forex คือ การเทรดที่มุ่งมั่นเอากำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาภายในช่วงเวลาสั้นมากๆ โดยการเปิดออเดอร์ซื้อขายในช่วงที่ราคาเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย ประมาณ 1-15 pip ในการเทรดแต่ละครั้ง การ Scalper มักเน้นที่ความถี่ของการทำกำไรเป็นหลัก ซึ่งทำให้ต้องใช้ Time Frame ในการวิเคราะห์ที่สั้น เช่น 1 นาที หรืออาจมีโบรกเกอร์บางรายที่ให้บริการกราฟใน Time Frame ของวินาที เช่น FXCM
ในปัจจุบันนั้นการ Scalper ได้รับความนิยมมากขึ้น นำไปสู่การพัฒนาเทคนิคการเทรดที่ใช้ได้กับ Time Frame ที่ใหญ่ขึ้น ตลาดหุ้นบางที่ยังมีแนวโน้มที่จะแบน Scalper โดยกำหนดเวลาสำหรับการส่งคำสั่งขาย เพื่อให้ไม่มีการเทรดแบบ Scalper
การเทรดแบบ Scalper มีความเสี่ยงไม่น้อยกว่าการเทรดแบบอื่น แต่เนื่องจากการเทรดแบบนี้ต้องเฝ้ากราฟอยู่เสมอ จึงถือว่าสามารถควบคุมความเสี่ยงได้มากถ้าเราสามารถควบคุมอารมณ์และปฏิบัติตามกฎที่ตั้งไว้ ปัญหานี้ทำให้เกิดการพัฒนา EA หรือระบบเทรดอัตโนมัติที่เข้ามาช่วยในการเทรดแทนต่างๆ แต่ก็ควรระวังเรื่องเงื่อนไขของบัญชีที่บางโบรกเกอร์ได้กำหนด โดยบางบัญชีอาจไม่อนุญาตให้เทรดแบบ Scalper เลย และบางบัญชีอาจจะกำหนดเงื่อนไขที่สามารถ Scalper ได้แต่มีข้อจำกัด
ในกรณีของตลาดที่มีเทรนด์หรือแกว่งแรง การ Scalper อาจมีความเสี่ยงสูง เพราะหากเรา Scalper ในทิศทางที่ตรงข้ามกับเทรนด์หลัก ก็จะสูญเสียเงินได้ง่าย ดังนั้นควรมีการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดให้ดี และไม่ควรฝืนเทรนด์
การ Scalper มักจะต้องใช้เทคนิคการวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างเข้มข้น โดยใช้ตัวชี้วัดต่างๆ ที่สามารถเตือนแนวโน้มของราคาในระยะสั้น และเน้นที่การเข้าและออกจากตลาดอย่างรวดเร็ว เพื่อให้สามารถปิดคำสั่งก่อนที่ตลาดจะเปลี่ยนแปลงทิศทาง
สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้น Scalper การพิจารราเลือกโบรกเกอร์เป็นสิ่งสำคัญ อีกทั้งต้องหาความรู้ต่างๆ ทั้ง ความเร็วในการเปิด-ปิดคำสั่ง, ค่าสเปรดที่ต่ำและการสนับสนุนระบบการเทรดของโบรกเกอร์สามารถส่งผลต่อความสำเร็จในการ Scalper ทั้งนั้น
นอกจากนั้นการใช้ “hardware” และ “software” ที่มีประสิทธิภาพ การมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียรและเร็ว และการทำให้แน่ใจว่ามีแพลตฟอร์มการเทรดที่ไม่มีการขัดข้องจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับกำไรจาก Scalper ด้วย
ที่สำคัญการ Scalper จำเป็นต้องมีการวางแผนการเทรดที่ชัดเจน ประกอบด้วยจุดเข้า, จุดออกและจุดหยุดความเสียหาย ซึ่งเป็นส่วนที่จะส่งผลให้การเทรดนั้นประสบความสำเร็จได้ดียิ่งขึ้น
Scalper trading และ Day Trading ต่างกันอย่างไร
การเทรดในตลาดทุนมีหลายเทคนิคและวิธีการ แต่ Scalper trading และ Day Trading เป็นสองแนวคิดหลักที่นักลงทุนหลายคนเลือกใช้เป็นวิธีการเพื่อความกำไรในระยะสั้น ซึ่งสองวิธีนี้มีความแตกต่างที่สำคัญ ดังนี้
ช่วงเวลาการเทรด (Time Frame)
- Scalper trading: Scalpers มักจะเทรดในกรอบเวลาที่สั้นมาก โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในกรอบเวลา 1 นาที ถึง 5 นาที และบางครั้งอาจใช้กรอบเวลาเพียงวินาที
- Day Trading: Day Traders มักจะเทรดในกรอบเวลาที่ยาวกว่า Scalpers โดยมักจะใช้กรอบเวลาตั้งแต่ 5 นาที ถึง 1 ชั่วโมง หรือมากกว่า
จำนวนการเทรด
- Scalper trading: Scalpers มักจะเปิด-ปิด position หลายครั้งในวันเดียว บางครั้งอาจเป็นสิบครั้งหรือมากกว่า
- Day Trading: Day Traders ส่วนใหญ่จะเทรดน้อยกว่า Scalpers โดยเปิด-ปิด position ภายในวันเดียว แต่จำนวนครั้งจะน้อยกว่า Scalpers
ระยะเวลาการถือครอง
- Scalper trading: ช่วงเวลาในการถือ position ส่วนใหญ่จะสั้นมาก บางครั้งอาจเพียงไม่กี่นาที หรือเพียงไม่กี่วินาท
- Day Trading: ถือ position ภายในวัน แต่ไม่เกินวันนั้น คือ จะปิด position ก่อนปิดตลาด
จุดประสงค์
- Scalper trading: เป้าหมายคือการได้กำไรจากความแปรปรวนของราคาในช่วงเวลาสั้น โดยไม่สนใจเทรนด์หลักของตลาด
- Day Trading: เป้าหมายคือการได้กำไรจากการเคลื่อนที่ของราคาในแนวเทรนด์ภายในวัน โดยต้องการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวที่มากกว่าการแปรปรวนในระยะสั้น
ความเสี่ยง
- Scalper trading: ด้วยการเทรดในช่วงเวลาสั้น การเฝ้าระวังและการตัดสินใจต้องรวดเร็ว แต่แต่ละการเทรดมักมีความเสี่ยงน้อย เนื่องจากจำนวนเงินที่ใช้ในแต่ละการเทรดน้อย
- Day Trading: มีความเสี่ยงสูงกว่าการเทรดแบบ Scalper เนื่องจากเปิด position ไว้ในระยะเวลาที่ยาวกว่า
ต้นทุน
- Scalper trading: ต้องการบริการที่มีค่าคอมมิชชั่นต่ำ และใช้เทคโนโลยีที่รวดเร็ว
- Day Trading: ต้องการการวิเคราะห์ที่ละเอียดและเครื่องมือช่วยเสริมในการตัดสินใจ
ดังนั้น Scalper trading และ Day Trading มีความแตกต่างที่สำคัญในหลายๆ ด้าน การเลือกวิธีการที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพ, ความสามารถ และเป้าหมายการลงทุนของแต่ละคนด้วย
scalper trader ใช้กลยุทธ์การเทรดอย่างไร
Scalper Trader หรือ นักเทรดแบบ Scalping มักจะใช้กลยุทธ์ในการเทรดที่มีลักษณะเฉพาะต่างจากกลยุทธ์การเทรดแบบอื่น ๆ ดังนี้
- ระยะเวลาการเข้าเทรดสั้นมาก: Scalpers มักจะใช้กราฟระยะเวลาสั้น เช่น 1 นาที, 5 นาที หรือ 15 นาที เพื่อวิเคราะห์และตัดสินใจเทรด
- การเฝ้าระวังค่า Spread: เนื่องจาก Scalpers มักจะเข้า-ออก ตลาดบ่อยครั้งในวันเดียว ค่า Spread ที่ต้องจ่ายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อผลกำไรหรือขาดทุน
- การตั้งเป้าหมายกำไรน้อย: Scalpers มักจะตั้งเป้าหมายกำไรน้อย ๆ แต่บ่อย ๆ เช่น 5-10 pips ในคู่เงิน Forex
- การใช้ Stop Loss อย่างเข้มงวด: เนื่องจากต้องการควบคุมความเสี่ยง การตั้งค่า Stop Loss จึงเป็นสิ่งสำคัญ
- การใช้ Level ทางเทคนิค: หลาย ๆ Scalpers ใช้ระดับ Support และ Resistance, Moving Averages หรือ Indicator อื่น ๆ เพื่อช่วยตัดสินใจ
- ความเร็วในการตัดสินใจ: เนื่องจากเป้าหมายกำไรน้อยและเวลาสั้น การตัดสินใจเข้า-ออก ตลาดจึงต้องรวดเร็ว
- การมี Discipline และวินัย: ต้องปฏิบัติตามกลยุทธ์ที่ตั้งไว้เคร่งครัด ไม่ควรปล่อยให้ตนเองไปตามอารมณ์
- การวิเคราะห์ข่าว: การเทรด Scalping ในช่วงที่มีข่าวสำคัญอาจมีความเสี่ยงสูง แต่บาง Scalpers อาจใช้เป็นโอกาส
- การใช้เทคโนโลยีที่ดี: เนื่องจากต้องตัดสินใจและดำเนินการอย่างรวดเร็ว การมีเครื่องมือและโปรแกรมเทรดที่เร็วและเสถียรเป็นสิ่งที่จำเป็น
ข้อดีข้อเสีย scalper trader
ข้อดี
- ความเสี่ยงน้อยลง: การใช้วิธีการ Scalping ช่วยจำกัดความเสียหายในกรณีที่ตลาดเคลื่อนที่ต่อต้านตำแหน่ง
- การเทรดแบบไม่มีทิศทาง: ในการ Scalping ไม่จำเป็นต้องรู้ทิศทางของตลาด เพื่อทำกำไรแค่ต้องการประโยชน์จากความผันผวนระยะสั้นเพียงเท่านั้น
- ทำให้เป็นแบบอัตโนมัติได้ง่าย: สามารถใช้แอลกอริทึมหรือระบบการเทรดอัตโนมัติเพื่อช่วย Scalping ในระยะเวลาสั้น
ข้อเสียของ Scalping
- ต้องใช้เงินทุนมาก: การสร้างกำไรที่มีความหมายจาก Scalping มักจะต้องการเงินทุนที่สูง
- มีต้นทุนการซื้อขายที่สูง: การเปิดปิดตำแหน่งอย่างต่อเนื่องทำให้ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการซื้อขายอย่างบ่อยครั้ง
- ความเครียด: การต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาสั้น ๆ สามารถเพิ่มความเครียด
FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง