ประเภทของตลาด Forex
ตลาด Forex หรือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันสูงถึง 7.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 [1] ตลาด Forex มีหลายประเภท แต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะและเหมาะสมกับวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน ในบทความนี้ เราจะอธิบายถึงประเภทหลักๆ ของตลาด Forex ได้แก่ Forex Spot Market, Forex Forward Market, Forex Futures Market, Forex Options Market และ Forex CFDs
1. Forex Spot Market
Forex Spot Market หรือตลาดซื้อขายเงินตราต่างประเทศทันที เป็นตลาดที่มีการซื้อขายเงินตราต่างประเทศเพื่อส่งมอบทันที โดยทั่วไปจะมีการส่งมอบภายใน 2 วันทำการ
ลักษณะสำคัญของ Forex Spot Market:
- การส่งมอบทันที: การซื้อขายในตลาดนี้จะมีการส่งมอบเงินตราจริงภายใน 2 วันทำการ
- ราคา Spot: ราคาที่ใช้ในการซื้อขายเป็นราคาปัจจุบัน ณ เวลาที่ทำการซื้อขาย
- สภาพคล่องสูง: เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในบรรดาตลาด Forex ทั้งหมด
- ความผันผวนสูง: ราคาในตลาด Spot มีความผันผวนสูง เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลกระทบ
การใช้งาน Forex Spot Market:
- การทำธุรกรรมระหว่างประเทศ: บริษัทใช้ตลาด Spot เพื่อแลกเปลี่ยนเงินตราสำหรับการนำเข้าและส่งออก
- การเก็งกำไรระยะสั้น: นักเทรดมักใช้ตลาด Spot เพื่อทำกำไรจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในระยะสั้น
- การท่องเที่ยว: นักท่องเที่ยวใช้ตลาด Spot เพื่อแลกเปลี่ยนเงินสำหรับการเดินทาง
ข้อดีและข้อเสียของ Forex Spot Market:
ข้อดี:
- สภาพคล่องสูง ทำให้สามารถเข้าและออกจากตลาดได้ง่าย
- มีความโปร่งใสสูง เนื่องจากราคาเป็นไปตามอุปสงค์และอุปทานในตลาด
ข้อเสีย:
- มีความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
- ไม่เหมาะสำหรับการป้องกันความเสี่ยงในระยะยาว
2. Forex Forward Market
Forex Forward Market หรือตลาดซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า เป็นตลาดที่มีการตกลงซื้อขายเงินตราต่างประเทศ ณ ราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยมีการส่งมอบในอนาคต
ลักษณะสำคัญของ Forex Forward Market:
- การส่งมอบในอนาคต: มีการตกลงราคาและปริมาณการซื้อขายล่วงหน้า แต่จะมีการส่งมอบจริงในอนาคต
- สัญญาแบบ OTC: สัญญา Forward เป็นการตกลงระหว่างสองฝ่ายโดยตรง (Over-The-Counter หรือ OTC)
- ความยืดหยุ่นสูง: สามารถกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ได้ตามความต้องการของคู่สัญญา
- ไม่มีการซื้อขายในตลาดรอง: สัญญา Forward ไม่สามารถซื้อขายต่อในตลาดรองได้
การใช้งาน Forex Forward Market:
- การป้องกันความเสี่ยง: บริษัทใช้ Forward Contract เพื่อล็อคอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับธุรกรรมในอนาคต
- การวางแผนทางการเงิน: ช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนทางการเงินได้แม่นยำขึ้น โดยรู้ต้นทุนค่าเงินล่วงหน้า
- การเก็งกำไร: นักลงทุนบางรายใช้ Forward Contract เพื่อเก็งกำไรจากการคาดการณ์ทิศทางของอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคต
ข้อดีและข้อเสียของ Forex Forward Market:
ข้อดี:
- ช่วยในการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
- มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับแต่งสัญญาได้ตามความต้องการ
ข้อเสีย:
- มีความเสี่ยงด้านคู่สัญญา (Counterparty Risk)
- ขาดสภาพคล่อง เนื่องจากไม่สามารถซื้อขายต่อในตลาดรองได้
3. Forex Futures Market
Forex Futures Market หรือตลาดซื้อขายสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า เป็นตลาดที่มีการซื้อขายสัญญามาตรฐานเพื่อส่งมอบเงินตราต่างประเทศในอนาคต
ลักษณะสำคัญของ Forex Futures Market:
- สัญญามาตรฐาน: สัญญา Futures มีขนาดและเงื่อนไขที่เป็นมาตรฐาน
- การซื้อขายในตลาด: สัญญา Futures ซื้อขายในตลาดที่มีการกำกับดูแล เช่น Chicago Mercantile Exchange (CME)
- การ Mark-to-Market รายวัน: มีการคำนวณกำไรขาดทุนและปรับปรุงมูลค่าสัญญาทุกวัน
- การใช้ Margin: ผู้ซื้อขายต้องวางเงินประกัน (Margin) เพื่อเปิดสถานะ
การใช้งาน Forex Futures Market:
- การป้องกันความเสี่ยง: องค์กรใช้ Futures เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
- การเก็งกำไร: นักลงทุนใช้ Futures เพื่อทำกำไรจากการคาดการณ์ทิศทางของอัตราแลกเปลี่ยน
- การทำ Arbitrage: นักลงทุนสถาบันอาจใช้ Futures ในการทำ Arbitrage ระหว่างตลาด Spot และ Futures
ข้อดีและข้อเสียของ Forex Futures Market:
ข้อดี:
- มีความโปร่งใสสูง เนื่องจากซื้อขายในตลาดที่มีการกำกับดูแล
- มีสภาพคล่องดี สามารถซื้อขายได้ง่าย
- ลดความเสี่ยงด้านคู่สัญญา เนื่องจากมี Clearing House เป็นตัวกลาง
ข้อเสีย:
- มีความเสี่ยงจากการ Margin Call หากราคาเคลื่อนไหวไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์
- ไม่มีความยืดหยุ่นในเรื่องขนาดและวันครบกำหนดของสัญญา
4. Forex Options Market
Forex Options Market หรือตลาดซื้อขายสิทธิในการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ เป็นตลาดที่ให้สิทธิ (แต่ไม่ใช่ภาระผูกพัน) แก่ผู้ซื้อในการซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศ ณ ราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
ลักษณะสำคัญของ Forex Options Market:
- สิทธิ ไม่ใช่ภาระผูกพัน: ผู้ซื้อ Option มีสิทธิที่จะใช้หรือไม่ใช้สิทธิก็ได้
- ค่าพรีเมียม: ผู้ซื้อ Option ต้องจ่ายค่าพรีเมียมให้กับผู้ขาย
- ประเภทของ Option: มีทั้ง Call Option (สิทธิในการซื้อ) และ Put Option (สิทธิในการขาย)
- วันหมดอายุ: Option มีวันหมดอายุที่กำหนดไว้ชัดเจน
การใช้งาน Forex Options Market:
- การป้องกันความเสี่ยง: องค์กรใช้ Options เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน โดยยังคงมีโอกาสได้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาที่เป็นประโยชน์
- การเก็งกำไร: นักลงทุนใช้ Options เพื่อทำกำไรจากการคาดการณ์ทิศทางหรือความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
- การสร้างกลยุทธ์ซับซ้อน: นักลงทุนสามารถใช้ Options ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ เพื่อสร้างกลยุทธ์การลงทุนที่ซับซ้อน
ข้อดีและข้อเสียของ Forex Options Market:
ข้อดี:
- จำกัดความเสี่ยงของผู้ซื้อไว้ที่ค่าพรีเมียมที่จ่ายไป
- มีความยืดหยุ่นสูง สามารถสร้างกลยุทธ์การลงทุนได้หลากหลาย
- เหมาะสำหรับการป้องกันความเสี่ยงแบบมีเงื่อนไข
ข้อเสีย:
- มีค่าใช้จ่าย (ค่าพรีเมียม) ที่สูงกว่าเครื่องมืออื่นๆ
- มีความซับซ้อน ต้องใช้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งในการใช้งานและการประเมินมูลค่า
5. Forex CFDs
Forex CFDs (Contracts for Difference) หรือสัญญาซื้อขายส่วนต่าง เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนโดยไม่ต้องถือครองสกุลเงินจริง
ลักษณะสำคัญของ Forex CFDs:
- ไม่มีการส่งมอบจริง: ไม่มีการแลกเปลี่ยนสกุลเงินจริง เป็นเพียงการทำกำไรหรือขาดทุนจากส่วนต่างของราคา
- การใช้ Leverage: สามารถใช้ Leverage สูงได้ ทำให้ใช้เงินลงทุนน้อยแต่มีโอกาสทำกำไร (หรือขาดทุน) สูง
- ต้นทุนต่ำ: มีค่าธรรมเนียมในการซื้อขายที่ต่ำกว่าการซื้อขายในตลาด Spot
- ความหลากหลาย: สามารถเทรดได้ทั้งในทิศทางขาขึ้นและขาลง
- การเข้าถึงง่าย: สามารถเข้าถึงได้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ
การใช้งาน Forex CFDs:
- การเก็งกำไรระยะสั้น: นักเทรดใช้ CFDs เพื่อทำกำไรจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในระยะสั้น
- การทำ Hedging: นักลงทุนอาจใช้ CFDs เพื่อป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนหลัก
- การเข้าถึงตลาดที่หลากหลาย: CFDs ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาด Forex ได้ง่ายขึ้น แม้จะมีเงินทุนจำกัด
ข้อดีและข้อเสียของ Forex CFDs:
ข้อดี:
- ใช้เงินลงทุนน้อยเนื่องจากมีการใช้ Leverage
- สามารถทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง
- มีความยืดหยุ่นสูง สามารถเปิดและปิดสถานะได้ตลอดเวลา
- ไม่ต้องถือครองสกุลเงินจริง ลดความเสี่ยงจากการถือครอง
ข้อเสีย:
- ความเสี่ยงสูงเนื่องจากการใช้ Leverage
- อาจมีต้นทุนจากการถือสถานะข้ามคืน (Overnight Financing)
- ไม่เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว
- มีความเสี่ยงจากการ Margin Call หากราคาเคลื่อนไหวไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์
- ในบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา การซื้อขาย CFDs เป็นสิ่งผิดกฎหมาย
สรุป
ตลาด Forex มีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะและเหมาะสมกับวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน:
- Forex Spot Market เหมาะสำหรับการทำธุรกรรมระหว่างประเทศและการเก็งกำไรระยะสั้น
- Forex Forward Market เหมาะสำหรับการป้องกันความเสี่ยงและการวางแผนทางการเงินในระยะยาว
- Forex Futures Market เหมาะสำหรับการป้องกันความเสี่ยงและการเก็งกำไรในตลาดที่มีมาตรฐานและการกำกับดูแล
- Forex Options Market เหมาะสำหรับการป้องกันความเสี่ยงแบบมีเงื่อนไขและการสร้างกลยุทธ์การลงทุนที่ซับซ้อน
- Forex CFDs เหมาะสำหรับการเก็งกำไรระยะสั้นและการเข้าถึงตลาด Forex ด้วยเงินลงทุนที่จำกัด
การเลือกใช้เครื่องมือในตลาด Forex ประเภทใดขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการลงทุน ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และประสบการณ์ของนักลงทุน นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะเฉพาะของแต่ละประเภทอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน
อ้างอิง
[1] Bank for International Settlements. (2022). Triennial Central Bank Survey of Foreign Exchange and Over-the-counter (OTC) Derivatives Markets in 2022. Retrieved from https://www.bis.org/statistics/rpfx22.htm
[2] Investopedia. (2024). What Is Spot Trading and How Do You Profit? How It Works. Retrieved from https://www.investopedia.com/terms/s/spottrade.asp
[3] Investopedia. (2024). Forward Market: Definition and Foreign Exchange Example. Retrieved from https://www.investopedia.com/terms/f/forwardmarket.asp
[4] Investopedia. (2024). Contract for Differences (CFD): Overview and Examples. Retrieved from https://www.investopedia.com/terms/c/contractfordifferences.asp
FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง