กราฟแท่งเทียน 26 รูปแบบ มีอะไรบ้าง

IUX Markets Bonus

Contents

กราฟแท่งเทียน คืออะไร

กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) เป็นวิธีการสรุปและแสดงข้อมูลราคาของหลักทรัพย์ หรือสินทรัพย์ทางการเงินในรูปแบบที่ช่วยให้ผู้นำข้อมูลไปใช้สามารถเข้าใจแนวโน้มราคาได้ดีขึ้น กราฟแท่งเทียนมีประวัติความเป็นมานานหลายศตวรรษ มาจากประเทศญี่ปุ่น

กราฟแท่งเทียนประกอบด้วยสี่ส่วนหลัก ซึ่งมีชื่อเรียกเป็น “เปิด” (Open) “สูง” (High) “ต่ำ” (Low) และ “ปิด” (Close)

  • ถ้าราคาปิดอยู่สูงกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะเป็นสีเขียวหรือขาว
  • และถ้าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะเป็นสีแดงหรือดำ

แท่งเทียนช่วยให้นักลงทุนเห็นแนวโน้มราคาสินทรัพย์ ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจในการซื้อหรือขาย ในทำนองเดียวกัน มันสามารถใช้เพื่อระบุรูปแบบทางเทคนิคในการซื้อขาย เช่น เทรนด์ การกลับตัว และอื่น ๆ ที่สามารถช่วยในการพยากรณ์ความเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต

องค์ประกอบของกราฟแท่งเทียน

กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) มีสี่ค่าหลักที่ใช้ในการสร้างแต่ละ “แท่งเทียน” ซึ่งประกอบด้วย “เปิด” (Open), “ปิด” (Close), “สูงสุด” (High) และ “ต่ำสุด” (Low)

  • เปิด (Open): ราคาที่สินทรัพย์เริ่มต้นการซื้อขายในระยะเวลาที่กำหนด (เช่น วัน, ชั่วโมง, นาที หรือช่วงเวลาอื่นๆ)
  • ปิด (Close): ราคาที่สินทรัพย์สิ้นสุดการซื้อขายในระยะเวลาที่กำหนด
  • สูงสุด (High): ราคาสูงสุดที่สินทรัพย์ได้รับในระยะเวลาที่กำหนด
  • ต่ำสุด (Low): ราคาต่ำสุดที่สินทรัพย์ได้รับในระยะเวลาที่กำหนด

แท่งเทียนเองมี 2 ส่วนหลัก

ส่วนที่1 แท่งร่างกาย (Body): ส่วนนี้แสดงความแตกต่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิด. ถ้าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด, แท่งเทียนจะเป็นสีเขียวหรือขาว (หรือสีอื่นที่ระบุว่าราคาเพิ่มขึ้น) และราคาเปิดจะอยู่ด้านล่างของแท่งร่างกาย ในขณะที่ราคาปิดอยู่ด้านบน. ถ้าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด, แท่งเทียนจะเป็นสีแดงหรือดำ (หรือสีอื่นที่ระบุว่าราคาลดลง) และราคาเปิดจะอยู่ด้านบนของแท่งร่างกาย ในขณะที่ราคาปิดอยู่ด้านล่าง

ส่วนที่ 2 เส้นแวง (Wick): เส้นแวงแสดงความแปรปรวนของราคาหลังจากการเปิดและปิด เส้นแวงส่วนบนคือความแตกต่างระหว่างราคาสูงสุดและราคาที่สูงกว่าระหว่างราคาเปิดและปิด ในขณะที่เส้นแวงส่วนล่างคือความแตกต่างระหว่างราคาต่ำสุดและราคาที่ต่ำกว่าระหว่างราคาเปิดและปิด ดังนั้นแล้วการใช้กราฟแท่งเทียนในการวิเคราะห์ทางเทคนิคช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าใจแนวโน้มราคาและความผันผวนของราคาภายในระยะเวลาที่กำหนด และทำให้สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น

HFM Market Promotion

กราฟแท่งเทียน 26 รูปแบบ องค์ประกอบแท่งเทียน 2 ส่วนหลัก

ประวัติความเป็นมาของกราฟแท่งเทียน 26 รูปแบบ

กราฟแท่งเทียนเริ่มต้นในประเทศญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 17 โดยนักเทรดข้าวที่ชื่อ Munehisa Homma ที่อยู่ในเมือง Sakata เขานำความรู้เกี่ยวกับการสถิติและสภาพอากาศมาใช้ในการสร้างระบบเทรดข้าวที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยใช้กราฟแท่งเทียนเพื่อบันทึกราคาเปิด ราคาปิด ราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดของการซื้อขายในแต่ละวัน ต่อมา Steve Nison นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจากสหรัฐฯ พบและเรียนรู้เกี่ยวกับกราฟแท่งเทียนในการเดินทางที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 1980 และเป็นผู้นำกราฟแท่งเทียนเข้าสู่การเทรดทางเทคนิคในตลาดที่ตะวันตก

เรื่องของ “26 รูปแบบ” คือ ส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์แท่งเทียน ที่ทำให้ผู้ค้าสามารถดูและตีความหมายอนาคตของราคาอิงจากรูปแบบที่ขึ้นโดยแท่งเทียนในช่วงเวลาที่แล้ว รูปแบบเหล่านี้จะรวมถึง “Doji”, “Hammer”, “Engulfing”, “Shooting Star” และอื่น ๆ รวมถึง “Morning Star”, “Evening Star”, “Three White Soldiers”, “Three Black Crows” และอื่น ๆ อีกมากมาย

รูปแบบที่เหล่านี้ช่วยให้นักลงทุนเข้าใจถึงพฤติกรรมการซื้อขายและความรู้สึกของนักลงทุน ทำให้สามารถทำนายการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตได้ แต่อย่างไรก็ตาม ควรจะระลึกว่าไม่มีวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีประสิทธิภาพ 100% และการวิเคราะห์แท่งเทียนควรใช้ร่วมกับวิธีวิเคราะห์อื่น ๆ

รูปภาพแสดงกราฟแท่งเทียน 26 รูปแบบ

กราฟแท่งเทียน 26 รูปแบบ

กราฟแท่งเทียน 26 รูปแบบ มีอะไรบ้าง

  1. Piercing Pattern VS Dark Cloud Cover
  2. Morning star pattern VS Bearish Evening Star
  3. Morning doji star pattern VS Bearish Evening Doji Star
  4. Bullish Engulfing VS Bearish engulfing
  5. Bullish Harami VS Bearish Harami
  6. Bullish Harami Cross VS Bearish Harami Cross
  7. Bullish Doji star VS Bearish Doji star
  8. Bullish Dragonfly Doji VS Bearish Dragonfly Doji
  9. Hammer VS Hanging Man
  10. Bullish Inverted Hammer VS Shooting Star
  11. Bullish Belt Hold VS Bearish Belt Hold
  12. Bullish Gravestone Doji VS Bearish Gravestone Doji
  13. Three Inside Up VS Three Inside Down
  14. Tweezer Bottoms vs Tweezer Tops
  15. Bullish Abandoned Baby VS Bearish Abandoned Baby
  16. Bullish Marubozu VS Bearish Marubozu
  17. Bullish Spinning Top VS Bearish Spinning Top
  18. Bullish Long-legged doji VS Bearish Long-legged doji
  19. Bullish Kicking Pattern VS Bearish Kicking Pattern
  20. 3 Bullish Soldier VS 3 Bearish Soldier
  21. Bullish On Neck Line VS Bearish On Neck Line
  22. Bullish Separating Lines VS Bearish Separating Lines
  23. Bullish Tri Star VS Bearish Tri Star
  24. Long Lower Shadow VS Long Upper Shadow
  25. Bullish Meeting Line VS Bearish Meeting Line
  26. Bullish Stick Sandwich VS Bearish Stick Sandwich

 

ลักษณะรูปแบบของกราฟแท่งเทียน 26 แบบ

  1. Piercing Pattern VS Dark Cloud Cover

Piercing Pattern และ Dark Cloud Cover เป็นแบบแรกที่สองแท่งเทียนในกราฟแท่งเทียนที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อหาสัญญาณเปลี่ยนแนวโน้มราคาในตลาดหุ้นหรือตลาดสินทรัพย์ทางการเงินที่อื่น ๆ นักลงทุนมักจะใช้รูปแบบเหล่านี้เพื่อช่วยระบุสัญญาณซื้อหรือขายที่อาจจะเกิดขึ้น

  • Piercing Pattern: รูปแบบนี้เกิดขึ้นในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend) และเป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัว (bullish reversal) Piercing Pattern ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่ง แท่งเทียนแรกจะเป็นแท่งเทียนลบ (bearish) และแท่งเทียนที่สองจะเป็นแท่งเทียนบวก (bullish) ที่เปิดต่ำกว่าราคาต่ำสุดของแท่งเทียนที่แล้วแต่ปิดสูงกว่าครึ่งแรกของแท่งเทียนแรก
  • Dark Cloud Cover: รูปแบบนี้เกิดขึ้นในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend) และเป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัว (bearish reversal). Dark Cloud Cover ก็ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่งเช่นเดียวกัน แท่งเทียนแรกจะเป็นแท่งเทียนบวกและแท่งเทียนที่สองจะเป็นแท่งเทียนลบ ที่เปิดสูงกว่าราคาสูงสุดของแท่งเทียนที่แล้วแต่ปิดต่ำกว่าครึ่งแรกของแท่งเทียนแรก
  1. Morning star pattern VS Bearish Evening Star

Morning Star Pattern และ Bearish Evening Star เป็นรูปแบบของแท่งเทียนที่ประกอบด้วยสามแท่งเทียน ทั้งสองรูปแบบนี้ใช้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัว (reversal signal) ในการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน

  • Morning Star Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงบวก (bullish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend) Morning Star ประกอบด้วยแท่งเทียนลบ (bearish candle) ตามด้วยแท่งเทียนที่มีราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดเท่ากันหรือใกล้เคียง (doji) แล้วตามด้วยแท่งเทียนบวก (bullish candle) แท่งเทียนบวกในวันที่สามควรจะปิดที่ราคาที่สูงขึ้นมากกว่าครึ่งหนึ่งของแท่งเทียนลบในวันแรก
  • Bearish Evening Star: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงลบ (bearish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend). Bearish Evening Star ประกอบด้วยแท่งเทียนบวก (bullish candle) ตามด้วยแท่งเทียนที่มีราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดเท่ากันหรือใกล้เคียง (doji) แล้วตามด้วยแท่งเทียนลบ (bearish candle) แท่งเทียนลบในวันที่สามควรจะปิดที่ราคาที่ต่ำลงมากกว่าครึ่งหนึ่งของแท่งเทียนบวกในวันแรก
  1. Morning doji star pattern VS Bearish Evening Doji Star

Morning Doji Star Pattern และ Bearish Evening Doji Star เป็นรูปแบบของแท่งเทียนที่ประกอบด้วยสามแท่งเทียน ทั้งสองรูปแบบนี้ใช้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัว (reversal signal) ในการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน

  • Morning Doji Star Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงบวก (bullish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend) Morning Doji Star ประกอบด้วยแท่งเทียนลบ (bearish candle) ตามด้วยแท่งเทียนที่มีราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดเท่ากัน (doji) แล้วตามด้วยแท่งเทียนบวก (bullish candle) แท่งเทียนบวกในวันที่สามควรจะปิดที่ราคาที่สูงขึ้นมากกว่าครึ่งหนึ่งของแท่งเทียนลบในวันแรก
  • Bearish Evening Doji Star: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงลบ (bearish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend) Bearish Evening Doji Star ประกอบด้วยแท่งเทียนบวก (bullish candle) ตามด้วยแท่งเทียนที่มีราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดเท่ากัน (doji) แล้วตามด้วยแท่งเทียนลบ (bearish candle) แท่งเทียนลบในวันที่สามควรจะปิดที่ราคาที่ต่ำลงมากกว่าครึ่งหนึ่งของแท่งเทียนบวกในวันแรก
  1. Bullish Engulfing VS Bearish engulfing

Bullish Engulfing และ Bearish Engulfing เป็นรูปแบบของแท่งเทียนที่ประกอบด้วยสองแท่งเทียน ทั้งสองรูปแบบนี้ใช้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัว (reversal signal) ในการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน

  • Bullish Engulfing Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงบวก (bullish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend). Bullish Engulfing ประกอบด้วยแท่งเทียนลบ (bearish candle) ตามด้วยแท่งเทียนบวก (bullish candle) ที่ราคาเปิดต่ำกว่าและปิดสูงกว่าแท่งเทียนที่แล้ว
  • Bearish Engulfing Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงลบ (bearish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend) Bearish Engulfing ประกอบด้วยแท่งเทียนบวก (bullish candle) ตามด้วยแท่งเทียนลบ (bearish candle) ที่ราคาเปิดสูงกว่าและปิดต่ำกว่าแท่งเทียนที่แล้ว
  1. Bullish Harami VS Bearish Harami

Bullish Harami และ Bearish Harami เป็นรูปแบบของแท่งเทียนที่ประกอบด้วยสองแท่งเทียน ทั้งสองรูปแบบนี้ใช้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัว (reversal signal) ในการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน

  • Bullish Harami Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงบวก (bullish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend) Bullish Harami ประกอบด้วยแท่งเทียนลบ (bearish candle) ตามด้วยแท่งเทียนบวก (bullish candle) ที่ราคาเปิดและปิดของแท่งเทียนวันที่สองนั้นอยู่ภายในแท่งเทียนวันที่หนึ่ง หรือกล่าวอีกแบบหนึ่งคือ แท่งเทียนวันที่สองถูก “หุ้ม” หรือ “ซุก” ไว้ด้วยแท่งเทียนวันที่หนึ่ง
  • Bearish Harami Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงลบ (bearish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend) Bearish Harami ประกอบด้วยแท่งเทียนบวก (bullish candle) ตามด้วยแท่งเทียนลบ (bearish candle) ที่ราคาเปิดและปิดของแท่งเทียนวันที่สองนั้นอยู่ภายในแท่งเทียนวันที่หนึ่ง หรือกล่าวอีกแบบหนึ่งคือ แท่งเทียนวันที่สองถูก “หุ้ม” หรือ “ซุก” ไว้ด้วยแท่งเทียนวันที่หนึ่ง
  1. Bullish Harami Cross VS Bearish Harami Cross

Bullish Harami Cross และ Bearish Harami Cross เป็นรูปแบบของแท่งเทียนที่ประกอบด้วยสองแท่งเทียน ทั้งสองรูปแบบนี้ใช้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัว (reversal signal) ในการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน

  • Bullish Harami Cross Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงบวก (bullish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend). Bullish Harami Cross ประกอบด้วยแท่งเทียนลบ (bearish candle) ตามด้วยแท่งเทียน doji ที่ราคาเปิดและปิดของ doji อยู่ภายในแท่งเทียนวันที่หนึ่ง
  • Bearish Harami Cross Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงลบ (bearish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend) Bearish Harami Cross ประกอบด้วยแท่งเทียนบวก (bullish candle) ตามด้วยแท่งเทียน doji ที่ราคาเปิดและปิดของ doji อยู่ภายในแท่งเทียนวันที่หนึ่ง
  1. Bullish Doji star VS Bearish Doji star

Bullish Doji Star และ Bearish Doji Star เป็นรูปแบบของแท่งเทียนที่ประกอบด้วยสองหรือสามแท่งเทียน ทั้งสองรูปแบบนี้ใช้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัว (reversal signal) ในการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน

  • Bullish Doji Star Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงบวก (bullish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend). Bullish Doji Star ประกอบด้วยแท่งเทียนลบ (bearish candle) ตามด้วยแท่งเทียน doji ที่อยู่ต่ำกว่าแท่งเทียนวันที่หนึ่ง ส่งผลให้แท่งเทียน doji ดูเหมือนว่า “ลอย” อยู่เหนือแท่งเทียนที่แล้ว
  • Bearish Doji Star Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงลบ (bearish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend) Bearish Doji Star ประกอบด้วยแท่งเทียนบวก (bullish candle) ตามด้วยแท่งเทียน doji ที่อยู่สูงกว่าแท่งเทียนวันที่หนึ่ง ส่งผลให้แท่งเทียน doji ดูเหมือนว่า “ลอย” อยู่เหนือแท่งเทียนที่แล้ว
  1. Bullish Dragonfly Doji VS Bearish Dragonfly Doji

Dragonfly Doji เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะคล้ายแท่งคันธนูโดยมีเส้นยาวที่ห้อยลงมาจากศูนย์กลางแท่งเทียน แท่งเทียนนี้มักจะบ่งบอกถึงความรุนแรงของการซื้อขายในตลาด

  • Bullish Dragonfly Doji: หาก Dragonfly Doji ปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend) จะถือว่าเป็นสัญญาณของแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงบวก (bullish reversal) การปรากฎของ Dragonfly Doji ในกรณีนี้แสดงถึงการปฏิเสธของขาขายที่ยังคงควบคุมตลาดแต่ราคาปิดในวันนั้นเท่ากับราคาเปิดและราคาสูงสุด ซึ่งบ่งบอกถึงความมั่นใจของขาซื้อที่เริ่มมีมากขึ้น
  • Bearish Dragonfly Doji: ในทางกลับกัน หาก Dragonfly Doji ปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend) แสดงถึงความไม่แน่นอนและอาจเป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงลบ (bearish reversal) ซึ่งบ่งบอกถึงการควบคุมของขาซื้อในตลาดมาเสื่อมลง
  1. Hammer VS Hanging Man

  • Hammer Pattern: Hammer คือรูปแบบแท่งเทียนที่ปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend) และบ่งบอกถึงสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงบวก (bullish reversal) แท่งเทียน Hammer มีลักษณะคล้ายค้อน โดยมีเส้นตัว (real body) สั้นๆ ที่สูงสุดของแท่งเทียนและมีเส้นเงา (shadow) ที่ยาวและต่ำกว่าตัว เส้นเงาหรือเส้นไข มักจะยาวถึงสองถึงสามเท่าของเส้นตัว
  • Hanging Man Pattern: Hanging Man คือรูปแบบแท่งเทียนที่ปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend) และบ่งบอกถึงสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงลบ (bearish reversal) แท่งเทียน Hanging Man มีลักษณะคล้ายค้อนเช่นเดียวกับ Hammer แต่ปรากฏในบริบทที่ต่างกัน แท่งเทียนนี้มีเส้นตัวสั้นๆ ที่ต่ำสุดของแท่งเทียนและเส้นเงายาวและต่ำกว่าตัว
  1. Bullish Inverted Hammer VS Shooting Star

  • Bullish Inverted Hammer Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงบวก (bullish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend) Inverted Hammer มีเส้นตัว (real body) สั้นๆ ที่ต่ำสุดของแท่งเทียนและมีเส้นเงา (shadow) ที่ยาวและสูงกว่าตัว การปรากฎของ Inverted Hammer แสดงถึงการควบคุมของขาซื้อในตลาดและมักจะเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มราคา
  • Shooting Star Pattern: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณแนวโน้มที่จะกลับตัวในทางเชิงลบ (bearish reversal) โดยปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend) Shooting Star มีเส้นตัวสั้นๆ ที่สูงสุดของแท่งเทียนและเส้นเงายาวและสูงกว่าตัว การปรากฎของ Shooting Star แสดงถึงการควบคุมของขาขายในตลาดและมักจะเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มราคา
  1. Bullish Belt Hold VS Bearish Belt Hold

  • Bullish Belt Hold Pattern: Bullish Belt Hold เป็นแท่งเทียนแบบเดียวที่มีลักษณะเด่นคือเปิดที่ราคาต่ำสุดของวัน และปิดที่ราคาสูงขึ้นสัญญาณให้เห็นการฟื้นตัวของแนวโน้มที่จะขาย (bullish reversal) เมื่อปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend) แท่งเทียนนี้แสดงถึงแรงขาดที่แ robust ของขาซื้อในการดึงราคาขึ้นจากราคาต่ำสุดของวัน
  • Bearish Belt Hold Pattern: ในทางกลับกัน, Bearish Belt Hold เป็นแท่งเทียนแบบเดียวที่เปิดที่ราคาสูงสุดของวัน และปิดที่ราคาต่ำลง แท่งเทียนนี้สัญญาณถึงการฟื้นตัวของแนวโน้มที่จะซื้อ (bearish reversal) เมื่อปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend) แท่งเทียนนี้แสดงถึงแรงขายที่แ robust ของขาขายในการดึงราคาลงจากราคาสูงสุดของวัน
  1. Bullish Gravestone Doji VS Bearish Gravestone Doji

  • Bullish Gravestone Doji Pattern: รูปแบบ Gravestone Doji มักจะถือว่าเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มราคาที่มีลักษณะเชิงบวก (bullish reversal) เมื่อปรากฏในสภาวะตลาดที่ราคาเหลือง (downtrend). แท่งเทียน Gravestone Doji มีลักษณะคล้าย “T” โดยราคาเปิดและปิดจะอยู่ที่ต่ำสุดของช่วงเวลานั้น ในขณะที่มีเส้นเงา (shadow) ที่ยาวและสูงกว่าตัว รูปแบบนี้เกิดจากการที่ราคาขายมากในช่วงต้นของช่วงเวลาแต่ท้ายที่สุดขาซื้อกลับมาควบคุมและส่งราคากลับไปที่ระดับที่ราคาเริ่มเปิด สิ่งนี้บ่งชี้ถึงแรงจูงใจในการซื้อที่ขยับขึ้น
  • Bearish Gravestone Doji Pattern: ในสภาวะตลาดที่ราคาขาย (uptrend) การปรากฏของ Gravestone Doji สามารถถือว่าเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มราคาที่มีลักษณะเชิงลบ (bearish reversal) ในสภาวะนี้แท่งเทียน Gravestone Doji นั้นราคาขายขึ้นมากในช่วงต้นของช่วงเวลาแต่ท้ายที่สุดขาขายกลับมาควบคุมและส่งราคากลับไปที่ระดับที่ราคาเริ่มเปิด สิ่งนี้บ่งชี้ถึงแรงจูงใจในการขายที่ขยับลง
  1. Three Inside Up VS Three Inside Down

  • Three Inside Up Pattern: รูปแบบ Three Inside Up เป็นแท่งเทียนทั้งหมดสามแท่ง โดยที่แท่งเทียนแรกจะเป็นแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงลบ (bearish) และตามด้วยแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงบวก (bullish) ที่ปิดสูงกว่าต่ำสุดของแท่งเทียนแรก และแท่งเทียนที่สามเป็นแท่งเทียนเชิงบวกที่ปิดสูงกว่าปิดของแท่งเทียนที่สอง รูปแบบนี้บ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้มขาลง (downtrend) ไปสู่ขาขึ้น (uptrend) และจึงถือว่าเป็นสัญญาณขาย
  • Three Inside Down Pattern: ในทางกลับกัน รูปแบบ Three Inside Down เป็นแท่งเทียนทั้งหมดสามแท่ง โดยที่แท่งเทียนแรกจะเป็นแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงบวก และตามด้วยแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงลบที่ปิดต่ำกว่าสูงสุดของแท่งเทียนแรก และแท่งเทียนที่สามเป็นแท่งเทียนเชิงลบที่ปิดต่ำกว่าปิดของแท่งเทียนที่สอง รูปแบบนี้บ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้นไปสู่ขาลง และจึงถือว่าเป็นสัญญาณซื้อ
  1. Tweezer Bottoms vs Tweezer Tops

  • Tweezer Bottoms Pattern: รูปแบบ Tweezer Bottoms ประกอบด้วยสองแท่งเทียนที่มีราคาต่ำสุดของช่วงเวลาแล้วเหลือง (เช่น ราคาต่ำสุดของวัน, ราคาต่ำสุดของชั่วโมง, ฯลฯ) ที่สอดคล้องกัน แท่งเทียนแรกจะเป็นแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงลบ (bearish) ซึ่งสะท้อนถึงความกดดันจากผู้ขาย แต่แท่งเทียนที่สองจะเป็นแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงบวก (bullish) ที่บ่งถึงการกลับตัวของความกดดันจากผู้ซื้อ รูปแบบนี้บ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้มราคาจากขาลง (downtrend) ไปสู่ขาขึ้น (uptrend)
  • Tweezer Tops Pattern: ในทางกลับกัน รูปแบบ Tweezer Tops ประกอบด้วยสองแท่งเทียนที่มีราคาสูงสุดของช่วงเวลาแล้วขาย (เช่น ราคาสูงสุดของวัน, ราคาสูงสุดของชั่วโมง, ฯลฯ) ที่สอดคล้องกัน แท่งเทียนแรกจะเป็นแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงบวก (bullish) ซึ่งสะท้อนถึงความกดดันจากผู้ซื้อ แต่แท่งเทียนที่สองจะเป็นแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงลบ (bearish) ที่บ่งถึงการกลับตัวของความกดดันจากผู้ขาย รูปแบบนี้บ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้มราคาจากขาขึ้น (uptrend) ไปสู่ขาลง (downtrend)
  1. Bullish Abandoned Baby VS Bearish Abandoned Baby

  • Bullish Abandoned Baby Pattern: รูปแบบ Bullish Abandoned Baby เป็นแท่งเทียนแบบ 3 แท่ง ที่มีลักษณะที่โดดเด่นในการกลับค่าขาลง (downtrend) เป็นขาขึ้น (uptrend) รูปแบบนี้ประกอบด้วยแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงลบ (bearish) ตามด้วยแท่งเทียน Doji (ที่ไม่มีร่างแท่งหรือเส้นตัวที่มีความยาวน้อยมาก) ที่ลอยอยู่ระหว่างแท่งเทียนแรกและที่สาม (แท่งเทียนแรกและที่สามไม่มีการตัดกัน) และแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงบวก (bullish) ที่ปิดสูงกว่าเปิดของแท่ง Doji
  • Bearish Abandoned Baby Pattern: ในทางกลับกัน รูปแบบ Bearish Abandoned Baby เป็นแท่งเทียนแบบ 3 แท่ง ที่มีลักษณะที่โดดเด่นในการกลับค่าขาขึ้น (uptrend) เป็นขาลง (downtrend) รูปแบบนี้ประกอบด้วยแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงบวก (bullish) ตามด้วยแท่งเทียน Doji ที่ลอยอยู่ระหว่างแท่งเทียนแรกและที่สาม (แท่งเทียนแรกและที่สามไม่มีการตัดกัน) และแท่งเทียนที่มีลักษณะเชิงลบ (bearish) ที่ปิดต่ำกว่าเปิดของแท่ง Doji
  1. Bullish Marubozu VS Bearish Marubozu

  • Bullish Marubozu: แท่งเทียนแบบ Bullish Marubozu เป็นแท่งเทียนที่มีความยาวค่อนข้างมากและไม่มีเงาหรือชิ้นส่วนของแท่งเทียนที่ต่ำกว่าราคาเปิด (lower shadow) หรือสูงกว่าราคาปิด (upper shadow) นั่นคือ ราคาเปิดกับราคาต่ำสุดของวันนั้นเท่ากันและราคาปิดกับราคาสูงสุดของวันนั้นเท่ากัน นี่แสดงถึงความแข็งแกร่งของความกดดันจากผู้ซื้อในช่วงเวลานั้น ๆ
  • Bearish Marubozu: ในทางกลับกัน แท่งเทียนแบบ Bearish Marubozu ยังคงเป็นแท่งเทียนที่ยาวและไม่มีเงา (shadow) แต่ราคาเปิดของมันจะเท่ากับราคาสูงสุดของช่วงเวลานั้น ๆ และราคาปิดจะเท่ากับราคาต่ำสุดของช่วงเวลานั้น ๆ นี่แสดงถึงความแข็งแกร่งของความกดดันจากผู้ขายในช่วงเวลานั้น ๆ
  1. Bullish Spinning Top VS Bearish Spinning Top

  • Bullish Spinning Top: แท่งเทียนแบบ Bullish Spinning Top มีลักษณะที่โดดเด่นในแท่งเทียนมีร่างที่เล็กและเงาแท่งเทียน (shadows) ทั้งสองด้านที่ยาว และปิดที่ราคาที่สูงกว่าที่เปิด นี่แสดงถึงความไม่แน่นอนในตลาด และอาจบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของเทรนด์ที่จะเกิดขึ้น
  • Bearish Spinning Top: แท่งเทียนแบบ Bearish Spinning Top มีลักษณะคล้ายกับแท่งเทียนแบบ Bullish แต่ราคาปิดจะต่ำกว่าราคาที่เปิด นี่ยังคงบ่งบอกถึงความไม่แน่นอนในตลาดและอาจบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของเทรนด์ที่จะเกิดขึ้น
  1. Bullish Long-legged doji VS Bearish Long-legged doji

  • Long-legged Doji: แท่งเทียนแบบ Long-legged Doji มีรูปร่างที่โดดเด่นเนื่องจากมี “เส้นขา” (shadows) ที่ยาวทั้งสองด้าน ที่บ่งบอกถึงการขยับขึ้นและลงของราคาในช่วงระยะเวลานั้น แท่งเทียนนี้เกิดเมื่อราคาเปิดและราคาปิดของช่วงเวลานั้นเท่ากัน หรือใกล้เคียงมาก ซึ่งบ่งบอกถึงความไม่แน่นอนและความสับสนในตลาด
  • Long-legged Doji ไม่ได้ถูกจำแนกเป็น bullish หรือ bearish ในฐานะที่เป็นสัญญาณของความไม่แน่นอนและความสับสน โดยไม่คำนึงถึงทิศทางเทรนด์ที่กำลังดำเนินอยู่ แท่งเทียนนี้สามารถปรากฏในเทรนด์ขาขึ้นหรือขาลง และเป็นสัญญาณที่เตือนถึงการเปลี่ยนแปลงเทรนด์ที่จะเกิดขึ้น แท่งเทียนที่ตามมาจะสามารถบ่งบอกถึงทิศทางที่ตลาดจะเคลื่อนไป
  1. Bullish Kicking Pattern VS Bearish Kicking Pattern

  • Bullish Kicking Pattern: แบบรูปแบบนี้เริ่มต้นด้วยแท่งเทียน Marubozu แบบ bearish โดยไม่มีเงา (shadow) ทั้งสองด้าน และปิดที่ราคาที่ต่ำกว่าที่เปิด แล้วตามมาด้วยแท่งเทียน Marubozu แบบ bullish ที่เปิดที่ราคาที่สูงกว่าค่าสูงสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า และปิดที่ราคาที่สูงกว่าที่เปิด โดยมีการเปิดแยกออกจากแท่งเทียนก่อนหน้า (มีช่วงว่างระหว่างราคาปิดของแท่งเทียนแรกและราคาเปิดของแท่งเทียนที่สอง) นี่เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงทางเทรนด์จาก bearish เป็น bullish
  • Bearish Kicking Pattern: แบบรูปแบบนี้เริ่มต้นด้วยแท่งเทียน Marubozu แบบ bullish ที่ไม่มีเงาทั้งสองด้าน และปิดที่ราคาที่สูงกว่าที่เปิด แล้วตามมาด้วยแท่งเทียน Marubozu แบบ bearish ที่เปิดที่ราคาที่ต่ำกว่าค่าต่ำสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า และปิดที่ราคาที่ต่ำกว่าที่เปิด โดยมีการเปิดแยกออกจากแท่งเทียนก่อนหน้า (มีช่วงว่างระหว่างราคาปิดของแท่งเทียนแรกและราคาเปิดของแท่งเทียนที่สอง) นี่เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงทางเทรนด์จาก bullish เป็น bearish
  1. 3 Bullish Soldier VS 3 Bearish Soldier

  • Three Bullish Soldiers: ประกอบด้วย 3 แท่งเทียน bullish ที่ยาวและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มขายขึ้นที่เข้มข้น. แท่งเทียนแต่ละแท่งจะเปิดในหรือใกล้กับเงา (shadow) ล่างของแท่งเทียนก่อนหน้าและปิดที่ใกล้จุดสูงสุดของระยะเวลา นี่บ่งบอกถึงการควบคุมตลาดที่เข้มข้นจากผู้ซื้อ
  • Three Bearish Soldiers: ประกอบด้วย 3 แท่งเทียน bearish ที่ยาวและต่อเนื่อง แสดงถึงแนวโน้มขาลงที่เข้มข้นแท่งเทียนแต่ละแท่งจะเปิดในหรือใกล้กับเงา (shadow) บนของแท่งเทียนก่อนหน้าและปิดที่ใกล้จุดต่ำสุดของระยะเวลา นี่บ่งบอกถึงการควบคุมตลาดที่เข้มข้นจากผู้ขาย
  1. Bullish On Neck Line VS Bearish On Neck Line

  • Bullish On-Neck Line Pattern: แบบรูปแบบนี้ไม่มีในรูปแบบ Candlestick แบบดั้งเดิม แต่มีรูปแบบที่คล้ายคลึงเป็น “Bearish On-Neck Line”
  • Bearish On-Neck Line Pattern: ประกอบด้วยสองแท่งเทียน แท่งเทียนแรกเป็นแท่งเทียน bearish ที่ยาว และแท่งเทียนที่สองเป็นแท่งเทียน bullish ที่ต่อจากแท่งเทียนแรกและปิดเท่ากับหรืออยู่ใกล้เคียงราคาที่ต่ำที่สุดของแท่งเทียนแรก แท่งเทียนแรกแสดงถึงการขายอย่างรุนแรง และแท่งเทียนที่สอง (แท่งเทียน bullish) มักจะเป็นการก่อให้เกิดความหวังว่าเทรนด์จะเปลี่ยนแปลง เวลาจริงๆ แล้วทวีคูณกับความหวังนี้อาจจะทำให้เกิดการขายอย่างรุนแรงต่อไป
  1. Bullish Separating Lines VS Bearish Separating Lines

  • Bullish Separating Lines Pattern: ประกอบด้วยสองแท่งเทียน, แท่งเทียนแรกเป็นแท่งเทียน bearish และแท่งเทียนที่สองเป็นแท่งเทียน แท่งเทียนแรกแสดงถึงการขายอย่างรุนแรงในตลาด แต่แท่งเทียนที่สองเปิดที่จุดเดียวกันกับแท่งเทียนแรกและปิดสูงกว่าแท่งเทียนแรก รูปแบบนี้บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงเทรนด์จาก bearish เป็น bullish
  • Bearish Separating Lines Pattern: ประกอบด้วยสองแท่งเทียน, แท่งเทียนแรกเป็นแท่งเทียน bullish และแท่งเทียนที่สองเป็นแท่งเทียน bearish แท่งเทียนแรกแสดงถึงการซื้ออย่างรุนแรงในตลาด แต่แท่งเทียนที่สองเปิดที่จุดเดียวกันกับแท่งเทียนแรกและปิดต่ำกว่าแท่งเทียนแรก รูปแบบนี้บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงเทรนด์จาก bullish เป็น bearish
  1. Bullish Tri Star VS Bearish Tri Star

Bullish Tri Star:

  • 3 เท่งเทียนติดกัน
  • เท่งเทียนแรกและที่สองอยู่ในเทรนด์ขาลง
  • เท่งเทียนสุดท้ายอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น
  • แสดงถึงความไม่แน่นอนของตลาดและความลังเลของนักลงทุน
  • เมื่อราคาพลิกกลับเป็นเทรนด์ขาขึ้นในเท่งเทียนสุดท้าย แสดงถึงโอกาสในการเคลื่อนไหวขาขึ้นของราคาในอนาคต

Bearish Tri Star:

  • 3 เท่งเทียนติดกัน
  • เท่งเทียนแรกและที่สองอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น
  • เท่งเทียนสุดท้ายอยู่ในเทรนด์ขาลง
  • แสดงถึงความไม่แน่นอนของตลาดและความลังเลของนักลงทุน
  • เมื่อราคาพลิกกลับเป็นเทรนด์ขาลงในเท่งเทียนสุดท้าย แสดงถึงโอกาสในการเคลื่อนไหวขาลงของราคาในอนาคต
  1. Long Lower Shadow VS Long Upper Shadow

ขาขึ้น Long Lower Shadow:

  • แท่งเทียนสีเขียว
  • ไส้เทียนด้านล่างยาวมาก
  • ตัวแท่งเทียนสั้นและอยู่ใกล้ไส้เทียนด้านบน
  • แสดงถึงการเคลื่อนไหวขาขึ้นที่มีแรงซื้อเข้ามา
  • ยังไม่ได้บอกทิศทางของแนวโน้มอย่างชัดเจน

ขาลง Long Upper Shadow:

  • แท่งเทียนสีแดง
  • ไส้เทียนด้านบนยาวมาก
  • ตัวแท่งเทียนสั้นและอยู่ใกล้ไส้เทียนด้านล่าง
  • แสดงถึงการเคลื่อนไหวขาลงที่มีแรงขายเข้ามา
  • ยังไม่ได้บอกทิศทางของแนวโน้มอย่างชัดเจน
  1. Bullish Meeting Line VS Bearish Meeting Line

ขาขึ้น Bullish Meeting Line:

  • แท่งเทียนสีเขียว
  • ราคาเปิดกระโดดลงจากราคาปิดของแท่งเทียนสีแดงก่อนหน้า
  • ราคาปิดใกล้เคียงกับราคาเปิดของแท่งเทียนสีแดงก่อนหน้า
  • แสดงถึงความสมดุลของแรงซื้อและแรงขาย
  • โอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงเทรนด์จากขาลงเป็นขาขึ้นอาจเกิดขึ้น

ขาลง Bearish Meeting Line:

  • แท่งเทียนสีแดง
  • ราคาเปิดกระโดดขึ้นจากราคาปิดของแท่งเทียนสีเขียวก่อนหน้า
  • ราคาปิดใกล้เคียงกับราคาเปิดของแท่งเทียนสีเขียวก่อนหน้า
  • แสดงถึงความสมดุลของแรงซื้อและแรงขาย
  • โอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงเทรนด์จากขาขึ้นเป็นขาลงอาจเกิดขึ้น
  1. Bullish Stick Sandwich VS Bearish Stick Sandwich

ขาขึ้น Bullish Stick Sandwich:

  • 3 แท่งเทียน
  • แท่งแรกเป็นแท่งเทียนสีแดงที่มีราคาปิดต่ำลง
  • แท่งที่สองเป็นแท่งเทียนสีเขียวที่มีราคาปิดสูงกว่าแท่งแรก
  • แท่งที่สามเป็นแท่งเทียนสีแดงที่มีราคาเปิดสูงกว่าแท่งที่สอง แต่ราคาปิดลงใกล้เคียงกับแท่งแรก
  • มีความเป็นไปได้ที่ราคาจะเปลี่ยนแปลงจากขาลงเป็นขาขึ้น

ขาลง Bearish Stick Sandwich:

  • 3 แท่งเทียน
  • แท่งแรกเป็นแท่งเทียนสีเขียวที่มีราคาปิดสูงขึ้น
  • แท่งที่สองเป็นแท่งเทียนสีแดงที่มีราคาปิดต่ำกว่าแท่งแรก
  • แท่งที่สามเป็นแท่งเทียนสีเขียวที่มีราคาเปิดต่ำกว่าแท่งที่สอง แต่ราคาปิดลงใกล้เคียงกับแท่งแรก
  • มีความเป็นไปได้ที่ราคาจะเปลี่ยนแปลงจากขาขึ้นเป็นขาลง

 

กราฟแท่งเทียน ใช้ทำอะไรได้บ้าง

กราฟแท่งเทียน (Candlestick chart) เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้ในการวิเคราะห์และการทำนายราคาในตลาดทางการเงิน ซึ่งมีความสามารถในการให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับระดับราคาและแนวโน้มของตลาดในช่วงเวลาที่กำหนดได้ ดังนั้น กราฟแท่งเทียนสามารถใช้ทำสิ่งต่อไปนี้ได้

  • การตรวจสอบแนวโน้มของตลาด: แท่งเทียนสามารถช่วยให้เราเห็นแนวโน้มของตลาดว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง จากนั้นสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการซื้อหรือขายในตลาดได้
  • การตรวจสอบระดับการสนับสนุนและความต้านทาน: แท่งเทียนสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับระดับราคาที่สำคัญ เช่น ระดับการสนับสนุนที่ราคานั้นไม่ค่อยลงต่ำกว่านั้นได้หรือระดับการต้านทานที่ราคานั้นไม่ค่อยเลื่อนขึ้นไปกว่านั้นได้ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เราสามารถวางแผนการเทรดได้อย่างมีความมั่นใจมากขึ้น
  • การตรวจสอบสัญญาณซื้อขาย: แท่งเทียนสามารถให้สัญญาณซื้อหรือขายในตลาดได้ โดยใช้รูปแบบของแท่งเทียนเพื่อแสดงรูปแบบพิเศษ เช่น รูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่อง (Candlestick patterns) เช่น Doji, Hammer, Engulfingและอื่นๆ
  • การตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม: แท่งเทียนสามารถช่วยในการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของตลาด เช่น การกลับตัว (Reversal) หรือการดำเนินตามแนวโน้ม (Continuation)

สรุปกันได้ว่า กราฟแท่งเทียนเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการวิเคราะห์และการทำนายราคาในตลาดทางการเงิน และสามารถช่วยให้นักลงทุนในการตัดสินใจในการซื้อหรือขายในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

FOREXDUCK Logo

FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง

HFM Promotion