อารมณ์และการควบคุมตนเองในการเทรด
การเทรดในตลาดการเงินไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงแค่การวิเคราะห์ข้อมูลและการใช้กลยุทธ์เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับจิตวิทยาและการจัดการอารมณ์อย่างมาก นักเทรดที่ประสบความสำเร็จต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์และรักษาสติในสถานการณ์ต่างๆ บทความนี้จะอธิบายถึงผลกระทบของอารมณ์ต่อการตัดสินใจในการเทรด และนำเสนอเทคนิคการควบคุมอารมณ์ที่มือใหม่สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างละเอียด
ผลกระทบของอารมณ์ต่อการตัดสินใจ
อารมณ์มีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจในการเทรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักเทรดมือใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยกับความผันผวนของตลาด ต่อไปนี้คืออารมณ์หลักๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจ:
1. ความกลัวและความโลภ
ความกลัวและความโลภเป็นอารมณ์พื้นฐานที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการเทรด:
ความกลัว:
- ผลกระทบ: อาจทำให้นักเทรดปิดกำไรเร็วเกินไป หรือไม่กล้าเปิดสถานะเมื่อมีโอกาสที่ดี เพราะกลัวการขาดทุน
- สาเหตุ: มักเกิดจากประสบการณ์การขาดทุนในอดีต หรือความไม่มั่นใจในความสามารถของตนเอง
- ผลลัพธ์: การพลาดโอกาสในการทำกำไร หรือการทำกำไรได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น
ความโลภ:
- ผลกระทบ: อาจทำให้นักเทรดถือสถานะนานเกินไปเพื่อหวังกำไรมากขึ้น หรือเปิดสถานะใหญ่เกินไปโดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยง
- สาเหตุ: มักเกิดจากความต้องการที่จะทำกำไรให้ได้มากที่สุดในเวลาอันสั้น หรือความรู้สึกว่าตนเองกำลัง “เล่นถูก”
- ผลลัพธ์: การขาดทุนอย่างรุนแรงเมื่อตลาดกลับทิศทาง หรือการสูญเสียกำไรที่มีอยู่
ตัวอย่างที่ 1: นักเทรดที่กลัวการขาดทุนอาจปิดกำไรที่ 10 pips ทั้งที่เป้าหมายคือ 50 pips เพราะกลัวว่าราคาจะกลับทิศทาง ทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไรที่มากกว่า
ตัวอย่างที่ 2: นักเทรดที่โลภอาจไม่ทำกำไรที่ 50 pips ตามแผน แต่หวังว่าราคาจะขึ้นไปอีก จนสุดท้ายราคากลับทิศทางและกำไรกลายเป็นขาดทุน
การจัดการ:
- ตั้งเป้าหมายกำไรและจุดตัดขาดทุนที่ชัดเจนก่อนเข้าเทรด และยึดมั่นในแผน
- ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ แทนที่จะใช้อารมณ์
- ฝึกการยอมรับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของตลาด
2. ความหงุดหงิดและความโกรธ
เมื่อเผชิญกับการขาดทุนหรือพลาดโอกาสในการทำกำไร นักเทรดอาจรู้สึกหงุดหงิดหรือโกรธ ซึ่งอาจนำไปสู่:
- การเทรดแบบแก้แค้น (Revenge Trading): การพยายามเอาคืนตลาดด้วยการเปิดสถานะที่มีความเสี่ยงสูงโดยไม่มีการวิเคราะห์ที่เหมาะสม
- การเพิ่มขนาดการเทรดโดยไม่มีเหตุผล: การเพิ่มขนาดการเทรดเพื่อ “ทวงคืน” การขาดทุนอย่างรวดเร็ว
- การละเลยแผนการเทรดและกฎการบริหารความเสี่ยง: การตัดสินใจด้วยอารมณ์แทนที่จะยึดตามแผนที่วางไว้
ตัวอย่างที่ 1: นักเทรดที่เพิ่งขาดทุนจากการเทรด EUR/USD อาจรู้สึกโกรธและเปิดสถานะใหญ่กว่าปกติในคู่เงิน GBP/USD โดยไม่ได้วิเคราะห์อย่างรอบคอบ เพียงเพื่อ “เอาคืน” จากการขาดทุนครั้งก่อน
ตัวอย่างที่ 2: หลังจากพลาดโอกาสในการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน นักเทรดอาจรู้สึกหงุดหงิดและเปิดสถานะในทองคำทันทีโดยไม่ได้วิเคราะห์ตลาดอย่างเพียงพอ
การจัดการ:
- ตั้งกฎให้ตัวเองว่าจะไม่เทรดเมื่อรู้สึกโกรธหรือหงุดหงิด
- ใช้เทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึกๆ หรือการเดินออกจากหน้าจอเพื่อ “เย็นลง”
- ทบทวนและวิเคราะห์การขาดทุนอย่างมีเหตุผล เพื่อหาบทเรียนและโอกาสในการปรับปรุง
3. ความวิตกกังวลและความไม่มั่นใจ
ความวิตกกังวลและความไม่มั่นใจสามารถทำให้นักเทรด:
- ลังเลในการเปิดหรือปิดสถานะ: แม้ว่าจะมีสัญญาณที่ชัดเจน นักเทรดอาจไม่กล้าตัดสินใจเพราะกลัวว่าจะผิดพลาด
- เปลี่ยนแปลงแผนการเทรดบ่อยเกินไป: การไม่มั่นใจในกลยุทธ์ของตนเองอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงแผนบ่อยๆ ซึ่งทำให้ขาดความสม่ำเสมอ
- ไม่สามารถทำตามระบบการเทรดของตนเองได้อย่างสม่ำเสมอ: ความกังวลอาจทำให้นักเทรดละเลยสัญญาณการเข้าเทรดที่ดี หรือปิดสถานะเร็วเกินไปเพราะกลัวการขาดทุน
ตัวอย่างที่ 1: นักเทรดที่วิตกกังวลอาจเห็นสัญญาณการเข้าซื้อที่ดีในกราฟ 4 ชั่วโมงของ USD/JPY แต่ลังเลจนกระทั่งราคาเคลื่อนที่ไปไกลเกินกว่าจุดเข้าซื้อที่เหมาะสม ทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไร
ตัวอย่างที่ 2: นักเทรดที่ไม่มั่นใจอาจเปลี่ยนกลยุทธ์การเทรดทุกสัปดาห์ เพราะรู้สึกว่ากลยุทธ์ปัจจุบันไม่ดีพอ ทำให้ไม่มีโอกาสได้ทดสอบและปรับปรุงกลยุทธ์ใดๆ อย่างจริงจัง
การจัดการ:
- พัฒนาความรู้และทักษะในการวิเคราะห์ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจ
- ทดสอบกลยุทธ์การเทรดในบัญชีทดลองก่อนใช้จริง เพื่อสร้างความมั่นใจในระบบ
- ตั้งเป้าหมายการเทรดที่เป็นไปได้และวัดผลในระยะยาว แทนที่จะกังวลกับผลการเทรดแต่ละครั้ง
4. ความยินดีและความผิดหวัง
อารมณ์เหล่านี้มักเกิดขึ้นหลังจากการเทรดที่ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว:
ความยินดี:
- ผลกระทบ: หลังจากทำกำไรได้มาก อาจนำไปสู่ความประมาทและการเสี่ยงมากเกินไปในการเทรดครั้งต่อไป
- สาเหตุ: ความรู้สึกว่าตนเองมีความสามารถพิเศษในการคาดการณ์ตลาด หรือความเชื่อว่า “โชคกำลังเข้าข้าง”
- ผลลัพธ์: การตัดสินใจเทรดที่มีความเสี่ยงสูงเกินไป หรือการละเลยการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ
ความผิดหวัง:
- ผลกระทบ: หลังจากขาดทุน อาจทำให้ขาดความมั่นใจและไม่กล้าเปิดสถานะในโอกาสที่ดี
- สาเหตุ: ความรู้สึกว่าตนเองไม่มีความสามารถเพียงพอ หรือความเชื่อว่าตลาดเป็นปฏิปักษ์กับตน
