Relative Strength Indicator (RSI) คืออะไร
Relative Strength Indicator (RSI) เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์และวัดความเบ้ความแข็งของราคาในตลาดทางการเงิน โดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เรียกว่า “oscillator” หรือตัววัดความแปรปรวนของราคา
RSI คำนวณตามสัญญาณเปรียบเทียบความสูงและต่ำของราคาปิดในช่วงเวลาที่กำหนด โดยซื้อขายในช่วงเวลาที่ราคาทำการตัววางแผนสั้น ๆ อาจแสดงให้เห็นถึงแรงซื้อ ในขณะที่ขายในช่วงเวลาที่ราคาทำการตัววางแผนยาว ๆ อาจแสดงถึงแรงขาย ดังนั้น RSI ช่วยในการบ่งชี้สถานการณ์ตลาดที่อาจแสดงถึงการแกว่งของราคาและการเคลื่อนไหวที่สามารถใช้ในการตัดสินใจการซื้อขายในตลาด
RSI มีการกำหนดระดับ 0-100 โดยในทางปฏิบัติ ระดับ 70 ถึง 100 ถือว่าเป็นระดับที่แสดงถึงสถานการณ์ขายเกินกว่า โดยราคาอาจอยู่ในสถานะที่ห่างไกลจากราคาเฉลี่ย อย่างไรก็ตามระดับ 30 ถึง 0 ถือว่าเป็นระดับที่แสดงถึงสถานการณ์ซื้อน้อยเกินไป ราคาอาจอยู่ในสถานะที่ห่างไกลจากราคาเฉลี่ย การใช้งาน RSI ควรพิจารณาระยะเวลาที่กำหนดในการวิเคราะห์ เช่น RSI 14 จะใช้ข้อมูลราคาปิดในช่วง 14 วัน ส่วน RSI 9 จะใช้ข้อมูลราคาปิดในช่วง 9 วัน การใช้งาน RSI ควรเปรียบเทียบกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมและการวิเคราะห์ที่ถูกต้อง
RSI เป็นเครื่องมือที่นิยมและใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการการเงิน เพราะช่วยให้นักลงทุนและเทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์และตรวจสอบความแปรปรวนของราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ควรระมัดระวังในการใช้งานให้ถูกต้องและมีการวิเคราะห์เพิ่มเติมเพื่อสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจการซื้อขายในตลาด
Relative Strength Indicator (RSI) ดูตรงไหน
RSI (Relative Strength Indicator) ดูจากตรงผลต่างราคาที่เป็นบวกกับค่าเฉลี่ยของผลต่างราคาที่เป็นลบ ในระยะเวลาที่กำหนด เพราะเป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์และวัดความเบ้ความแข็งของราคาในตลาดทางการเงิน โดยใช้ตัววัดความแปรปรวนของราคาในระยะเวลาที่กำหนด
RSI คำนวณตามสูตรดังนี้
- RSI = 100 – (100 / (1 + RS))
โดยที่ RS (Relative Strength) คือ อัตราส่วนของค่าเฉลี่ยของผลต่างราคาที่เป็นบวกกับค่าเฉลี่ยของผลต่างราคาที่เป็นลบ ในระยะเวลาที่กำหนด
RSI มีการกำหนดระดับค่าที่สำคัญดังนี้
- ระดับ 70 ถึง 100: ราคาอยู่ในสถานการณ์ขายเกินกว่า อาจแสดงถึงราคาที่อาจเกิดการแกว่งห่างจากราคาเฉลี่ยและมีโอกาสที่จะลดลงในอนาคต
- ระดับ 30 ถึง 0: ราคาอยู่ในสถานการณ์ซื้อน้อยเกินไป อาจแสดงถึงราคาที่อาจเกิดการแกว่งห่างจากราคาเฉลี่ยและมีโอกาสที่จะขึ้นไปในอนาคต
การอ่าน RSI
- การอ่าน RSI คือ การตรวจสอบว่าหากค่า RSI อยู่ใกล้ระดับที่ 70 หรือ มากกว่า 70 อาจแสดงถึงการแกว่งที่ตลาดอาจกำลังเข้าสู่สถานการณ์ขายเกินกว่า
- ในขณะที่ค่า RSI ใกล้ระดับ 30 หรือ น้อยกว่า 30 อาจแสดงถึงการแกว่งที่ตลาดอาจกำลังเข้าสู่สถานการณ์ซื้อน้อยเกินไป
RSI เป็นเครื่องมือที่มีความนิยมในวงการการเงิน เพราะช่วยให้นักลงทุนและเทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์และตรวจสอบความแปรปรวนของราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้ RSI ควรระมัดระวังในการใช้งานให้ถูกต้องและมีการวิเคราะห์เพิ่มเติมเพื่อสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจการซื้อขายในตลาด
Relative Strength Indicator (RSI) เท่าไหร่ดี คำนวณยังไง
Relative Strength Indicator (RSI) คำนวณโดยใช้ข้อมูลราคาปิดในช่วงเวลาที่กำหนด เพื่อวัดความแปรปรวนและความเบ้ความแข็งของราคาในตลาดทางการเงิน ขั้นตอนในการคำนวณ คือ ดังนี้:
- กำหนดระยะเวลาที่ต้องการในการวิเคราะห์ เช่น 14 วันหรือ 9 วัน เป็นต้น อาจแปลงเวลาเป็นจำนวนชั่วโมงหรือนาทีก็ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่คุณต้องการใช้งาน
- หาค่าเฉลี่ยของผลต่างราคาบวก (average gain) และค่าเฉลี่ยของผลต่างราคาลบ (average loss) ในระยะเวลาที่กำหนด
โดยใช้สูตรดังนี้
- ค่าเฉลี่ยของผลต่างราคาบวก (average gain) = (ผลต่างราคาบวกในระยะเวลาที่กำหนดทั้งหมด) / (จำนวนช่วงเวลาทั้งหมด)
- ค่าเฉลี่ยของผลต่างราคาลบ (average loss) = (ผลต่างราคาลบในระยะเวลาที่กำหนดทั้งหมด) / (จำนวนช่วงเวลาทั้งหมด)
คำนวณค่า Relative Strength (RS) โดยใช้สูตรดังนี้
- Relative Strength (RS) = (ค่าเฉลี่ยของผลต่างราคาบวก) / (ค่าเฉลี่ยของผลต่างราคาลบ)
คำนวณค่า RSI โดยใช้สูตรดังนี้
- RSI = 100 – (100 / (1 + RS))
ดังนั้น คุณสามารถคำนวณค่า RSI โดยใช้ข้อมูลราคาปิดในช่วงเวลาที่กำหนด และสูตรการคำนวณที่กล่าวมาเพื่อวัดความแปรปรวนและความเบ้ความแข็งของราคาในตลาดทางการเงิน
ตัวเลข Relative Strength Indicator (RSI) เท่าไหร่ดี
ตัวเลข Relative Strength Indicator (RSI) ที่ถือว่าดีหรือเหมาะสมจะขึ้นอยู่กับแนวโน้มและลักษณะของตลาดในแต่ละระยะเวลา อย่างไรก็ตามค่า RSI ที่ถือว่าเป็นที่ยอมรับกันมากที่สุดในวงการการเงินคือระหว่าง 30 ถึง 70
- เมื่อค่า RSI ต่ำกว่า 30: แสดงถึงสถานการณ์ซื้อน้อยเกินไปหรือราคาที่ตกต่ำเกินควร อาจแสดงให้เห็นถึงราคาที่อาจจะกลับขึ้นในอนาคตและสามารถเป็นสัญญาณซื้อได้
- เมื่อค่า RSI สูงกว่า 70: แสดงถึงสถานการณ์ขายเกินกว่าหรือราคาที่สูงเกินควร อาจแสดงให้เห็นถึงราคาที่อาจจะลดลงในอนาคตและสามารถเป็นสัญญาณขายได้
- ค่า RSI ที่อยู่ในช่วง 30-70 อาจแสดงถึงตลาดที่มีความสมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขาย และไม่แสดงสัญญาณซื้อหรือขายที่ชัดเจน
การตัดสินใจใช้งาน RSI ควรพิจารณาร่วมกับการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมมากขึ้น และคำนึงถึงสภาพตลาดทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อทำให้การใช้งาน RSI มีความถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การตั้งค่า RSI
การตั้งค่า Relative Strength Indicator (RSI) ในแพลตฟอร์มการเทรดหรือซอฟต์แวร์การวิเคราะห์ทางเทคนิคต่าง ๆ อาจแตกต่างกันไป
ขั้นตอนการตั้งค่า RSI
- เลือกระยะเวลาที่ต้องการใช้ในการคำนวณ RSI: คุณต้องกำหนดระยะเวลาที่ต้องการใช้ในการคำนวณ RSI ซึ่งอาจเป็นช่วงเวลาเป็นวัน, สัปดาห์, เดือน, หรือระยะเวลาอื่น ๆ ที่ต้องการใช้งาน
- คำนวณค่าเฉลี่ยของผลต่างราคา: ต้องคำนวณค่าเฉลี่ยของผลต่างราคาบวกและผลต่างราคาลบในระยะเวลาที่กำหนด โดยใช้ข้อมูลราคาปิดในช่วงเวลานั้น สามารถใช้สูตรทางคณิตศาสตร์ เพื่อคำนวณค่าเฉลี่ยเหล่านี้
- คำนวณค่า Relative Strength (RS): ต้องหาราคาเฉลี่ยของผลต่างราคาบวกและผลต่างราคาลบ แล้วนำมาหารร่วมกับกัน เพื่อหาค่า Relative Strength (RS)
- คำนวณค่า RSI: สามารถใช้สูตร RSI เพื่อคำนวณค่า RSI โดยใช้ค่า Relative Strength (RS) ที่คำนวณมาแล้ว ซึ่งสูตรการคำนวณ RSI คือ RSI = 100 – (100 / (1 + RS))
- กำหนดระดับค่า RSI: สามารถกำหนดระดับค่า RSI ที่จะใช้เป็นสัญญาณซื้อหรือขาย โดยทั่วไประดับ 30 ถึง 70 ถือว่าเป็นระดับที่เหมาะสม แต่คุณสามารถปรับเปลี่ยนระดับนี้ตามความต้องการ
- ปรับแต่งการแสดงผล: สามารถปรับแต่งการแสดงผลของ RSI ได้ตามความต้องการ เช่น เปลี่ยนสีของเส้น RSI, เพิ่มเส้นเสียงแจ้งเตือน เป็นต้น เพื่อช่วยในการวิเคราะห์และการตัดสินใจการซื้อขาย
RSI 6 12 24 คืออะไร
RSI 6, RSI 12, และ RSI 24 คือระยะเวลาที่ใช้ในการคำนวณ Relative Strength Index (RSI) ในแต่ละระยะเวลา
- RSI 6: คือการคำนวณ RSI โดยใช้ระยะเวลา 6 หน่วย เช่น 6 วันหรือ 6 ชั่วโมง ในการคำนวณเพื่อให้ได้ค่า RSI
- RSI 12: คือการคำนวณ RSI โดยใช้ระยะเวลา 12 หน่วย เช่น 12 วันหรือ 12 ชั่วโมง ในการคำนวณเพื่อให้ได้ค่า RSI
- RSI 24: คือการคำนวณ RSI โดยใช้ระยะเวลา 24 หน่วย เช่น 24 วันหรือ 24 ชั่วโมง ในการคำนวณเพื่อให้ได้ค่า RSI
โดยทั่วไปแล้วการใช้ระยะเวลาที่ต่างกันในการคำนวณ RSI จะช่วยให้เห็นแนวโน้มและการเปรียบเทียบความแปรปรวนของราคาในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ระยะเวลาที่สั้นกว่าจะแสดงผลของการเปลี่ยนแปลงราคาได้รวดเร็วขึ้น ในขณะที่ระยะเวลาที่ยาวกว่าจะช่วยแสดงผลของแนวโน้มยาวนานและการเคลื่อนไหวของราคาในระยะยาว
วิธีใช้ Relative Strength Indicator (RSI) ใน Tradingview
การใช้ Relative Strength Indicator (RSI) ใน TradingView สามารถทำได้โดยดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้:
- ไปที่หน้าเว็บไซต์ tradingview.com
- เปิดแผนภูมิหรือกราฟที่ต้องการวิเคราะห์ใน TradingView
- ค้นหาเครื่องมือ RSI ในแถบเครื่องมือด้านบนของหน้าต่างกราฟ
- หรือสามารถพิมพ์ “RSI” ในช่องค้นหา
- และเลือก RSI จากเครื่องมือที่แสดงขึ้น
- เมื่อคลิกที่เครื่องมือ RSI จะปรากฏตัวเลือกและการตั้งค่าของ RSI ในแถบด้านซ้ายของหน้าต่าง
- สามารถปรับแต่งการตั้งค่าของ RSI ตามความต้องการของตัวเองได้เลย
- หรือใช้ค่าเริ่มต้นที่มีอยู่ก็ได้เช่นกัน
- เมื่อค่า RSI ปรากฏบนกราฟ สามารถวิเคราะห์และใช้ข้อมูลนี้ในการตัดสินใจการซื้อขาย โดยสำรวจสถานะของ RSI ตามระดับค่าที่สำคัญ เช่น 70 และ 30
- อาจใช้การตรวจสอบระดับค่า RSI ในการตัดสินใจการซื้อหรือขาย อย่างเช่นเมื่อ RSI ตัดขึ้นกว่าระดับ 30 อาจเป็นสัญญาณซื้อ หรือเมื่อ RSI ตัดลงกว่าระดับ 70 อาจเป็นสัญญาณขาย
- นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งการแสดงผลของ RSI ได้ตามความต้องการ เช่น เปลี่ยนสีของเส้น RSI เพิ่มเส้นเสียงแจ้งเตือน เป็นต้น เพื่อช่วยในการวิเคราะห์และการตัดสินใจการซื้อขาย
ข้อดีข้อเสีย Relative Strength Indicator
ข้อดี RSI
ช่วยในการตรวจสอบความแปรปรวนของราคา: RSI ช่วยในการวิเคราะห์และตรวจสอบความแปรปรวนของราคาในตลาด ซึ่งสามารถช่วยในการระบุการเคลื่อนไหวของราคาที่เป็นไปได้ และช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับการซื้อหรือขาย
สามารถระบุสภาพตลาดที่เกิดการแกว่งราคา: RSI ช่วยในการระบุสถานการณ์ขายเกินหรือซื้อน้อยในตลาด โดยอ้างอิงกับระดับค่า RSI ที่สำคัญ เช่น 70 และ 30 ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถรับข้อมูลเกี่ยวกับการแกว่งราคาและสภาพตลาดได้
ช่วยในการระบุสัญญาณซื้อหรือขาย: RSI สามารถให้สัญญาณซื้อหรือขายในตลาดได้ โดยเมื่อค่า RSI ตัดขึ้นหรือตัดลงกับระดับที่กำหนด เช่น 30 หรือ 70 อาจแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในแนวโน้มของราคาและช่วยในการตัดสินใจการซื้อหรือขาย
สามารถปรับแต่งการใช้งาน: ค่า RSI สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของนักเทรด โดยเปลี่ยนระดับค่าที่ถือว่าสำคัญ เปลี่ยนสีของเส้น RSI เพิ่มเส้นเสียงแจ้งเตือน เป็นต้น ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถปรับการใช้งานให้เหมาะสมกับกลยุทธ์การซื้อขายของตนเอง
ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ: RSI สามารถใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น เส้นเคลื่อนที่เฉลี่ยเลื่อน (Moving Averages) หรือแบนด์วิดธ์ (Bollinger Bands) เพื่อเพิ่มความถูกต้องและประสิทธิภาพในการวิเคราะห์และการตัดสินใจการซื้อขาย
ข้อเสีย RSI
สัญญาณเทียนและสัญญาณเทียนเทียน: RSI อาจให้สัญญาณเทียน (whipsaw) หรือสัญญาณซื้อขายที่ไม่ตรงกับการเคลื่อนไหวของราคาจริง โดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวนสูง สามารถทำให้นักลงทุนทำการซื้อขายผิดพลาดหรือเสียโอกาสในการทำกำไรได้
การสังเกตเฉพาะในเงื่อนไขตลาดแบบเฉพาะ: ในบางครั้ง RSI อาจไม่สามารถให้ข้อมูลที่ชัดเจนในสถานการณ์ตลาดบางประเภท เช่น เมื่อตลาดอยู่ในสภาวะแนวโน้มข้างขึ้นหรือข้างลงต่อเนื่อง หรือในตลาดที่ไม่มีแนวโน้มชัดเจน
การใช้ระยะเวลาที่ไม่เหมาะสม: การเลือกระยะเวลาที่ไม่เหมาะสมสำหรับการคำนวณ RSI อาจทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สอดคล้องกับสภาพตลาดจริง
ไม่ครอบคลุมทุกสถานการณ์ตลาด: RSI เป็นเครื่องมือเทคนิคเพียงชนิดเดียวและมีข้อจำกัด ไม่สามารถให้ข้อมูลทั้งหมดที่นักลงทุนต้องการในการวิเคราะห์ตลาด ต้องใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อให้ได้ภาพรวมที่ครอบคลุมของสถานการณ์ตลาด
การผิดพลาดทางการคำนวณ: ความผิดพลาดในการคำนวณ RSI อาจเกิดขึ้นเมื่อมีข้อมูลราคาไม่ถูกต้องหรือมีข้อมูลสูญหาย ซึ่งอาจส่งผลให้ได้ค่า RSI ที่ไม่ถูกต้อง
ติดอยู่ในช่วงค่าที่มักจะถูกใช้: ในการใช้ RSI โดยทั่วไป, ค่า RSI ที่มักจะถูกใช้เป็นสัญญาณซื้อขาย อยู่ในช่วงระหว่าง 30 ถึง 70 ซึ่งอาจทำให้สัญญาณเดียวกันที่แสดงโดย RSI ถูกใช้กับหลายบริหารเงิน ผู้ใช้ควรระมัดระวังในการใช้สัญญาณ RSI เพื่อป้องกันการล่องละเมิดที่อาจเกิดขึ้น
สรุป Relative Strength Indicator จำเป็นแค่ไหนในการเทรด forex
Relative Strength Indicator (RSI) เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่นิยมมากในการซื้อขายสินทรัพย์ทุกประเภท รวมถึงฟอเร็กซ์ (Forex) ด้วย ตัวชี้วัดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อวัดความแข็งแกร่งหรือความอ่อนแอของเทรนด์ และยังช่วยบ่งบอกสัญญาณที่เกี่ยวกับการซื้อขายที่เกินไป (overbought) หรือการขายที่เกินไป (oversold)
RSI ทำงานได้ดีในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงเทรนด์อย่างชัดเจน ซึ่งทำให้มันเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการซื้อขายฟอเร็กซ์ ที่มักจะมีการแกว่งขึ้นลงอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม การทำให้ RSI มีประสิทธิภาพอยู่ที่การใช้ในทางปฏิบัติซึ่งจะเป็นไปตามดังนี้:
การซื้อขายที่เกินไป: RSI มักจะใช้เป็นสัญญาณของการซื้อขายที่เกินไป และการขายที่เกินไป โดยทั่วไป ถ้า RSI มากกว่า 70 แสดงว่ามีการซื้อเกินไป ในขณะที่ RSI น้อยกว่า 30 หมายความว่ามีการขายเกินไป การรู้สึกของการซื้อขายที่เกินไปสามารถช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการเข้าซื้อในราคาที่สูงเกินความคุ้มค่า และการขายที่ราคาต่ำเกินไป
การใช้ร่วมกับตัวชี้วัดอื่น: RSI ทำงานได้ดีเมื่อใช้ร่วมกับตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น Moving Averages, Bollinger Bands, หรือ MACD การทำงานร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์เหล่านี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจที่ดี
การวิเคราะห์ดิเวอร์เจนซ์: RSI สามารถช่วยวิเคราะห์ดิเวอร์เจนซ์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อราคาขยับในทิศทางหนึ่ง แต่ RSI ขยับในทิศทางตรงกันข้าม ดิเวอร์เจนซ์เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงเทรนด์ที่จะเกิดขึ้น
ดังนั้น RSI มีความจำเป็นในการซื้อขายฟอเร็กซ์ แต่ไม่ควรใช้เป็นตัวชี้วัดเดียวในการตัดสินใจซื้อขาย ควรใช้ร่วมกับข้อมูลและการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงในการซื้อขายฟอเร็กซ์ด้วย
FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง