Falling Wedge คืออะไร วิธีใช้วิเคราะห์

IUX Markets Bonus

Falling Wedge คืออะไร?

53 Falling Wedge

Falling Wedge เป็นรูปแบบกราฟทางเทคนิคที่มักพบในการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยมีลักษณะเฉพาะดังนี้:

  1. เป็นรูปแบบที่มีลักษณะคล้ายลิ่มหรือทรงกรวยที่เอียงลง
  2. ประกอบด้วยเส้นแนวโน้มสองเส้นที่เอียงลงและบีบเข้าหากัน
  3. เส้นแนวโน้มด้านบนมีความชันมากกว่าเส้นแนวโน้มด้านล่าง
  4. มักเกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาลง แต่สามารถเป็นสัญญาณการกลับตัวขาขึ้นได้

ลักษณะสำคัญของ Falling Wedge

  1. รูปแบบราคา: ราคามีการเคลื่อนที่ลงเป็นช่วงๆ โดยมีจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่ต่ำลงเรื่อยๆ
  2. ความกว้างของรูปแบบ: รูปแบบจะแคบลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากเส้นแนวโน้มทั้งสองเข้าใกล้กัน
  3. ระยะเวลาการเกิดรูปแบบ: สามารถเกิดขึ้นในระยะสั้น (ไม่กี่วัน) หรือระยะยาว (หลายเดือน)
  4. ปริมาณการซื้อขาย: มักจะลดลงเมื่อรูปแบบพัฒนาไป แต่จะเพิ่มขึ้นเมื่อราคาทะลุออกจากรูปแบบ

วิธีใช้ Falling Wedge ในการวิเคราะห์

  1. การระบุรูปแบบ:
    • สังเกตการเคลื่อนที่ของราคาที่มีลักษณะเป็นลิ่มเอียงลง
    • ลากเส้นแนวโน้มเชื่อมจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของการเคลื่อนไหวราคา
  2. การยืนยันการทะลุ:
    • รอให้ราคาทะลุเส้นแนวโน้มด้านบนขึ้นไป
    • การทะลุควรเกิดขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น
  3. การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย:
    • ปริมาณมักจะลดลงระหว่างการพัฒนารูปแบบ
    • ควรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อราคาทะลุออกจากรูปแบบ
  4. การคำนวณเป้าหมายราคา:
    • วัดความสูงของจุดเริ่มต้นของ Wedge
    • นำระยะดังกล่าวไปวัดต่อจากจุดที่ราคาทะลุออก เพื่อประมาณเป้าหมายราคา
  5. การใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น:
    • ใช้ร่วมกับตัวบ่งชี้แนวโน้มหรือ oscillators เพื่อยืนยันสัญญาณ
    • พิจารณาแนวรับแนวต้านสำคัญประกอบการวิเคราะห์

ข้อควรระวังในการใช้ Falling Wedge

  1. การระบุรูปแบบที่ไม่ชัดเจน: บางครั้งรูปแบบอาจไม่สมบูรณ์หรือไม่ชัดเจน ซึ่งอาจนำไปสู่การตีความผิดพลาด
  2. การทะลุหลอก: ราคาอาจทะลุออกจากรูปแบบแล้วกลับเข้าไปใหม่ ควรรอการยืนยันและใช้ stop loss เสมอ
  3. ความแม่นยำในกรอบเวลาต่างๆ: Falling Wedge อาจมีความน่าเชื่อถือแตกต่างกันในกรอบเวลาที่ต่างกัน ควรพิจารณาใช้หลายกรอบเวลาประกอบกัน
  4. ความสัมพันธ์กับแนวโน้มหลัก: ประสิทธิภาพของสัญญาณอาจแตกต่างกันเมื่อเกิดในแนวโน้มหลักที่ต่างกัน
  5. ปัจจัยภายนอก: ข่าวสารหรือเหตุการณ์สำคัญอาจส่งผลกระทบต่อราคาและทำให้รูปแบบไม่เป็นไปตามคาด

การประยุกต์ใช้ในกลยุทธ์การเทรด

  1. การเข้าซื้อ: นักเทรดอาจเข้าซื้อเมื่อราคาทะลุเส้นแนวโน้มด้านบนของ Falling Wedge ขึ้นไป
  2. การตั้ง Stop Loss: อาจตั้ง stop loss ไว้ใต้จุดต่ำสุดล่าสุดของ Wedge หรือใต้เส้นแนวโน้มด้านล่าง
  3. การตั้งเป้าหมายกำไร: ใช้การคำนวณเป้าหมายราคาตามที่กล่าวไว้ข้างต้น หรือใช้แนวต้านสำคัญเป็นเป้าหมาย
  4. การเทรดระยะสั้น: อาจใช้ Falling Wedge ในการหาจุดกลับตัวระยะสั้นในแนวโน้มขาลง

สรุป

Falling Wedge เป็นรูปแบบกราฟทางเทคนิคที่มีประโยชน์ในการวิเคราะห์การกลับตัวของตลาด โดยเฉพาะในช่วงแนวโน้มขาลง อย่างไรก็ตาม ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ การจัดการความเสี่ยง และการพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของตลาด เพื่อให้การวิเคราะห์และการตัดสินใจลงทุนมีความแม่นยำมากขึ้น

อ้างอิง

  1. Murphy, J. J. (1999). Technical Analysis of the Financial Markets. New York Institute of Finance.
  2. Bulkowski, T. N. (2005). Encyclopedia of Chart Patterns (2nd ed.). John Wiley & Sons.
  3. StockCharts.com. (n.d.). Falling Wedge (Reversal). Retrieved August 10, 2024, from https://school.stockcharts.com/doku.php?id=chart_analysis:chart_patterns:falling_wedge_reversal
FOREXDUCK Logo

FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง

HFM Promotion