- ผลลัพธ์: การพลาดโอกาสในการทำกำไร หรือการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์โดยไม่จำเป็น
ตัวอย่างที่ 1: นักเทรดที่เพิ่งทำกำไรได้มากจาก Bitcoin อาจรู้สึกมั่นใจมากเกินไปและลงทุนเงินจำนวนมากใน altcoin ที่มีความเสี่ยงสูงโดยไม่ได้วิเคราะห์อย่างรอบคอบ นำไปสู่การขาดทุนอย่างหนัก
ตัวอย่างที่ 2: หลังจากขาดทุนจากการเทรด EUR/USD นักเทรดอาจรู้สึกผิดหวังและไม่กล้าเปิดสถานะในคู่เงินนี้อีก แม้ว่าจะมีโอกาสที่ดีในการทำกำไร ทำให้พลาดโอกาสในการฟื้นฟูพอร์ต
การจัดการ:
- มองการเทรดเป็นกระบวนการระยะยาว ไม่ให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ของการเทรดแต่ละครั้งมากเกินไป
- รักษาความสม่ำเสมอในการปฏิบัติตามแผนการเทรด ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว
- ใช้การจดบันทึกการเทรดเพื่อวิเคราะห์ผลการเทรดอย่างเป็นกลาง แทนที่จะใช้อารมณ์ตัดสิน
เทคนิคการควบคุมอารมณ์ในขณะเทรด
การควบคุมอารมณ์เป็นทักษะสำคัญที่นักเทรดต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ต่อไปนี้คือเทคนิคที่จะช่วยให้คุณจัดการกับอารมณ์ได้ดีขึ้นในขณะเทรด:
1. สร้างและปฏิบัติตามแผนการเทรด
การมีแผนการเทรดที่ชัดเจนและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดจะช่วยลดการตัดสินใจที่ขึ้นอยู่กับอารมณ์:
- กำหนดกลยุทธ์การเข้าและออกจากตลาดที่ชัดเจน: ระบุเงื่อนไขที่จะทำให้คุณเปิดและปิดสถานะอย่างละเอียด
- ตั้งเป้าหมายกำไรและจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ล่วงหน้า: กำหนดระดับ Take Profit และ Stop Loss ก่อนเปิดสถานะเสมอ
- ระบุขนาดการเทรดและการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม: กำหนดเปอร์เซ็นต์ของเงินทุนที่จะเสี่ยงในแต่ละการเทรด
ตัวอย่างแผนการเทรดที่ละเอียด:
- เทรดเฉพาะคู่เงินหลัก (EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY) ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง
- ใช้การตัดกันของ Moving Average 50 และ 200 เป็นสัญญาณเข้าเทรด
- ยืนยันสัญญาณด้วย RSI (ต้องอยู่เหนือ 50 สำหรับสถานะ Long และต่ำกว่า 50 สำหรับสถานะ Short)
- ตั้ง Stop Loss ที่ 1.5 เท่าของ Average True Range (ATR)
- ตั้ง Take Profit ที่ 2 เท่าของระยะทางจากจุดเข้าถึง Stop Loss
- เสี่ยงไม่เกิน 1% ของเงินทุนต่อการเทรดหนึ่งครั้ง
- ไม่เทรดในวันประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญ
การปฏิบัติ:
- เขียนแผนการเทรดลงบนกระดาษและติดไว้ใกล้ๆ หน้าจอคอมพิวเตอร์
- ทบทวนแผนก่อนเริ่มเทรดทุกครั้ง
- ประเมินการเทรดของคุณเทียบกับแผนเป็นประจำ เพื่อดูว่าคุณปฏิบัติตามแผนได้ดีเพียงใด
2. ฝึกสติและการหายใจ
การฝึกสติและเทคนิคการหายใจจะช่วยให้คุณรักษาความสงบและมีสมาธิในขณะเทรด:
- การหายใจลึกๆ ช้าๆ: ฝึกการหายใจเข้าลึกๆ นับ 1-4 และหายใจออกช้าๆ นับ 1-4 ทำซ้ำ 5-10 ครั้งเมื่อรู้สึกเครียดหรือกดดัน
- การทำสมาธิสั้นๆ: ใช้เวลา 5-10 นาทีก่อนเริ่มเทรดในการนั่งสมาธิ โฟกัสที่ลมหายใจและปล่อยวางความคิดที่เข้ามา
- การตระหนักรู้ถึงอารมณ์: ฝึกสังเกตอารมณ์ของตนเองโดยไม่ตัดสิน เพียงแค่รับรู้ว่ากำลังรู้สึกอย่างไร
เทคนิคการฝึกสติในขณะเทรด:
- ตั้งนาฬิกาเตือนทุก 30 นาที
- เมื่อได้ยินเสียงเตือน หยุดและหายใจลึกๆ 3 ครั้ง
- สำรวจความรู้สึกและอารมณ์ของตนเองในขณะนั้น
- ถามตัวเองว่ากำลังปฏิบัติตามแผนการเทรดหรือไม่
- ปรับสภาวะจิตใจให้กลับสู่ความสงบก่อนดำเนินการต่อ
3. จดบันทึกการเทรดและวิเคราะห์อารมณ์
การจดบันทึกการเทรดและอารมณ์ที่เกิดขึ้นจะช่วยให้คุณเข้าใจรูปแบบทางอารมณ์ของตนเองได้ดีขึ้น:
- บันทึกอารมณ์ก่อน ระหว่าง และหลังการเทรดแต่ละครั้ง: ใช้สเกล 1-10 เพื่อประเมินระดับอารมณ์ต่างๆ เช่น ความกลัว ความโลภ ความมั่นใจ
- วิเคราะห์ว่าอารมณ์ใดส่งผลต่อการตัดสินใจของคุณ: สังเกตว่าอารมณ์ไหนทำให้คุณละเมิดแผนการเทรดบ่อยที่สุด
- ระบุจุดแข็งและจุดอ่อนทางอารมณ์ของคุณเพื่อปรับปรุง: เช่น หากพบว่าคุณมักจะปิดกำไรเร็วเกินไปเมื่อรู้สึกกลัว ให้ฝึกการอดทนและยึดมั่นในแผน
4. พักและผ่อนคลาย
การพักและผ่อนคลายเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสมดุลทางอารมณ์:
- กำหนดเวลาพักระหว่างการเทรดอย่างสม่ำเสมอ: เช่น พัก 10 นาทีทุก 2 ชั่วโมง หรือเดินออกจากหน้าจอหลังจากปิดการเทรดแต่ละครั้ง
- หากรู้สึกเหนื่อยล้าหรืออารมณ์แปรปรวน ให้หยุดเทรดและพักผ่อน: ตั้งกฎให้ตัวเองว่าจะหยุดเทรดหากขาดทุนติดต่อกัน 3 ครั้ง หรือหากรู้สึกโกรธ/หงุดหงิด
- มีกิจกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากการเทรดเพื่อผ่อนคลายความเครียด: เช่น ออกกำลังกาย, อ่านหนังสือ, หรือทำงานอดิเรก
กิจกรรมผ่อนคลายระหว่างวันเทรด:
- เดินเล่นสั้นๆ 5-10 นาทีรอบบ้านหรือออฟฟิศ
- ทำการยืดเหยียดร่างกายง่ายๆ บนเก้าอี้
- ฟังเพลงผ่อนคลาย 1-2 เพลง
- ทำเทคนิคการผ่อนคลายกล้ามเนื้อแบบก้าวหน้า (Progressive Muscle Relaxation)
- จิบน้ำหรือชาอุ่นๆ ช้าๆ โดยโฟกัสที่รสชาติและความรู้สึก
5. ฝึกฝนการจำลองสถานการณ์
การฝึกฝนผ่านการจำลองสถานการณ์จะช่วยเตรียมความพร้อมทางอารมณ์สำหรับสถานการณ์จริง:
- ใช้บัญชีทดลอง (Demo Account): ฝึกการจัดการอารมณ์โดยไม่มีความเสี่ยงทางการเงิน ทำเหมือนกับว่าคุณกำลังเทรดด้วยเงินจริง
- จำลองสถานการณ์ที่ท้าทายทางอารมณ์: เช่น การขาดทุนติดต่อกันหลายครั้ง, การพลาดโอกาสทำกำไรครั้งใหญ่, หรือการเผชิญกับความผันผวนสูงของตลาด
- ฝึกการตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ อย่างมีสติและเป็นระบบ: กำหนดขั้นตอนการจัดการกับแต่ละสถานการณ์และฝึกปฏิบัติซ้ำๆ
ตัวอย่างการฝึกจำลองสถานการณ์:
- ตั้งบัญชีทดลองด้วยเงิน $10,000
- เทรดตามแผนปกติเป็นเวลา 1 สัปดาห์
- ในสัปดาห์ที่ 2 จำลองสถานการณ์ขาดทุน 5 ครั้งติดต่อกัน
- สังเกตและบันทึกอารมณ์และการตัดสินใจของคุณในแต่ละการเทรด
- ในสัปดาห์ที่ 3 จำลองสถานการณ์ตลาดผันผวนสูงด้วยการเพิ่มความเคลื่อนไหวของราคา 2 เท่า
- วิเคราะห์ว่าคุณสามารถรักษาวินัยในการปฏิบัติตามแผนได้ดีเพียงใดในแต่ละสถานการณ์
6. พัฒนาความมั่นใจผ่านการศึกษาและฝึกฝน
ความมั่นใจที่มาจากความรู้และประสบการณ์จะช่วยลดความกลัวและความวิตกกังวล:
- ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับตลาดและเครื่องมือการเทรดอย่างต่อเนื่อง: กำหนดเวลาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ชั่วโมงเพื่อศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ
- ฝึกฝนและทดสอบกลยุทธ์การเทรดอย่างสม่ำเสมอ: ใช้ข้อมูลย้อนหลังเพื่อทดสอบกลยุทธ์ของคุณในสภาวะตลาดต่างๆ
- วิเคราะห์ผลการเทรดของตนเองเพื่อปรับปรุงและพัฒนา: ทบทวนบันทึกการเทรดเป็นประจำเพื่อหาจุดที่ต้องปรับปรุง
แผนการพัฒนาความรู้:
- อ่านหนังสือเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค 1 เล่มต่อเดือน
- เข้าร่วมเวบินาร์หรือคอร์สออนไลน์เกี่ยวกับการเทรด 1 ครั้งต่อไตรมาส
- ฝึกการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ใหม่ๆ ในบัญชีทดลองอย่างน้อย 1 เดือนก่อนนำมาใช้จริง
- จัดทำสรุปบทเรียนและความรู้ใหม่ที่ได้รับทุกสัปดาห์
7. สร้างระบบการจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวด
การมีระบบจัดการความเสี่ยงที่ดีจะช่วยลดความกังวลและความกลัวในการเทรด:
- กำหนดเปอร์เซ็นต์การเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้ง: เช่น ไม่เกิน 1-2% ของเงินทุน
- ใช้ Stop Loss ทุกครั้งและไม่ปรับเปลี่ยนระหว่างการเทรด: ตั้ง Stop Loss ที่จุดที่สมเหตุสมผลทางเทคนิค ไม่ใช่ตามความรู้สึก
- กำหนดจำนวนการขาดทุนสูงสุดต่อวันหรือต่อสัปดาห์: เช่น หยุดเทรดหากขาดทุนเกิน 5% ของพอร์ตในหนึ่งสัปดาห์
ตัวอย่างระบบการจัดการความเสี่ยง:
- เงินทุน: $10,000
- ความเสี่ยงต่อการเทรด: 1% = $100
- Stop Loss: 50 pips
- ขนาดสถานะสูงสุด: 2 mini lots (20,000 หน่วย)
- การขาดทุนสูงสุดต่อวัน: 3% = $300
- การขาดทุนสูงสุดต่อสัปดาห์: 5% = $500
8. ฝึกการยอมรับความไม่แน่นอนของตลาด
การยอมรับว่าตลาดมีความไม่แน่นอนจะช่วยลดความเครียดและความกดดัน:
- เข้าใจว่าไม่มีใครสามารถคาดการณ์ตลาดได้ 100%: ยอมรับว่าการขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเทรด
- มองการขาดทุนเป็นค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจ: เปรียบเทียบการขาดทุนกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจทั่วไป
- เน้นที่กระบวนการและการปฏิบัติตามแผน มากกว่าผลลัพธ์ในระยะสั้น: ประเมินความสำเร็จจากการปฏิบัติตามแผน ไม่ใช่จากกำไรหรือขาดทุนในแต่ละการเทรด
เทคนิคการฝึกยอมรับความไม่แน่นอน:
- เขียนคำยืนยันเชิงบวก เช่น “ฉันยอมรับว่าทุกการเทรดมีโอกาสขาดทุน และฉันพร้อมรับมือกับมัน”
- ทบทวนประวัติการเทรดของคุณเพื่อดูว่าการขาดทุนเป็นเรื่องปกติแค่ไหน
- ศึกษาประวัติของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ และดูว่าพวกเขาเผชิญกับการขาดทุนอย่างไร
- ฝึกการมองภาพรวมของผลการเทรดในระยะยาว แทนที่จะจดจ่อกับผลลัพธ์ของแต่ละการเทรด
สรุป
การควบคุมอารมณ์ในการเทรดเป็นทักษะสำคัญที่ต้องอาศัยการฝึกฝนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การเข้าใจผลกระทบของอารมณ์ต่อการตัดสินใจและการใช้เทคนิคต่างๆ ในการควบคุมอารมณ์จะช่วยให้นักเทรดสามารถรักษาความสงบและมีเหตุผลในการเทรดได้ดีขึ้น
จำไว้ว่า ความสำเร็จในการเทรดไม่ได้ขึ้นอยู่กับการไม่มีอารมณ์ แต่อยู่ที่การรู้จักจัดการและควบคุมอารมณ์ของตนเองให้ได้ การพัฒนาทักษะนี้ต้องใช้เวลาและความอดทน แต่จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการเทรดในระยะยาว
คำแนะนำสุดท้าย:
- เริ่มต้นด้วยการสร้างความตระหนักรู้ในอารมณ์ของตนเอง
- พัฒนาและยึดมั่นในแผนการเทรดที่ชัดเจน
- ฝึกฝนเทคนิคการควบคุมอารมณ์อย่างสม่ำเสมอ
- ใช้การจดบันทึกและวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงตนเองอย่างต่อเนื่อง
- อย่าลืมว่าการเทรดเป็นมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งระยะสั้น ดังนั้นจงอดทนและให้เวลากับตัวเองในการพัฒนา
อ้างอิง
- Steenbarger, B. N. (2002). The Psychology of Trading: Tools and Techniques for Minding the Markets. John Wiley & Sons.
- Douglas, M. (2000). Trading in the Zone: Master the Market with Confidence, Discipline, and a Winning Attitude. New York Institute of Finance.
- Shull, D. (2012). Market Mind Games: A Radical Psychology of Investing, Trading and Risk. McGraw-Hill Education.
- Murphy, J. J. (2021). Trading with Emotion for Maximum Profit: A Hidden Secret to Trading Success. Independently published.
- Elder, A. (1993). Trading for a Living: Psychology, Trading Tactics, Money Management. John Wiley & Sons.
- Damasio, A. R. (1994). Descartes' Error: Emotion, Reason, and the Human Brain. Putnam Publishing.
- Kahneman, D. (2011). Thinking, Fast and Slow. Farrar, Straus and Giroux.
- Tharp, V. K. (2012). Trading Beyond the Matrix: The Red Pill for Traders and Investors. John Wiley & Sons.
- Koppel, R. (2011). The Intuitive Trader: Developing Your Inner Trading Wisdom. John Wiley & Sons.
- Peterson, R. L. (2007). Inside the Investor's Brain: The Power of Mind Over Money. John Wiley & Sons.
- Schwager, J. D. (2012). Market Wizards: Interviews with Top Traders. John Wiley & Sons.
- Faith, C. M. (2007). Way of the Turtle: The Secret Methods that Turned Ordinary People into Legendary Traders. McGraw-Hill Education.
FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง