กราฟแท่งเทียน 80 รูปแบบ คืออะไร คำอธิบายอย่างละเอียด

IUX Markets Bonus

กราฟแท่งเทียน 80 รูปแบบ

กราฟแท่งเทียน คืออะไร

กราฟแท่งเทียน (Candlestick chart) เป็นวิธีหนึ่งในการแสดงข้อมูลการซื้อขายหุ้น หรือสินทรัพย์ทางการเงินอื่น ๆ ที่มีการเคลื่อนไหวในช่วงเวลาที่กำหนด กราฟแท่งเทียนใช้รูปแบบของแท่งเทียนที่มีลักษณะเป็นตารางเรียงกันในแนวตั้ง โดยแต่ละแท่งจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับราคาเปิดตลาด (Open), ราคาปิดตลาด (Close), ราคาสูงสุดในช่วงเวลา (High), และราคาต่ำสุดในช่วงเวลา (Low) ของหุ้นหรือสินทรัพย์ที่กำลังวิ่งราคาในช่วงนั้น ๆ

กราฟแท่งเทียนประกอบด้วยส่วนของตัวแท่ง (body) และส่วนของเส้นระดับราคาสูงสุดและต่ำสุด (wicks) โดยส่วนของตัวแท่งจะมีความหนาหรือบางขึ้นอยู่กับความแตกต่างระหว่างราคาเปิดตลาดและราคาปิดตลาด ถ้าราคาปิดตลาดสูงกว่าราคาเปิดตลาด จะมีส่วนตัวแท่งแสดงขึ้นด้านบน ในทางกลับกัน ถ้าราคาปิดตลาดต่ำกว่าราคาเปิดตลาด จะมีส่วนตัวแท่งแสดงลงด้านล่าง หากแท่งต้นมีสีเขียว แสดงถึงราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด ในขณะที่แท่งต้นสีแดงแสดงถึงราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด การวิเคราะห์รูปแบบและการเคลื่อนไหวของแท่งเทียนช่วยให้นักลงทุนสามารถตรวจสอบแนวโน้มราคา และดำเนินการตัดสินใจซื้อขายในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลักษณะของกราฟแท่งเทียน

แผนภูมิแท่งเทียน (Candlestick Chart) มีลักษณะแท่งเทียนที่แสดงข้อมูลราคาของคู่สกุลเงินในรูปแบบต่าง ๆ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์และสังเกตแนวโน้มของราคาในตลาด โดยการแสดงข้อมูลราคาของสินทรัพย์ในรูปแบบของแท่งเทียนที่สามารถแสดงความเปลี่ยนแปลงของราคาในระยะเวลาที่กำหนดได้อย่างชัดเจน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้

แท่งเทียนขาขึ้น (Bullish Candlestick)

แท่งเทียนขาขึ้นเป็นแท่งเทียนที่แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้นของราคาในตลาด ลักษณะของแท่งเทียนขาขึ้นมีลักษณะ ใส้เทียนล่าง (Lower Shadow) ที่สั้นกว่าหรือเท่ากับใส้เทียนบน (Upper Shadow) และราคาปิดที่สูงกว่าราคาเปิด สัญลักษณ์ของแท่งเทียนขาขึ้นเป็นบอกทางให้รู้ว่าผู้ควบคุมตลาดเป็นผู้ซื้อและควบคุมตลาดไปในทิศทางขาขึ้น

แท่งเทียนขาลง (Bearish Candlestick)

แท่งเทียนขาลงเป็นแท่งเทียนที่แสดงถึงแนวโน้มขาลงของราคาในตลาด ลักษณะของแท่งเทียนขาลงมีลักษณะใส้เทียนบน (Upper Shadow)ที่สั้นกว่าหรือเท่ากับใส้เทียนล่าง(Lower Shadow)   และราคาปิดที่ต่ำกว่าราคาเปิด สัญลักษณ์ของแท่งเทียนขาลงเป็นบอกทางให้รู้ว่าผู้ควบคุมตลาดเป็นผู้ขายและควบคุมตลาดไปในทิศทางขาลง

แท่งเทียนอุปสรรค (Doji Candlestick)

HFM Market Promotion

แท่งเทียนอุปสรรคเป็นแท่งเทียนที่แสดงถึงแนวโน้มของราคาในตลาดและอาจแสดงถึงการขาดความแน่ใจหรือความไม่ชัดเจนในการตัดสินใจของผู้ควบคุมตลาด ลักษณะของแท่งเทียนอุปสรรคคือราคาปิดและราคาเปิดอยู่ใกล้เคียงกันหรือเท่ากัน และมีก้านบน (ใส้เทียน) และก้านล่าง (ใส้เทียน) ที่เท่ากันหรือต่างกันเล็กน้อย

แผนภูมิแท่งเทียน

กราฟแท่งเทียน 80 รูปแบบ คืออะไร

รูปแบบของกราฟแท่งเทียนช่วยให้สามารถวิเคราะห์แนวโน้มราคา ระดับการค้าระหว่างซื้อและขาย และรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาได้ กราฟแท่งเทียนนั้นมีหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบเป็นตัวแสดงสัญญาณหรือแบบรูปที่เกิดขึ้นบนกราฟแท่งเทียน เพื่อชี้แจงแนวโน้มราคาหรือสัญญาณการซื้อขายที่เป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยกราฟแท่งเทียน 80 รูปแบบหมายถึงชุดของรูปแบบที่ใช้ในการวิเคราะห์และการแสดงแนวโน้มของตลาดด้วยกราฟแท่งเทียน รูปแบบเหล่านี้สามารถใช้ในการตรวจสอบแนวโน้มของตลาด การเปลี่ยนแปลงของตลาด และสัญญาณการซื้อหรือขายในตลาดทางการเงินแต่ละกราฟแท่งเทียนมีหลายประเภทที่แสดงถึงสถานะและแนวโน้มของตลาด โดยสามารถแยก 4 ประเภทของกราฟแท่งเทียนได้ดังนี้

  • Bullish Reversal (การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มเป็นเชิงบวก): 29 รูปแบบ
  • Bearish Reversal (การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มเป็นเชิงลบ): 30 รูปแบบ
  • Bullish Continuation (การต่อเนื่องของแนวโน้มเชิงบวก): 12 รูปแบบ
  • Bearish Continuation (การต่อเนื่องของแนวโน้มเชิงลบ): 9 รูปแบบ

Bullish Reversal (การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มเป็นเชิงบวก)

เป็นรูปแบบหนึ่งของกราฟแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงจากแนวโน้มตลาดที่ลดลงหรือเครื่องมือระบบในการซื้อขายเป็นแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น โดยรูปแบบ Bullish Reversal มักเกิดขึ้นหลังจากการแนวโน้มตลาดที่ตกต่ำแล้ว และใช้สัญญาณบอกเตือนว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอาจเกิดขึ้นในอนาคต รูปแบบเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณว่าตลาดอาจกำลังพลิกกลับและเริ่มเคลื่อนไหวในทิศทางของผู้ซื้อ และนี่คือรายชื่อและอธิบายลักษณะและแนวโน้มของรูปแบบ Bullish Reversal ทั้ง 29 รูปแบบ ดังนี้

  1. Hammers (Umberlla Lines): รูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเป็นแท่งเทียนคว่ำ (downward candle) และมีเงายาวที่ด้านล่าง (lower shadow) ซึ่งสร้างมาจากการแพ้และทำกลับตัวของราคาจากแนวต้าน (support) เพียงพอ
  2. Bullish Belt Hold: รูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเป็นแท่งเทียนขึ้น (upward candle) โดยราคาเปิด (open) อยู่ที่ต่ำสุดของวัน และราคาปิด (close) อยู่ที่สูงสุดของวัน แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงจากตลาดที่ตกต่ำไปเป็นตลาดที่เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น
  3. Bullish Engulfing: รูปแบบแท่งเทียนที่แท่งเทียนเปิดต่ำกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า (previous candle) และราคาปิดสูงกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวลดลง (downtrend) เป็นแนวขึ้น (uptrend)
  4. Bullish Piercing Pattern: รูปแบบแท่งเทียนที่แท่งเทียนเปิดต่ำกว่าและราคาปิดสูงกว่าระดับค่าเฉลี่ยของแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงจากตลาดที่ตกต่ำไปเป็นตลาดที่มีความเชื่อมั่นมากขึ้น
  5. Bullish Kicker Signal: รูปแบบแท่งเทียนที่แท่งเทียนเปิดที่ราคาที่สูงกว่าแท่งเทียนก่อนหน้าและราคาปิดที่สูงกว่าระดับค่าเฉลี่ยของแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกระตุ้นของตลาดในทิศทางของการขึ้นของราคา
  6. Bullish Doji Stars: รูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเป็นแท่งเทียนคว่ำ (downward candle) ที่ราคาเปิดและราคาปิดอยู่ใกล้เคียงกัน โดยมีเงายาวที่ด้านล่าง ซึ่งแสดงถึงความไม่แน่นอนในตลาด แต่เมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนขึ้น (upward candle) และมีราคาเปิดที่สูงกว่าราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในทิศทางของตลาด
  7. Inverted Hammer: รูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเป็นแท่งเทียนขึ้น (upward candle) และมีเงายาวที่ด้านบน ซึ่งแสดงถึงการแพ้และทำกลับตัวของราคาจากแนวความเชื่อมั่น (resistance) เพียงพอ
  8. Harami (cross)—Bullish: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีขนาดเล็กกว่าและอยู่ภายในเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวลดลงเป็นแนวขึ้น
  9. Bullish Meeting Lines (Counterattack): รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีราคาเปิดและราคาปิดใกล้เคียงกัน แสดงถึงการมีผู้ค้าจำนวนมากที่ยังคงในตลาดแม้ว่าราคาอาจเคลื่อนที่แนวตั้งอยู่
  10. Homing Pigeon: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีราคาเปิดที่ต่ำกว่าและราคาปิดใกล้เคียงกัน แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวลดลงเป็นแนวขึ้น
  11. Matching Low: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีราคาเปิดและราคาปิดต่ำเท่ากัน แสดงถึงความแข็งแรงของตลาดที่ต่ำแต่ไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน
  12. Tweezer Bottom: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีเงายาวที่ด้านล่าง และแท่งเทียนต่อมาอยู่ในรูปแบบแท่งเทียนขึ้น แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวลดลงเป็นแนวขึ้น
  13. Bullish Tri Star: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาอยู่ในรูปแบบแท่งเทียนขึ้น และราคาเปิดและราคาปิดของแท่งเทียนทั้งสองด้านอยู่ใกล้เคียงกัน แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวลดลงเป็นแนวขึ้น
  14. Three Outside Up: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาอยู่ในรูปแบบแท่งเทียนขึ้น และมีราคาเปิดที่ต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในทิศทางของตลาด
  15. Morning Star: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาอยู่ในรูปแบบแท่งเทียนขึ้น และมีแท่งเทียนกลางที่มีราคาปิดต่ำกว่าและอยู่ภายในของเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวลดลงเป็นแนวขึ้น
  16. Abandoned Baby Bottom: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีเงายาวที่ด้านล่าง และแท่งเทียนกลางที่มีราคาปิดต่ำกว่าและอยู่ภายในของเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวลดลงเป็นแนวขึ้น
  17. Unique Three River Bottom: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาอยู่ในรูปแบบแท่งเทียนขึ้น และมีแท่งเทียนกลางที่มีราคาปิดต่ำกว่าและอยู่ภายในของเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวลดลงเป็นแนวขึ้น
  18. Three Inside Up: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีแท่งเทียนกลางที่มีราคาปิดต่ำกว่าและอยู่ภายในของเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวลดลงเป็นแนวขึ้น
  19. Three Stars In The South: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีแท่งเทียนกลางที่มีราคาปิดต่ำกว่าและอยู่ภายในของเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวลดลงเป็นแนวขึ้น
  20. Three White Soldiers: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีแท่งเทียนกลางที่มีราคาปิดสูงกว่าและอยู่ภายในของเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในทิศทางของตลาด
  21. Stick Sandwich: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีแท่งเทียนกลางที่มีราคาปิดต่ำกว่าและอยู่ภายในของเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวลดลงเป็นแนวขึ้น
  22. Bullish Squeeze Alert: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีราคาเปิดและราคาปิดอยู่ใกล้กันและมีเงายาวที่ด้านบน แสดงถึงความไม่แน่นอนในตลาด แต่เมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนขึ้น แสดงถึงการกระตุ้นของตลาดในทิศทางของการขึ้นของราคา
  23. Bullish Breakaway: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนขึ้น และราคาเปิดและราคาปิดของแท่งเทียนต่อมาอยู่ในช่วงของแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในทิศทางของตลาด
  24. Concealing Baby Swallow: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนขึ้น และราคาเปิดและราคาปิดของแท่งเทียนต่อมาอยู่ในช่วงของแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในทิศทางของตลาด
  25. Bullish Ladder Bottom: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนขึ้น และมีเงายาวที่ด้านล่าง แสดงถึงการแพ้และทำกลับตัวของราคาจากแนวต้านเพียงพอ
  26. Fry Pan: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนขึ้น และมีเงายาวที่ด้านล่าง แสดงถึงการแพ้และทำกลับตัวของราคาจากแนวต้านเพียงพอ
  27. Tower Bottom: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนขึ้น และมีเงายาวที่ด้านล่าง แสดงถึงการแพ้และทำกลับตัวของราคาจากแนวต้านเพียงพอ
  28. Three River Bottom: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนขึ้น และมีเงายาวที่ด้านล่าง แสดงถึงการแพ้และทำกลับตัวของราคาจากแนวต้านเพียงพอ
  29. Inverted Three Buddha: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนขึ้น และมีเงายาวที่ด้านล่าง แสดงถึงการแพ้และทำกลับตัวของราคาจากแนวต้านเพียงพอ

รูปแบบแท่งเทียน BullishReversal

ที่มา https://gornnutagorn.com/

Bearish Reversal (การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มเป็นเชิงลบ)

Bearish Reversal หมายถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของตลาดจากการขึ้นเป็นการตกลง ในกรณีนี้ แนวโน้มที่เป็นเชิงบวกหรือการเพิ่มขึ้นของราคาหันเป็นการลดลงหรือการตกลงของราคาในระยะยาว คำว่า “reversal” หมายถึงการเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคที่ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มทั้งในกราฟแท่งเทียนและตลาดโดยรวมซึ่ง Bearish Reversal สามารถตรงกับหลายรูปแบบของกราฟแท่งเทียนที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มเป็นเชิงลบ และนี่คือรายชื่อและอธิบายลักษณะและแนวโน้มของรูปแบบ Bearish Reversal ทั้ง 30 รูปแบบ ดังนี้

  1. Hanging Man (Umberlla Lines): รูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเป็นแท่งเทียนขึ้น (upward candle) และมีเงายาวที่ด้านล่าง ซึ่งอาจแสดงถึงการแพ้และทำกลับตัวของราคาจากแนวความเชื่อมั่น (resistance) เพียงพอ
  2. Bearish Belt Hold: รูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเป็นแท่งเทียนลง (downward candle) โดยราคาเปิด (open) อยู่ที่สูงสุดของวัน และราคาปิด (close) อยู่ที่ต่ำสุดของวัน แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงจากตลาดที่เคลื่อนไหวขึ้นไปเป็นตลาดที่เกิดความเชื่อมั่นลดลง
  3. Bearish Engulfing: รูปแบบแท่งเทียนที่แท่งเทียนเปิดสูงกว่าและราคาปิดต่ำกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวขึ้น (uptrend) เป็นแนวลดลง (downtrend)
  4. Dark Cloud Cover (Bearish Piercing Pattern): รูปแบบแท่งเทียนที่แท่งเทียนเปิดสูงกว่าและราคาปิดต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ยของแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงจากตลาดที่เคลื่อนไหวขึ้นไปเป็นตลาดที่เกิดความเชื่อมั่นลดลง
  5. Bearish Kicker Signal: รูปแบบแท่งเทียนที่แท่งเทียนเปิดที่ราคาที่ต่ำกว่าแท่งเทียนก่อนหน้าและราคาปิดที่ต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ยของแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกระตุ้นของตลาดในทิศทางของการลดลงของราคา
  6. Bearish Doji Stars: รูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเป็นแท่งเทียนขึ้น (upward candle) ที่ราคาเปิดและราคาปิดอยู่ใกล้เคียงกัน โดยมีเงายาวที่ด้านบน ซึ่งแสดงถึงความไม่แน่นอนในตลาด แต่เมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนลง (downward candle) และมีราคาเปิดที่ต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในทิศทางของตลาด
  7. Shooting Star: รูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเป็นแท่งเทียนขึ้น (upward candle) และมีเงายาวที่ด้านบน ซึ่งแสดงถึงการแพ้และทำกลับตัวของราคาจากแนวความเชื่อมั่น (resistance) เพียงพอ
  8. Harami (cross)—Bearish: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีขนาดเล็กกว่าและอยู่ภายในเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวลดลงเป็นแนวขึ้น
  9. Bearish Meeting Lines (Counterattack): รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีราคาเปิดและราคาปิดใกล้เคียงกัน แสดงถึงการมีผู้ค้าจำนวนมากที่ยังคงในตลาดแม้ว่าราคาอาจเคลื่อนที่แนวตั้งอยู่
  10. Descending Hawk: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีราคาเปิดและราคาปิดต่ำกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวขึ้น (uptrend) เป็นแนวลดลง (downtrend)
  11. Tweezer Top: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีเงายาวที่ด้านบน และแท่งเทียนต่อมาอยู่ในรูปแบบแท่งเทียนลง แสดงถึงการแพ้และทำกลับตัวของราคาจากแนวความเชื่อมั่น (resistance) เพียงพอ
  12. Bearish Tri Star: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาอยู่ในรูปแบบแท่งเทียนลง และมีราคาเปิดและราคาปิดของแท่งเทียนทั้งสองด้านอยู่ใกล้เคียงกัน แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวขึ้น (uptrend) เป็นแนวลดลง (downtrend)
  13. Three Outside Down: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีแท่งเทียนกลางที่มีราคาปิดสูงกว่าและอยู่ภายในของเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวขึ้น (uptrend) เป็นแนวลดลง (downtrend)
  14. Evening Star: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาอยู่ในรูปแบบแท่งเทียนลง และมีแท่งเทียนกลางที่มีราคาปิดสูงกว่าและอยู่ภายในของเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวขึ้น (uptrend) เป็นแนวลดลง (downtrend)
  15. Abandoned Baby Top: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาอยู่ในรูปแบบแท่งเทียนลง และมีเงายาวที่ด้านบน แสดงถึงการแพ้และทำกลับตัวของราคาจากแนวความเชื่อมั่น (resistance) เพียงพอ
  16. Three Black Crows: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีแท่งเทียนกลางที่มีราคาปิดต่ำกว่าและอยู่ภายในของเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวขึ้น (uptrend) เป็นแนวลดลง (downtrend)
  17. Three Identical Crows: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีแท่งเทียนกลางที่มีราคาปิดต่ำกว่าและอยู่ภายในของเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวขึ้น (uptrend) เป็นแนวลดลง (downtrend)
  18. Two Crows: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีแท่งเทียนกลางที่มีราคาปิดต่ำกว่าและอยู่ภายในของเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวขึ้น (uptrend) เป็นแนวลดลง (downtrend)
  19. Upside Gap Two Crows: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีแท่งเทียนกลางที่มีราคาปิดต่ำกว่าและอยู่ภายในของเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวขึ้น (uptrend) เป็นแนวลดลง (downtrend)
  20. Bearish Unique Three Mountain Top: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีแท่งเทียนกลางที่มีราคาปิดสูงกว่าและอยู่ภายในของเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวขึ้น (uptrend) เป็นแนวลดลง (downtrend)
  21. Three Inside Down: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีแท่งเทียนกลางที่มีราคาปิดต่ำกว่าและอยู่ภายในของเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวขึ้น (uptrend) เป็นแนวลดลง (downtrend)
  22. Advance Block: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีแท่งเทียนกลางที่มีราคาปิดสูงกว่าและอยู่ภายในของเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกลับตัวของตลาดจากแนวขึ้น (uptrend) เป็นแนวลดลง (downtrend)
  23. Deliberation (Stalled Pattern): รูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเป็นแท่งเทียนขึ้น (upward candle) ที่ราคาเปิดและราคาปิดอยู่ใกล้เคียงกัน ซึ่งแสดงถึงความไม่แน่นอนในตลาด แต่เมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนลง (downward candle) และมีราคาปิดที่ต่ำกว่าราคาเปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในทิศทางของตลาด
  24. Bearish Squeeze Alert: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีราคาเปิดและราคาปิดอยู่ใกล้กันและมีเงายาวที่ด้านบน แสดงถึงความไม่แน่นอนในตลาด แต่เมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนลง (downward candle) แสดงถึงการกระตุ้นของตลาดในทิศทางของการลดลงของราคา
  25. Bearish Breakaway: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนลง และมีราคาเปิดและราคาปิดของแท่งเทียนต่อมาอยู่ในช่วงของแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในทิศทางของตลาด
  26. Bearish Ladder Top: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนลง และมีเงายาวที่ด้านบน แสดงถึงการแพ้และทำกลับตัวของราคาจากแนวความเชื่อมั่น (resistance) เพียงพอ
  27. Dumpling Top: รูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเป็นแท่งเทียนขึ้น (upward candle) ที่ราคาเปิดและราคาปิดอยู่ใกล้เคียงกัน ซึ่งแสดงถึงความไม่แน่นอนในตลาด แต่เมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนลง (downward candle) และมีราคาปิดที่ต่ำกว่าราคาเปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในทิศทางของตลาด
  28. Tower Top: รูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเป็นแท่งเทียนขึ้น (upward candle) และมีเงายาวที่ด้านบน ซึ่งแสดงถึงการแพ้และทำกลับตัวของราคาจากแนวความเชื่อมั่น (resistance) เพียงพอ
  29. Three Mountain Top: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาอยู่ในรูปแบบแท่งเทียนขึ้น และมีราคาปิดที่สูงกว่าและอยู่ภายในของเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการแพ้และทำกลับตัวของราคาจากแนวความเชื่อมั่น (resistance) เพียงพอ
  30. Three Buddha Top: รูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะเป็นแท่งเทียนขึ้น (upward candle) ที่มีราคาเปิดและราคาปิดใกล้เคียงกัน แสดงถึงความไม่แน่นอนในตลาด แต่เมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนลง (downward candle) แสดงถึงการแพ้และทำกลับตัวของราคาจากแนวความเชื่อมั่น (resistance) เพียงพอ

รูปแบบแท่งเทียน Bearish Reversal

ที่มา https://gornnutagorn.com/

Bullish Continuation (การต่อเนื่องของแนวโน้มเชิงบวก)

Bullish Continuation (การต่อเนื่องของแนวโน้มเชิงบวก) หมายถึง รูปแบบของกราฟแท่งเทียนที่แสดงถึงการยืนยันแนวโน้มราคาที่กำลังเพิ่มขึ้นหรือเชิงบวกในขณะนั้น และทำนายถึงความเป็นไปได้ว่าแนวโน้มดังกล่าวจะมีการต่อเนื่องต่อไป. ในความหมายนี้, “bullish” หมายถึงแนวโน้มขึ้นหรือเชิงบวก, และ “continuation” หมายถึงแนวโน้มดังกล่าวจะดำเนินต่อไปการทราบรูปแบบของกราฟแท่งเทียนแบบ Bullish Continuation สามารถช่วยให้นักลงทุนทำความเข้าใจถึงกระแสของตลาดและแนวโน้มของราคาในอนาคตและนี่คือรายชื่อและอธิบายลักษณะและแนวโน้มของรูปแบบ Bullish Continuation ทั้ง 12 รูปแบบ ดังนี้

  1. Bullish On Neck Line: รูปแบบกราฟที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีแท่งเทียนกลางที่มีราคาปิดต่ำกว่าและอยู่ใกล้เคียงกับแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการรักษาแนวความเชื่อมั่น (support) และราคาเกิดการเพิ่มขึ้น
  2. Bullish In Neck Line: รูปแบบกราฟที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีแท่งเทียนกลางที่มีราคาปิดต่ำกว่าและอยู่ใกล้เคียงกับแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการรักษาแนวความเชื่อมั่น (support) และราคาเกิดการเพิ่มขึ้น
  3. Bullish Thrusting: รูปแบบกราฟที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีแท่งเทียนกลางที่มีราคาปิดต่ำกว่าและอยู่ใกล้เคียงกับแท่งเทียนก่อนหน้า แต่มีเงายาวที่ด้านล่างที่เคลื่อนที่ในทิศทางของตลาด แสดงถึงการแพ้และทำกลับตัวของราคาจากแนวความเชื่อมั่น (support) แต่ยังมีแนวโน้มขึ้น
  4. Bullish Separating Lines: รูปแบบกราฟที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนขึ้น (upward candle) และมีราคาเปิดและราคาปิดที่ไม่ใกล้เคียงกัน แสดงถึงการเกิดการเพิ่มขึ้นของราคาโดยทันที
  5. Upside Tasuki Gap (Upward Gapping Tasuki): รูปแบบกราฟที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนขึ้น (upward candle) และมีราคาเปิดต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า แต่มีราคาปิดที่ไม่ใกล้เคียงกับราคาเปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า
  6. Bullish Side-By-Side White Lines: รูปแบบกราฟที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนขึ้น (upward candle) และมีราคาเปิดและราคาปิดที่ใกล้เคียงกัน แสดงถึงการรักษาแนวความเชื่อมั่น (support) และราคาเกิดการเพิ่มขึ้น
  7. Bullish Side-By-Side Black Lines: รูปแบบกราฟที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนขึ้น (upward candle) และมีราคาเปิดและราคาปิดที่ใกล้เคียงกัน แสดงถึงการรักษาแนวความเชื่อมั่น (support) และราคาเกิดการเพิ่มขึ้น
  8. Upside Gap Three Method: รูปแบบกราฟที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนขึ้น (upward candle) และมีช่องว่างระหว่างแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการเกิดการเพิ่มขึ้นของราคาที่เกิดตามหลังช่องว่าง
  9. High-Price Gapping Play: รูปแบบกราฟที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีราคาเปิดสูงกว่าและราคาปิดต่ำกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการเกิดการเพิ่มขึ้นของราคาที่มีการกระตุ้นจากราคาสูง
  10. Rising Three Method: รูปแบบกราฟที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีแท่งเทียนกลางที่มีราคาปิดต่ำกว่าและอยู่ใกล้เคียงกับแท่งเทียนก่อนหน้า และมีแท่งเทียนขึ้นที่มีราคาเปิดสูงกว่าและราคาปิดสูงกว่าแท่งเทียนกลาง
  11. Mat Hold: รูปแบบกราฟที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนขึ้น (upward candle) และมีราคาเปิดที่สูงกว่าและราคาปิดที่ใกล้เคียงกับแท่งเทียนก่อนหน้า และแท่งเทียนต่อมามีราคาเปิดที่ต่ำกว่าและราคาปิดที่ใกล้เคียงกับแท่งเทียนกลาง
  12. Three-Line Strike: รูปแบบกราฟที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนลง (downward candle) และแท่งเทียนต่อมามีแท่งเทียนขึ้นที่มีราคาปิดต่ำกว่าและอยู่ใกล้เคียงกับแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการเพิ่มขึ้นของราคาที่มีการกระตุ้นจากราคาต่ำ

Bearish Continuation (การต่อเนื่องของแนวโน้มเชิงลบ)

Bearish Continuation (การต่อเนื่องของแนวโน้มเชิงลบ) หมายถึง รูปแบบของกราฟแท่งเทียนที่แสดงถึงการยืนยันแนวโน้มราคาที่กำลังลดลงหรือเชิงลบในขณะนั้น และทำนายถึงความเป็นไปได้ว่าแนวโน้มดังกล่าวจะมีการต่อเนื่องต่อไป. ในความหมายนี้, “bearish” หมายถึงแนวโน้มลงหรือเชิงลบ, และ “continuation” หมายถึงแนวโน้มดังกล่าวจะดำเนินต่อไป ในช่วงเวลาที่เกิดแนวโน้มเชิงลบต่อเนื่องกัน อาจมีการลงทุนหรือการซื้อขายในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับแนวโน้มขาดลง โดยผู้ซื้อมีความคาดหวังว่าราคาจะเริ่มขึ้นตามทิศทางใหม่ ซึ่งอาจเป็นการดำเนินการทางเทคนิคหรือการซื้อเพื่อหวังผลกำไรในอนาคต และนี่คือรายชื่อและอธิบายลักษณะและแนวโน้มของรูปแบบ Bearish Continuation ทั้ง 9 รูปแบบ ดังนี้

  1. Bearish On Neck Line: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีราคาปิดอยู่บนเส้นความต่ำสุด (neckline) ของรูปแบบราคาตรงกับแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงความแข็งแรงของแนวความต้านทานที่สูงขึ้น
  2. Bearish In Neck Line: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีราคาปิดอยู่ในช่วงราคาของแท่งเทียนก่อนหน้าและอยู่ใกล้กับเส้นความต่ำสุด (neckline) แสดงถึงความแข็งแรงของแนวความต้านทานที่สูงขึ้น
  3. Bearish Thrusting: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนขึ้น (upward candle) และมีเงายาวที่ด้านล่าง แต่ราคาปิดอยู่ใกล้เคียงกับราคาเปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการพยากรณ์การเดินราคาที่ไม่สมบูรณ์
  4. Bearish Separating Lines: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนลง (downward candle) และมีเงายาวที่ด้านบน แสดงถึงการพยากรณ์การเดินราคาที่แข็งแรงและเคลื่อนที่ลดลงต่อเนื่อง
  5. Downside Tasuki Gap: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนขึ้น (upward candle) แต่มีราคาเปิดของแท่งเทียนต่อมาต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการกระแทกของตลาดก่อนที่จะเคลื่อนต่อไปในทิศทางตรงข้าม
  6. Bearish Side-By-Side Black Lines: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีราคาปิดและราคาเปิดใกล้เคียงกัน โดยทั้งแท่งเทียนเป็นแท่งเทียนลง (downward candles) แสดงถึงการเคลื่อนไหวข้างเคียงที่น้อยลงในตลาด
  7. Bearish Side-By-Side White Lines: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีราคาปิดและราคาเปิดใกล้เคียงกัน โดยทั้งแท่งเทียนเป็นแท่งเทียนขึ้น (upward candles) แสดงถึงการเคลื่อนไหวข้างเคียงที่น้อยลงในตลาด
  8. Low-Price Gapping Play: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมามีราคาเปิดต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการก้าวกระโดดในการเคลื่อนไหวของราคาที่ต่ำกว่าเทียนก่อนหน้า
  9. Falling Three Method: รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนขึ้น (upward candle) และมีแท่งเทียนต่อมาเป็นแท่งเทียนลง (downward candle) ที่อยู่ภายในช่วงราคาของแท่งเทียนก่อนหน้า แสดงถึงการพักตัวและรักษาแนวโน้มตลาดลดลง

รูปแบบแท่งเทียน Bullish Continuation และ Bearish Continuation

รูปแบบแท่งเทียน Bullish Continuation และ Bearish Continuation

ที่มา https://gornnutagorn.com/

FOREXDUCK Logo

FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง

HFM Promotion