เทรดกราฟเปล่าคืออะไร
การเทรดกราฟเปล่า Price Action ในตลาด Forex คือ การวิเคราะห์และการตัดสินใจทำการซื้อขายสกุลเงินโดยอาศัยเพียงแค่การดูและวิเคราะห์ราคาเปล่าๆ บนกราฟ โดยไม่ใช้ Indicators ตัวชี้วัดเทคนิคใดๆ เป็นส่วนประกอบ ผู้ที่ใช้วิธีนี้จะเน้นมองการเปลี่ยนแปลงในราคา รูปแบบของกราฟราคา (Price Patterns) หรือการวิเคราะห์แคนเดิล (Candlestick Analysis) โดยตรง เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มราคา และตรวจสอบจุดรับ-จุดขาย (Support-Resistance levels)
ซึ่งบางครั้งเทรดกราฟเปล่าก็อาจรวมถึงการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน (Candlestick Patterns) การวิเคราะห์รูปร่างทางเทคนิค (Chart Patterns) อย่างเช่น รูปร่างหัวไหล่ (Head and Shoulders) รูปร่างวี (Double Top/Bottom) และรูปร่างสามเหลี่ยม (Triangles)
จุดเด่นหลักๆของการเทรดกราฟเปล่า คือ จะทำให้กราฟดูสะอาด ๆ และไม่ซับซ้อนจาก Indicators ตัวชี้วัดเทคนิคต่าง ๆ ที่อาจทำให้การตัดสินใจซับซ้อนเกินไป ข้อด้อย คือ วิธีการนี้อาจจำกัดข้อมูลที่สามารถใช้ในการทำนายแนวโน้มราคาได้ ดังนั้น จึงอาจไม่เหมาะสมกับทุกคน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสไตล์การซื้อขายและความสบายใจของผู้ที่เทรด
เทคนิคเทรดกราฟเปล่า forex
การเทรดกราฟเปล่า Price Action ในตลาด Forex คือ การวิเคราะห์และตัดสินใจทำการซื้อขายสกุลเงินโดยอาศัยเพียงแค่การวิเคราะห์ราคาและกราฟราคาเท่านั้น โดยไม่มีการใช้ตัวชี้วัดเทคนิค (technical indicators) ใด ๆ เป็นส่วนประกอบในการวิเคราะห์เลย เน้นกราฟที่สะอาด ซึ่งอาจจะดูแท่งเทียนบนกราฟเปล่าเป็นหลัง โดยใช้หลักการวิเคราะห์ด้วยกลยุทธ์เฉพาะตัวเทรดเดอร์ และส่วนใหญ่แล้วเทคนิคเทรดกราฟเปล่า forex ที่นิยมมากที่สุด จะมีดังนี้
- การวิเคราะห์แนวรับและแนวต้าน
- การวิเคราะห์รูปร่างทางเทคนิค (Chart Patterns)
- การวิเคราะห์แท่งเทียน (Candlestick Analysis)
-
เทรดกราฟเปล่า จากการวิเคราะห์แนวรับและแนวต้าน
การวิเคราะห์แนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance) เป็นส่วนสำคัญในการเทรดกราฟเปล่า Forex คำว่า “แนวรับ” และ “แนวต้าน” เป็นภาษาที่ใช้เพื่ออธิบายระดับราคาที่ใช้บ่อยครั้งในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ในหลักการทั่วไป แนวรับ คือ ระดับราคาที่ราคาดูจะหยุดลงและเริ่มขึ้นไป และแนวต้าน คือ ระดับราคาที่ราคาดูจะหยุดขึ้นและเริ่มลงมา
การวิเคราะห์แนวรับ (Support)
- แนวรับ คือ ระดับราคาที่ทำหน้าที่รองรับราคาในการลดลง
- เมื่อราคาลดลงมาถึงแนวรับ
- แนวรับนี้จะสร้างแรงดันให้ราคาสกุลเงินกลับขึ้
- แนวรับมักจะเป็นสัญญาณให้นักเทรดจับจังหวะซื้อ เนื่องจากคาดว่าราคาจะถูก “รองรับ” และจะไม่ลดลงอี
การวิเคราะห์แนวต้าน (Resistance):
- แนวต้าน คือ ระดับราคาที่ทำหน้าที่ต้านการสูงขึ้นของราคา
- เมื่อราคาสูงขึ้นมาถึงแนวต้าน
- แนวต้านนี้จะสร้างแรงดันให้ราคาสกุลเงินลดลง
- แนวต้านมักจะเป็นสัญญาณให้นักเทรดจับจังหวะขาย เนื่องจากคาดว่าราคาจะถูก “ต้าน” และจะไม่สูงขึ้นอีก
ในการวิเคราะห์กราฟเปล่า การรู้ราคาปัจจุบันอยู่ในระหว่างแนวรับหรือแนวต้านใดจะช่วยให้นักเทรดสามารถตัดสินใจที่ดีกว่า อีกทั้งต้องรู้ด้วยว่าการที่ราคาจะทะลุแนวรับหรือแนวต้านนั้น เกิดขึ้นได้ ดังนั้น ความรู้และความเข้าใจในการวิเคราะห์แนวรับและแนวต้านเป็นสิ่งที่สำคัญ
-
เทรดกราฟเปล่าจากการวิเคราะห์รูปร่างทางเทคนิค (Chart Patterns)
การวิเคราะห์รูปร่างทางเทคนิค (Chart Patterns) ต่อเนื่อง
ฟลักแก้ว (Cup and Handle)
รูปร่างฟลักแก้ว คือ รูปร่างที่แสดงให้เห็นการลดลงของราคาในระยะสั้น และต่อด้วยการขึ้นของราคาอย่างที่เริ่มต้น ต่อจากนั้น ราคาจะลดลงอีกครั้งแต่จะไม่ลดลงถึงระดับที่ต่ำสุดเดิม รูปร่างนี้ส่งสัญญาณว่าราคาจะขึ้น
รูปร่างนี้ประกอบด้วยสองส่วนหลักคือ ชาม (Cup) และ หู (Handle) รูปร่างนี้จะเริ่มต้นด้วยการที่ราคาตราสารทุนหรือสกุลเงินลดลง แล้วกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างที่เริ่มต้น (ซึ่งสร้างรูปร่างคล้ายถ้วย) แล้วราคาจะลดลงอีกครั้งแต่ไม่ถึงระดับเดิม (สร้างรูปร่างคล้ายหู) จากนั้นราคาจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
Zigzag
รูปร่าง Zigzag มีลักษณะที่เด่นชัดคือการเปลี่ยนแปลงทิศทางราคาอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอ ซึ่งสามารถใช้วิเคราะห์แนวโน้มราคาได้อย่างชัดเจน และมักจะเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านข่าวสารหรือพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
Flags and Pennants
รูปร่าง Flags และ Pennants เป็นรูปร่างที่แสดงให้เห็นการลดลงของราคาหลังจากการขึ้นของราคาที่รวดเร็ว (เรียกว่า “flagpole” หรือ “เสาธง”) รูปร่างทั้งสองนี้มักจะเป็นสัญญาณว่าแนวโน้มราคาที่ขึ้นของตลาดจะยังคงดำเนินต่อไปรูปร่าง Flag มีลักษณะคล้ายรูปสี่เหลี่ยมและเกิดขึ้นในระยะสั้น ส่วนรูปร่าง Pennant มีลักษณะคล้ายรูปสามเหลี่ยมเล็กและยาวขึ้น
เส้นเทรนด์ (Trend Lines
เส้นเทรนด์ เป็นเครื่องมือที่มักจะใช้ร่วมกับรูปร่างทางเทคนิค เส้นเทรนด์เป็นเส้นที่วาดผ่านจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดต่างๆบนกรา เมื่อราคาขึ้นและลงตามเส้นเทรนด์นี้ นักเทรดสามารถทำนายทิศทางแนวโน้มราคาต่อไป
รูปร่างช่อง (Channels)
รูปร่างช่องคล้ายกับเส้นเทรนด์แต่มีทั้งเส้นเทรนด์ขึ้นและเส้นเทรนด์ลงที่วาดขนานกันบนกราฟ นักเทรดจะมองหาจุดที่ราคาเกิดการสั้น (rebound) หรือทะลุ (breakthrough) ออกจากรูปร่างช่องเพื่อเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแนวโน้มราคา
ดังนั้น ทั้งหมดนี้เป็นเพียงบางส่วนของรูปร่างทางเทคนิคที่นักเทรด Forex ใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ราคา การทราบและเข้าใจในรูปร่างเหล่านี้จะช่วยให้นักเทรดสามารถวางแผนและจับจังหวะทำการซื้อขายได้ดีขึ้นอย่างไรก็ตาม ควรจำไว้ว่าไม่มีวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคใด ๆ ที่จะสามารถรับประกันผลการเทรดได้ 100% จึงควรใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการเทรดที่ครอบคลุม
-
เทรดกราฟเปล่าการวิเคราะห์แท่งเทียน (Candlestick Analysis)
การวิเคราะห์แท่งเทียน (Candlestick Analysis) เป็นวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากในการเทรด Forex วิธีการนี้มาจากญี่ปุ่นและมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 200 ปี แท่งเทียนมีส่วนประกอบหลัก ๆ 4 ส่วน คือ ราคาเปิด, ราคาสูงสุด, ราคาต่ำสุด และราคาปิด
ด้านล่างนี้ คือ การวิเคราะห์ทางเทคนิคโดยใช้แท่งเทียน
แท่งเทียนเขียวและแท่งเทียนแดง
แท่งเทียนขาว (หรือแท่งเทียนเขียวในบางกรณี) แสดงว่าราคาเปิดน้อยกว่าราคาปิด, หมายความว่าราคาได้เพิ่มขึ้นในระยะเวลานั้น แท่งเทียนดำ (หรือแท่งเทียนแดงในบางกรณี) แสดงว่าราคาเปิดมากกว่าราคาปิด, หมายความว่าราคาได้ลดลงในระยะเวลานั้น
รูปร่างแท่งเทียน
การวิเคราะห์รูปร่างแท่งเทียนสามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพรวมของตลาด เช่น แท่งเทียน “Doji” มีราคาเปิดและปิดที่เท่ากัน แสดงถึงความลังเลของตลาด ในขณะที่แท่งเทียน “Hammer” หรือ “Hanging Man” สามารถใช้วิเคราะห์แนวโน้มราคาที่จะเปลี่ยนไป
รูปแบบแท่งเทียน
การรวมรูปร่างแท่งเทียนเข้าด้วยกันสามารถสร้างรูปแบบที่มีความหมายพิเศษ เช่น “Bullish Engulfing” หรือ “Bearish Engulfing” สามารถใช้วิเคราะห์เป็นสัญญาณเกี่ยวกับการเปลี่ยนแนวโน้มราคาในระยะสั้น และ “Morning Star” หรือ “Evening Star” สามารถใช้วิเคราะห์เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแนวโน้มราคาในระยะยาว
ข้อควรระวัง การเทรดกราฟเปล่าใน Forex
การเทรดกราฟเปล่าใน Forex มีความท้าทายเป็นอย่างมาก แต่หากทราบวิธีการ มันก็สามารถช่วยให้ทำกำไรได้ ทว่า ควรระวังสิ่งต่อไปนี้
- การเรียนรู้และความเข้าใจ: การวิเคราะห์กราฟเปล่าหรือการวิเคราะห์ทางเทคนิคต้องการความเข้าใจที่ลึกซึ้กในรูปร่างและรูปแบบต่างๆ ตลอดจนสัญญาณที่เกี่ยวข้อง เมื่อคุณมีความเข้าใจเต็มที่ คุณจะสามารถทำการเทรดได้มากยิ่งขึ้น
- สิ่งที่เกิดขึ้นในภาวะตลาด: การวิเคราะห์ทางเทคนิคเกี่ยวข้องกับการสำรวจข้อมูลในอดีต แต่มันไม่ได้คำนึงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในภาวะตลาดเช่น ข่าวสาร การเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจ หรือการประกาศทางการเมือง ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อราคาสกุลเงิน
- ความเสี่ยง: ตลาด Forex เป็นตลาดที่มีความผันผวนสูง และการเทรดกราฟเปล่าสามารถเพิ่มความเสี่ยงได้ เพราะฉะนั้น การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญ ควรมีแผนการจัดการความเสี่ยง และไม่ควรลงทุนเกินจำนวนที่สามารถสูญเสียได้
- การติดตามแนวโน้ม: หลายคนมักทำผิดพลาดโดยพยายามทายแนวโน้มของตลาดที่จะเปลี่ยน ซึ่งสามารถนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่ดี การวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ดีควรจะติดตามแนวโน้มของตลาด ไม่ใช่พยายามทายว่ามันจะเปลี่ยนอย่างไร
- ความมั่นใจที่เกินไป: ถึงแม้ว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะมีประโยชน์ แต่มันไม่ได้มั่นคง 100% ควรใช้มันเป็นเครื่องมือหนึ่งในการทำสิ่งที่คุณคิดว่าเหมาะสมในการเทรดและตัดสินใจ
แนะนำหนังสือกราฟเปล่า Price action
หนังสือ”Trading Price Action Trends: Technical Analysis of Price Charts Bar by Bar for the Serious Trader” โดย Al Brooks
- หนังสือเล่มนี้จะสอนเกี่ยวกับการวิเคราะห์กราฟเทรดและสร้างกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพด้วยการใช้ Price Action บรูกส์มีวิธีการสอนที่ละเอียดและครอบคลุมทุกเรื่องที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับ Price Action
สรุปเนื้อหา
หนังสือเล่มนี้มีการสำรวจแนวโน้มทางการเทรดในรายละเอียด อธิบายถึงการจัดแนวโน้มและเครื่องมือการวิเคราะห์ที่ทันสมัยที่สุดที่มีอยู่สำหรับนักเทรด มันตรวจสอบรูปแบบทางเทคนิคและผู้อ่านจะได้รับทัศนคติใหม่เกี่ยวกับกราฟบาร์และการเคลื่อนไหวของราคา รวมถึงวิธีการแปลความหมายของการเคลื่อนไหวต่างๆเหล่านี้เพื่อทำกำไรจากการเทรด อีกทั้งยังมีเนื้อหาที่หนา และอธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดของการวิเคราะห์ Price Action จนถึงระดับเล็กน้อย ทำให้หนังสือเล่มนี้เหมาะกับผู้ที่จริงจังในการเรียนรู้วิธีการใช้เทคนิค Price Action ในการเทรด
หนังสือ “A Complete Guide to Volume Price Analysis” โดย Anna Coulling
- หนังสือเล่มนี้นำเสนอเทคนิคการวิเคราะห์ราคาและปริมาณการซื้อขาย ที่มีรากฐานอยู่ที่ความคิดของนักการเงินรุ่นเก่า หนังสือเล่มนี้ค่อนข้างง่ายต่อการทำความเข้าใจและเป็นไปตามความจริง
สรุปเนื้อหา
เป็นหนังสือที่นำเสนอทฤษฎีและเทคนิคเกี่ยวกับการวิเคราะห์ราคาด้วยปริมาณการซื้อขาย เป้าหมายหลักของหนังสือเล่มนี้คือการทำให้นักเทรดสามารถทำความเข้าใจและใช้การวิเคราะห์ปริมาณในการเทรดของตนเองได้ หนังสือเล่มนี้มุ่งเน้นที่การสอนคุณวิธีการทำความเข้าใจราคาและปริมาณการซื้อขาย และวิธีการใช้ปริมาณเพื่อทำนายการเคลื่อนไหวของราคา นักเทรดทุกคนสามารถหาข้อมูลที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้เริ่มต้นหรือผู้มีประสบการณ์
หนังสือเล่มนี้ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ปริมาณ ซึ่งเป็นประเด็นที่มักถูกละเว้นในหลายๆ หนังสือเกี่ยวกับการเทรด อีกทั้งหนังสือยังมีข้อมูลปฏิบัติการที่ชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการใช้การวิเคราะห์ปริมาณเพื่อทำกำไรจากการเทรด
ดังนั้น “A Complete Guide to Volume Price Analysis” ถือเป็นหนังสือที่ควรอ่านสำหรับนักเทรดที่ต้องการเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับวิธีการใช้การวิเคราะห์ปริมาณเพื่อสร้างความสามารถในการเทรดของตนเอง
หนังสือ “Japanese Candlestick Charting Techniques” โดย Steve Nison
- ถ้ากำลังมองหาความรู้เกี่ยวกับกราฟแท่งเทียนญี่ปุ่น หนังสือเล่มนี้เป็นที่ยอมรับว่าเป็นหนังสือมาตรฐานสำหรับผู้ที่สนใจเรื่องนี้
สรุปเนื้อหา
หนังสือที่ถือว่าเป็นคลาสสิคในการเรียนรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน Nison คือ ผู้เขียนที่นำเทคนิคการวิเคราะห์แท่งเทียนของญี่ปุ่นเข้าสู่ตลาดทั่วโลก หนังสือนี้มีการอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับความหมายและการใช้งานของแท่งเทียนหลากหลายรูปแบบ มันเรียนรู้ง่ายและมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมายสำหรับนักเทรดทั้งใหม่และมีประสบการณ์
หนังสือนี้เน้นการทำความเข้าใจแท่งเทียนในภาพรวมและเน้นความสำคัญของการวิเคราะห์ความยาว สี และตำแหน่งของแท่งเทียน ซึ่งทำให้ผู้อ่านสามารถใช้เทคนิคการวิเคราะห์แท่งเทียนในการเทรดของตนเอง
ข้อมูลในหนังสือนี้สามารถนำไปใช้ในการเทรดหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นหุ้น อัตราแลกเปลี่ยน หรือสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนั้น ถ้าคุณต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน หนังสือ “Japanese Candlestick Charting Techniques” เป็นหนังสือที่ควรอ่าน
หนังสือ “The Art and Science of Technical Analysis: Market Structure, Price Action, and Trading Strategies” โดย Adam Grimes
- หนังสือเล่มนี้เป็นแหล่งข้อมูลที่ครอบคลุมสำหรับนักเทรดทุกระดับ จากผู้เริ่มต้นถึงผู้เชี่ยวชาญ ด้วยการสร้างโครงสร้างทางทฤษฎีและปฏิบัติที่ทันสมัย
หนังสือ “The PlayBook: An Inside Look at How to Think Like a Professional Trader” โดย Mike Bellafiore
- หนังสือเล่มนี้มุ่งเน้นการสร้างสมุดบันทึกการเทรดของคุณเอง ซึ่งมีประโยชน์ในการเรียนรู้จากประสบการณ์การเทรดของคุณและปรับปรุงแผนการเทรดในอนาคต
ข้อดีของการเทรด forex กราฟเปล่า
- ความเรียบง่าย: กราฟเปล่าเป็นวิธีการวิเคราะห์ที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน ไม่ได้ใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ซับซ้อนหรือสับสน
- เห็นความชัดเจน: เห็นราคาตลาดที่แท้จริงโดยไม่มีอะไรปกคลุม ทำให้สามารถตีความแนวโน้มทางการซื้อขายและพฤติกรรมของตลาดได้ดียิ่งขึ้น
- ปฏิสัมพันธ์กับทุกตลาด: กราฟเปล่าสามารถใช้งานได้ในทุกๆ ตลาดที่มีข้อมูลราคา ไม่ว่าจะเป็นตลาด Forex, หุ้น, สินค้าภัณฑ์หรือเงินดิจิตอล
- ปรับใช้กับทุกช่วงเวลา: ไม่ว่าจะเป็นนักเทรดวัน (Day Trader) หรือนักเทรดระยะยาว (Long Term Trader)สามารถใช้กราฟเปล่าในการวิเคราะห์ได้
- เห็นภาพรวม: การวิเคราะห์ด้วยกราฟเปล่าช่วยให้เห็นภาพรวมของตลาด หรือ “the big picture” ทำให้คุณสามารถทำความเข้าใจแนวโน้มของตลาดได้ดีขึ้น
- ระบบการเทรดที่ยืดหยุ่น: สามารถปรับแต่งวิธีการเทรดให้เข้ากับลักษณะและวิธีการที่คุณต้องการได้
- ลดสัญญาณปลอม: การเทรดแบบ Price Action ทำให้สามารถลดการรับสัญญาณปลอม หรือ False signals ที่อาจทำให้ตัดสินใจผิดพลาด
- สร้างความเข้าใจในพฤติกรรมตลาด: การวิเคราะห์จากกราฟเปล่าช่วยให้เข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย รวมถึงแรงดันที่ขับเคลื่อนตลาด
- ลดความเครียด: การทำการวิเคราะห์ที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อนทำให้ลดความเครียดในการตัดสินใจซื้อขาย
- ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด: ระบบการเทรดที่ใช้กราฟเปล่าสามารถปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้ดี
ข้อเสียของการเทรด forex กราฟเปล่า
- ต้องการฝึกฝน: การอ่านและตีความกราฟเปล่าต้องการทักษะและประสบการณ์ เนื่องจากการวิเคราะห์บนกราฟเปล่าค่อนข้างเป็นศิลปะมากกว่าการเรียนรู้สูตรหรือตัวชี้วัดทางเทคนิค
- ระบบการเทรดไม่ได้ระบบ: ระบบการเทรดที่เน้นการตีความกราฟเปล่ามักเป็นระบบที่ไม่ได้ระบบทำให้มีความสับสนและเป็นไปได้ว่าจะทำให้นักเทรดยากต่อการทำตาม
- การวิเคราะห์เรื่องซับซ้อน: ในกรณีบางรูปแบบ เช่น การวิเคราะห์รูปร่างของแท่งเทียน หรือ Chart Patterns อาจทำให้ผู้เริ่มต้นรู้สึกยากใจ
- ภาพวิธีการวิเคราะห์ที่ไม่ชัดเจน: การวิเคราะห์ด้วยกราฟเปล่าอาจทำให้มีการตีความต่างกัน ขึ้นอยู่กับมุมมองและประสบการณ์ของแต่ละคน
- ต้องมีความเข้าใจในพฤติกรรมตลาด: แม้ว่าจะเป็นวิธีที่เรียบง่าย แต่คุณยังต้องมีความเข้าใจในพฤติกรรมและแนวโน้มของตลาด
- สัญญาณปลอม: แม้ว่าการวิเคราะห์ด้วยกราฟเปล่าจะทำให้สามารถลดสัญญาณปลอมได้ แต่ยังมีโอกาสที่จะเกิดสัญญาณปลอมขึ้น
- ความจำเป็นในการมองภาพรวม: การเทรดด้วยกราฟเปล่า ต้องมองเห็นภาพรวมของตลาด ซึ่งในบางครั้งอาจต้องดูแล้วดูอีกหลายชั้นของกราฟ เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจน
- ไม่มีการยืนยันจากตัวชี้วัด: การเทรดด้วยกราฟเปล่ามักจะไม่ใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิค เพราะฉะนั้นอาจจะไม่มีการยืนยันจากตัวชี้วัด
- อาจจะขาดความชัดเจนในการตั้งเป้าหมายและจุดหยุดขาดทุน: โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่มีรูปแบบชัดเจน การตั้งเป้าหมายและจุดหยุดขาดทุนอาจจะเป็นไปได้ยาก
อาจใช้เวลาในการตัดสินใจ: การเทรดด้วยกราฟเปล่าอาจใช้เวลาในการตัดสินใจ เพราะต้องดูและตีความกราฟเปล่าเพื่อการตัดสินใจ
FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง