พะเนียง พงษธา ประวัตินักลงทุน คุณไม้ฟืน

คุณไม้ฟืน พะเนียง พงษธา

คุณไม้ฟืน พะเนียง พงษธา คือ นักลงทุนหุ้น แนวการลงทุนเน้นคุณค่า VI อายุน้อยที่ถือว่าประสบความสำเร็จในการลงทุน ใช้เวลา 6 ปีในการลงทุน เริ่มต้น 30,000 บาท กลายมาเป็นนักลงทุนเจ้าของพอร์ตหลัก 100 ล้านบาท คิดเป็น 13,000 เปอร์เซ็นต์

พะเนียง พงษธา ประวัติ

คุณไม้ฟืน พะเนียง พงษธา

คุณไม้ฟืนเป็นกรรมการสมคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) พร้อมกับเป็นพิธีกรรายการเกี่ยวกับสัมภาษณ์บุคคลที่ติดอันดับวิสัยทัศน์ในการลงทุนโดดเด่นของประเทศไทย จำนวนหลากหลายรายการ

ชีวิตวัยเด็ก คุณไม้ฟืนเติบโตมาในครอบครัวฐานะปานกลาง ไม่ได้ลำบากและไม่ได้ร่ำรวย นิสัยส่วนตัวค่อนข้างเป็นคนประหยัดอดออม สิ่งใดที่ไม่จำเป็นก็จะไม่ใช้เงินเลย

ชื่อ พะเนียง มาจากที่ดินบนภูเขาชื่อพะเนียง เมื่อก่อนที่บ้านทำฟาร์มแล้วตัดไม้ฟืนมาขาย จึงได้ชื่อเล่นว่า ไม้ฟืน ตอนเด็ก ๆ เคยพนันบอล แต่แม่ก็ให้อภัย แล้วก็บอกว่าอย่าทำอีก ครอบครัวซัพพอร์ตทุกอย่าง

ถือหุ้นอะไร 2565

หุ้นที่คุณไม้ฟืน พะเนียน พงษธา ถืออยู่ในปี 2565 น้องเป็ดค้นเจอ ดังนี้

  • AU บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) ถือ 24,612,200 หุ้น 3.02%
  • ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 6 ของบริษัท

คุณไม้ฟืน พะเนียง พงษธา

พะเนียง พงษธา อายุ

น้องเป็ดคาดการณ์จากการให้สัมภาษณ์ว่า ปี 2551 เรียนอยู่ปี 4 หมายความว่าอายุประมาณ 21 ปี ในขณะนั้น ซึ่งประมาณได้ว่าในปี 2024 หรือ พ.ศ. 2567 คุณไม้ฟืน พะเนียง พงษธา มีอายุ 37 ปี

สัมภาษณ์คุณไม้ฟืน

น้องเป็ดได้ถอดเทปสัมภาษณ์คุณไม้ฟืน จากรายการ Black Swan มาเรียงลำดับเป็นหัวข้อไว้ ดังต่อไปนี้ค่ะ

เริ่มลงทุน

คุณไม้ฟืน พะเนียง พงษธา เริ่มลงทุนมาประมาณ 15 ปี ตั้งแต่วิกฤต Subprime ปี 2551 เริ่มก่อนหน้านั้นไม่กี่เดือน

  • เริ่มลงทุนในหุ้นตั้งแต่เรียนอยู่ปี 4
  • เริ่มลงทุนในหุ้นเพราะเพื่อน ๆ ลงทุนกัน
  • เพื่อนเล่นหุ้นปั่น แล้วได้เงิน จึงอยากซื้อบ้าง
  • นำเงินเก็บทั้งชีวิต 30,000 บาท เข้าซื้อทั้งหมด
  • ชอบเก็บเงินมาก ยิ่งลงทุน ยิ่งชอบเก็บเงิน

เนื่องจากคุณไม้ฟืนมีความรู้เกี่ยวกับดอกเบี้ยทบต้น

  • เงินต้น 10,000 บาท ดอกเบี้ย 10% ผ่านไป 40 ปี จะมีเงิน 150,000 บาท
  • เงินต้น 10,000 บาท ดอกเบี้ย 15% ผ่านไป 40 ปี จะมีเงิน 2,600,000 บาท

คุณไม้ฟืน พะเนียง พงษธา คิดดอกเบี้ยทบต้น

  • ถ้าไปญี่ปุ่น ใช้เงิน 60,000 บาท ผ่านไป 40 ปี สามารถสร้างโรงพยาบาลได้เลย
  • พอคิดแต่แบบนี้ก็ยิ่งไม่กล้าใช้เงิน

เริ่มต้นลงทุนด้วยเงิน 30,000 บาท ผ่านไปไม่กี่เดือน ได้เงินมา 100,000 บาท ช่วงเริ่มต้น คุณไม้ฟืนนั่งตกตะลึงกับกำไรที่ได้ มีวันที่ได้กำไร 3,000 บาท คิดในใจว่า สบายแล้ว

  • ขณะนั้นได้เงินค่าขนมระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย วันละ 300 บาท
  • มั่นใจในหุ้นมาก กลับไปคุยกับแม่ว่า หุ้นมันดีมากเลย
  • รุ่นพี่บอกอะไรก็ตรงไปหมดทุกอย่าง เช่น บอกว่าหุ้นตัวนี้ วันนี้จะขึ้น 3% ก็ขึ้นตามนั้นจริง ๆ
  • พอคุณไม้ฟืนได้เงินจากการลงทุนหุ้นตามที่รุ่นพี่บอก ก็เชื่อรุ่นพี่มาก
  • ต่อมาชวนแม่มาซื้อหุ้น ปตท. จาก 300 บาท ไป 400 บาท ก็ได้กำไรจริง ๆ
  • ตอนนั้นแม่ลงทุนหุ้น ปตท. ไปทั้งหมด 1 ล้านบาท
  • หลังจากนั้นเริ่มชวนคนใกล้ชิดเข้ามาซื้อหุ้น เนื่องจากรุ่นพี่มีหุ้นตัวใหม่
  • รุ่นพี่บอกว่าหุ้นเหล็กจะขึ้นจาก 1 บาท จะไป 4 บาท
  • คุณไม้ฟืนขายหุ้นปตท.ของแม่ มาซื้อหุ้นเหล็ก ด้วยความโลภ
  • คาดหวังว่าเงิน 1 ล้านบาท จะขึ้นไปเป็น 4 ล้านบาท โดยไม่บอกแม่
  • ชวนเพื่อนมาซื้อหุ้นเหล็ก อยากให้เพื่อนมีเงิน อีกทั้งบอกเพื่อนว่าถ้าขาดทุนจะรับผิดชอบเอง
  • เพราะความมั่นใจเต็มเปี่ยม เนื่องจากก่อนหน้านั้นได้เงินมาอย่างต่อเนื่อง

วิกฤตแรกในการลงทุน

หลังจากนั้นเกิดวิกฤตซัพไพร์ม ปี 2551 เศรษฐกิจอเมริกาล่ม เศรษฐกิจไทยล่มตาม ทำให้หุ้นตกลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว หุ้นเหล็กที่ซื้อไว้ อีกทั้งแนะนำให้เพื่อน ๆ ซื้อ ราคาจาก 1 บาท เหลือเพียง 6 สตางค์ หรือ 0.06 บาท ขาดทุนทั้งหมด 94%

  • บาดแผลแรก จากเงินทุน 1 ล้านบาท เหลือเงิน 60,000 บาท
  • ขายหุ้นทั้งหมด เอาเงินไปคืนเพื่อน
  • หัวใจสลาย เนื่องจากเก็บออมอย่างหนัก ตั้งแต่ 3 บาท 5 บาท
  • ในวันนั้น เงินทั้งหมดที่เก็บมาทั้งชีวิตหายไป
  • ทุกคนใกล้ตัวที่แนะนำ เจ๊งหุ้น กันแบบพร้อมเพรียง
  • ถึงแม้จะคืนเงิน แต่คนใกล้ตัวทุกคนก็ไม่ให้ความไว้วางใจแล้ว
  • กระทั่งแม่ตัวเองก็ไม่สนิทใจ ทำให้ความรู้สึกคุณไม้ฟืนตอนนั้น ย่ำแย่มาก
  • ย่ำแย่จากเงินเก็บในชีวิตทั้งหมดหายไป ย่ำแย่จากคนใกล้ตัวไม่ไว้วางใจ

เริ่มศึกษาอย่างจริงจัง

หลังจากการขาดทุนครั้งแรกที่พาคนใกล้ตัวขาดทุนทั้งหมดไปด้วย คุณไม้ฟืนไม่ได้ยอมแพ้ต่อชีวิต กลับจุดประกายว่า อยากมีความรู้เรื่องหุ้นอย่างจริงจัง จึงเริ่มต้นจากการไปศูนย์หนังสือจุฬา เริ่มต้นศึกษาไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน จึงปรึกษารุ่นพี่ที่เคยแนะนำลงทุนให้แนะนำหนังสือให้

พี่ครับ ผมทำแม่เจ๊ง ผมทำเพื่อนเจ๊ง ผมไม่อยากขาดทุนแล้วครับ ผมอยากมีความรู้

  • รุ่นพี่ก็ศึกษาแต่ดูกราฟเฉย ๆ แนะนำอะไรไม่ได้ แล้ววางสายโทรศัพท์ไป
  • ระหว่างนั้้นมีคนใจดี ยื่นหนังสือให้ 3 เล่ม บอกว่า หนังสือที่น้องหาอยู่ พี่หาให้แล้ว
  • จังหวะนี้ เป็นจังหวะเปลี่ยนชีวิตของคุณไม้ฟืน ซึ่งคุณไม้ฟืนก็ไม่รู้จักคน ๆ นั้น

คุณไม้ฟืนคาดว่า น่าจะเป็น VI ท่านนึง ที่หาหนังสืออ่านอยู่ที่นั่นพอดี แล้วได้ยินคุณไม้ฟืนคุยโทรศัพท์กับรุ่นพี่ จึงเกิดความสงสาร แล้วเลือกหนังสือลงทุนให้อ่าน

หนังสือ 3 แรกที่คุณไม้ฟืนอ่าน

หนังสือเกี่ยวกับการลงทุนหุ้น 3 เล่มแรกในชีวิตคุณไม้ฟืน โดยคนแปลกหน้าใจดี ที่คุณไม้ฟืนจำไม่ได้เลยว่าคือใคร ได้แก่

  • ตีแตก กลยุทธ์การเล่นหุ้นในภาวะวิกฤต โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
  • การลงทุนแบบเน้นคุณค่า หลักสูตรมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย
  • วิถีเซียนหุ้นมูลค่า โดย คุณมนตรี นิพิฐวิทยาและคุณวิบูลย์ พึงประเสริฐ

กลับมาจากศูนย์หนังสือจุฬา อ่านหนังสือทันที ทำให้รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นผิด เพราะการลงทุน ไม่ใช่การเก็งกำไร แต่เป็นการลงทุนเพื่อชีวิตในระยะยาว

การลงทุนหุ้นเน้นคุณค่า

การลงทุนหุ้น ที่คุณไม้ฟืน ปรับความเข้าใจใหม่ จนกระทั่งได้ความรู้มา ดังนี้

  • ไม่เก็งกำไร
  • มีความเข้าใจบริษัท
  • ประเมินมูลค่าให้เป็น
  • เข้าซื้อให้ต่ำกว่ามูลค่า

หลังจากนั้นคุณไม้ฟืนอ่านหนังสือทั้งวันทั้งคืน ช่วงเวลานั้นกำลังเรียนอยู่ปี 4 แล้วต้องเรียนซัมเมอร์ ไม่ได้จบ 4 ปีถ้วน ระหว่างนั้นที่ว่างก็อ่านหนังสือ แล้วเข้าใจว่าความรู้ที่มีในขณะนั้นเพียงพอในการซื้อหุ้นรอบใหม่แล้ว

ความรู้จากการอ่านหนังสือ

ช่วงนั้นความรู้ของคุณไม้ฟืนหลังจากอ่านหนังสือทั้งวันทั้งคืน ได้ข้อสรุปในการเลือกซื้อหุ้น ดังนี้

  • P/E ต่ำกว่า 10
  • P/BV ต่ำกว่า 1
  • Dividend Yield เกิน 5%
  • มองย้อนหลัง 5 ปี โตต่อเนื่อง
  • ROA สูง
  • ROE สูง

เริ่มต้นใหม่

ปี 2552 หุ้นตัวที่เข้าซื้อตัวแรกหลังจากศึกษาหาความรู้ด้วยการอ่านหนังสือเอง คือ หุ้น UMS ถึงแม้จะศึกษาดีแล้ว แต่ก็พลาดที่ยังไม่รูัจักการวิเคราะห์ราคาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้หมดตัวอีกครั้ง ทำให้รู้ว่าต้องมีปัจจัยเชิงคุณภาพด้วย

คุณไม้ฟืน พะเนียง พงษธา กราฟราคาหุ้น

  • เก็บเงินค่าขนมไว้ ไม่ใช้จ่ายอะไร จนมีเงินเก็บอีกครั้ง
  • แม่เห็นอ่านหนังสือหนัก แม่เลยให้ไปถามพ่อ เพราะพ่อก็เคยขาดทุนเหมือนกัน
  • คุณพ่อของคุณไม้ฟืนเคยเล่นหุ้นปี 2536-2537
  • ช่วงนั้นหุ้นกำลังอยู่ในเทรนด์ คุณพ่อจึงขายที่ดินบนภูเขาที่ทำฟาร์มเพื่อเอาเงินมาลงทุนหุ้น
  • หุ้นที่คุณพ่อซื้อเจ๊ง คุณพ่อเลยไม่พูดถึงหุ้นอีกเลย เนื่องจากฝังใจ
  • คุณพ่อยังคงเหลือหุ้นที่เคยซื้อไว้อยู่ และมีมูลค่ากลับมาในตอนนั้น
  • คุณไม้ฟืนจึงบริหารจัดการพอร์ตหุ้นให้คุณพ่อ

คุณไม้ฟืน พะเนียง พงษธา ครอบครัว

เริ่มต้นครั้งที่ 2

คุณไม้ฟืน อยากเรียนปริญญาโทเพื่อศึกษาเพิ่มเติม เนื่องจากรู้แล้ว ว่าตนเองอยากรู้อะไรเพิ่มบ้าง ตรงกับที่คุณพ่อก็อยากให้เรียนต่อ จึงได้เงินจากคุณพ่อมาศึกษาต่อ อีกทั้งได้เงินอีกจำนวนนึงมาเริ่มต้นเป็นพอร์ตลงทุนอีกครั้ง

  • เนื่องด้วยเงินในตอนนั้นยังเยอะเกินไปสำหรับคุณไม้ฟืน
  • บริหารพอร์ตถือหุ้นแบบกระจายออกไปเยอะมาก
  • ตัวไหนที่คิดว่าดี ก็เข้าซื้อจนพอร์ตมี 20-30 ตัว
  • แต่ละตัวขึ้น ๆ ลง ๆ บริหารจัดการไม่ได้
  • เริ่มรู้ว่าพอร์ตมีหุ้นเยอะเกินไป จึงตัดเหลือแค่ 5-7 ตัว
  • เริ่มตัน ไม่รู้จะไปต่อยังไง จึงเข้าเว็บบอร์ด Thai VI
  • เจอกัน Blog ชื่อ Yoyoway

ความรู้เพิ่ม

ปี 2009 หลังจากเจอ Blog ชื่อ Yoyoway ของคุณโยโย่ สันติ สิงหวังชา ก็ตามอ่านจนไม่ได้นอนเลยถึง 4 วัน ได้ความรู้เรื่องหาหุ้นเพิ่มเติม

คุณไม้ฟืน พะเนียง พงษธา ใน Blog คุณโยโย่

  • คุณไม้ฟืนบอกว่า รู้สึกเหมือนเจออาจารย์ที่กำลังตามหาอยู่ ดีใจมาก
  • อ่านตั้งแต่บนทความแรก ว่าจะหาหุ้นได้ยังไง
  • ประเมินมูลค่าหุ้น อ่านงบการเงิน
  • ได้หนังสือเยอะมากที่ต้องอ่าน เช่น หนังสืออ่านงบการเงินให้เป็น ของ ดร.ภาพร เอกอรรถพร
  • คุณไม้ฟืน ใช้เวลาถึง 2 ปีเต็มในการอ่านหนังสือที่ได้จาก Blog ของคุณโยโย่
  • หลังอ่านหนังสือทั้งหมดจบ ก็กลับมาอ่านซ้ำ ไล่อ่านจนไปเจอ comment ของตัวเอง

ปี 2011 หลังจากเจอ Blog ของคุณโยโย่ ตอนนั้นคุณไม้ฟืน มีอิสรภาพทางการเงินแล้ว

สิ่งที่ Yoyoway สอน

คุณไม้ฟืนได้กล่าวว่า yoyoway เหมือนเป็นสิ่งที่บอกว่าควรไปทางไหน เรียงลำดับให้ว่าต้องทำยังไง ทำให้รู้ว่าต้องรู้อะไรบ้าง สิ่งที่ต้องรู้ในการเล่นหุ้น ซึ่งได้จากการอ่าน ได้แก่

  • Business Model
  • งบการเงิน
  • ประเมิน Valuation
  • Discounted Cash Flow (DCF)
  • Durable Competitive Advantage (DCA)

ปี 2009 คุณไม้ฟืน อ่านงบการเงินแล้วยังเข้าใจไม่ถ่องแท้ จึงลงเรียนเพิ่มเติม ซึ่งอาจารย์ก็คือคุณฮง สถาพร งามเรืองพงศ์ คุณฮงกำลังเปิดคอร์สเพื่อเก็บออมเงิน คุณไม้ฟืนมีโอกาสได้เรียนตัวต่อตัวกับคุณฮง ประมาณ 3-4 ชั่วโมงเรื่องการอ่านงบการเงิน

เริ่มต้นครั้งที่ 3

คุณไม้ฟืนเรียนการอ่านงบการเงินถึง 8 ครั้ง ก็รู้สึกว่าเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว ปี 2553 เริ่มต้นลงทุนต่อ ด้วยการเข้าซื้อหุ้น JASMIN ซึ่งก็คือ 3BB คนกำลังเห่อเล่นกันทั้งเว็บ Thai VI มีลูกค้ารายใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ เติบโตแบบมั่นคง งบการเงินดีมาก คุณไม้ฟืนซื้อหุ้นนี้ไปตัวเดียว แล้วกู้เงินมาซื้อเพิ่ม

ขณะนั้นหุ้น JAS ทำเติบโตถึง 752% แต่ด้วยความคาดหวังของนักลงทุนที่สูง แล้วการเติบโตของบริษัทไม่เป็นไปตามที่นักลงทุนคาดหวัง นักลงทุนจึงเทขาย ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2554 ปรากฎว่าหุ้นตกจนติดลบ 53% ในวันเดียว

คุณไม้ฟืน พะเนียง พงษธา กราฟราคาหุ้น JAS

คุณไม้ฟืนมีมาร์จิ้น กำลังจะโดน Margin Call ซึ่งหากราคาลงเพิ่มจะต้องโดนบังคับขาย แล้วก็จะกลับมาหมดตัว แถมยังมีหนี้เพิ่มขึ้นมาด้วย ตอนนั้นคุณไม้ฟืนทำใจไม่ได้ วันที่หุ้นตกเป็นวันศุกร์ คุณไม้ฟืนกลัวมากว่าวันจันทร์เปิดมาหุ้นตกเพิ่มแล้วจะหมดตัวและเป็นหนี้ คุณไม้ฟืนเครียดมากเพราะทั้งพอร์ตมีหุ้นตัวนี้ตัวเดียว

วันจันทร์ ขายเปิด จากนั้นราคาลงมา 8% แล้วเด้งกลับขึ้นไป ทำให้คุณไม้ฟืนเรียนรู้ว่าจะไม่เล่น Margin อีกแล้ว ไม่ถือตัวเดียวจัดเต็มอีกแล้ว พอร์ตตอนนั้นเงินลดลงมาเหลือ 70%

  • ยอมรับให้ได้ว่าเราไม่ได้ฉลาดกว่าคนอื่น ผิดแล้วกลับมายอมรับ ปรับปรุง
  • พอไม่ทำเรื่องโง่ ๆ ซ้ำ ก็จะผิดน้อยลงเรื่อย ๆ

สาเหตุที่ผิดพลาด

ตอนนั้นเข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับหุ้นดีแล้ว แต่พลาดตรงที่ไม่ลงรายละเอียด คุณไม้ฟืนบอกว่าวิเคราะห์ ประเมินทุกอย่างแล้ว แต่ไม่เข้าใจถ่องแท้ ไม่ได้ประเมินโอกาสความน่าจะเป็นต่าง ๆ ให้ดี

  • โอกาสที่จะเกิดของเรื่องที่แย่ที่สุดมีอะไรบ้าง
  • ถ้าเห็นเรื่องแย่ที่สุด ใจจะไม่สั่นเวลาหุ้นลง ทำให้รู้ว่าต้องลงรายละเอียด
  • การวิเคราะห์ในช่วงนั้นเป็นการวิเคราะห์เพื่อหาเหตุผลที่จะซื้อหุ้นตัวนี้เท่านั้น
  • ไม่ใช่การวิเคราะห์เพื่อให้เข้าใจการลงทุนที่แท้จริง เพื่อชีวิตที่มั่นคง

สู้ใหม่อีกครั้ง

เจอวิกฤตทุกปีตั้งแต่ปี 2551 เรื่อยมา พอเริ่มต้นอีกครั้งจึงเลือกลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มี Backlog ขายล่วงหน้าไปหลายไป รอรับรู้รายได้

  • P/E ใน 2-3 ปีข้างหน้า 3 เท่า
  • เงินปันผล 10%
  • หุ้นตัวนี้กำลังมาแรงมาก แบรนด์ดี
  • เปิดปุ๊บ ขายได้ปั๊บ ทุกอย่างดูดี
  • หุ้น แสนสิริ
  • เข้าซื้อ Warrant

ซื้อหุ้นตัวนี้ 25% ของพอร์ต และทำ Excel ว่า Warrant เหลือ 0 รับได้มั้ย ก็บอกตัวเองว่ารับได้ อยากให้หุ้นตัวนี้ขึ้น 10 เท่าแล้วเปลี่ยนชีวิต ต่อมาปี 2554 น้ำท่วมหนักที่สุด อสังหาริมทรัพย์ร่วงหนักจนมีข่าวว่าที่ดินที่น้ำท่วมจะไม่มีการซื้อขาย อีกทั้งยังมีการประโคมข่าวว่าจะย้ายเมืองหลวง

  • คุณไม้ฟืน สะดุดกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด
  • ตอนนั้นคุณไม้ฟืนคิดว่า แล้วหุ้นอสังหาที่ซื้อจะทำยังไง เครียดมาก
  • เกิดความกลัวว่า ที่ดินจะขายได้มั้ย ต่อไปจะเป็นยังไง
  • กลัว Warrant จะไม่มีค่าอะไรเป็น 0
  • ราคาลงไปมากที่สุด 16 สตางค์
  • กลัวและไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ ว่าคนติดที่ดินเดิม ๆ
  • พอร์ตเหลือ 40% ดีกว่าเป็นศูนย์ไปเลย จึงขายแล้วนำเงินมาซื้อหุ้นแม่
  • หลังจากนั้นหุ้นขึ้นเป็น 10 เท่า ตามที่คิดไว้ แต่ไม่มีหุ้นแล้ว

เรียนรู้ว่า เลเวอเรจหนัก ถึง Warrant ไม่โดนขาย แต่ก็กระทบใจเยอะ ตอกย้ำว่าต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้จริง ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้

เริ่มตั้งตัวได้

ปี 2555-2556 ความรู้และประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นจากความผิดพลาด กลายมาเป็นคนที่มีภูมิคุ้มกัน ตั้งตัวได้ ได้ซื้อหุ้น RS กับ WorkPoint ผ่านไป 2 ปี เป็นผลตอบแทนที่เปลี่ยนชีวิต

คุณไม้ฟืน พะเนียง พงษธา กราฟราคาหุ้น RS

  • ช่วงเปลี่ยนผ่านวงการทีวีจากอนาล็อกเป็นดิจิตอล
  • คุณไม้ฟืนเห็นว่าไปประชุมผู้ถือหุ้นแล้วเซียนมี่ พูดถึงหุ้น RS
  • คุณไม้ฟืนเกิดบรรลุธรรมกับหุ้นว่าเราต้องรู้อะไร แล้วอะไรที่กลัวเป็นพิเศษ
  • อ่านหนังสือหลายวันต่อเนื่องไม่หลับไม่นอน
  • ค่อย ๆ ทยอยซื้อหุ้น RS เรื่อย ๆ จน 50% ของพอร์ต
  • ขยายไปซื้อ Workpoint ด้วย

คุณไม้ฟืน พะเนียง พงษธา กราฟราคาหุ้น WORK

ครั้งนี้ไม่ใช่การหาเหตุผลเพื่อมาตอบตัวเองให้ซื้อหุ้นแล้ว ครั้งนี้เป็นการประเมินจากความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ที่แย่ที่สุด หากราคาลดไป 50% รับได้มั้ย ถ้ารับได้จึงเข้าซื้อ

  • เราเป็นที่พึ่งของตังเองได้
  • ถ้าหุ้นลง ตัวเองต้องตอบตัวเองให้ได้
  • ถ้ามีเหตุการณ์อย่างนี้เข้ามา จิตใจหนักแน่น ก็ถือได้

พอร์ตเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนหลัก เป็นหนทางที่เหมาะสมกับตัวเอง ชอบถือหุ้นจำนวนไม่มาก อ่านเยอะ เจาะลึก หาหุ้นได้ไม่กี่ตัว ถ้าถือหลายตัว แต่ไม่มั่นใจสุดท้ายกระจายความเสีย

  • ถือหุ้นไม่กี่ตัว
  • เจาะข้อมูลลึก
  • ถือยาว

เคยเจ๊งยังไงมา จะไม่ทำอย่างเดิมอีกในการลงทุน ตอนนี้มาแนว Growth Stock มาเจอหุ้นตัวที่ตรงกับทางของตัวเอง ตอนนั้นเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้น

ตอนนั้นคุณไม้ฟืนเข้าซื้อ AUCT ช่วงที่ราคาถูกมากจริง ๆ คนไม่ค่อยสนใจ เข้าตลาดราคาก็นิ่ง ๆ ลง ๆ ซึ่งตอนนั้นเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว ตลาดเป็น Sideway ราคาหุ้น AUCT ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง และมองเห็นว่ากำไรกำลังจะเติบโต บริษัทไม่มีหนี้เลย เงินสดเยอะ ปันผล 20%

คุณไม้ฟืนอ่านเจอหุ้นนี้จาก dekisuki.net ซึ่งเขียนบทความเกี่ยวกับหุ้น AUCT ไว้ว่าพื้นฐานหุ้นตัวนี้ดี มีคู่แข่งน้อย งบการเงินดี พอมาเจอก็วิเคราะห์แล้วว่าดีมากจึงมั่นใจ เข้าซื้อเต็มที่ ชีวิตสดใส

อยากพัฒนาชีวิตด้านอื่น

ช่วงนั้นคุณไม้ฟืนประสบความสำเร็จ มีอิสรภาพทางการเงินแล้ว มองตัวเองที่ผ่านมาทุ่มเทให้กับการลงทุนมาตลอด จนละเลยชีวิตด้านอื่น ๆ ไป คุณไม้ฟืนให้สัมภาษณ์ว่า อยากมีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น อยากทำประโยชน์

คุณไม้ฟืนเคยโดยดูถูกไว้ว่า อยากช่วยคนอื่นช่วยตัวเองให้ได้ก่อน อยากทำประโยชน์เอาตัวเองให้รอดก่อน จึงมุ่งมั่นมากว่าอยากจะรวย ความฝันคือถ้าสำเร็จแล้วจะเอาเงินไปทำประโยชน์

  • ละเลยพ่อแม่ รอให้รวยถึงจะพาไปเที่ยว
  • ละเลยสุขภาพ รอให้รวยก่อนค่อยซ่อมสุขภาพทีเดียว
  • ละเลยเพื่อน ไม่กินข้าวกับเพื่อนเพราะเวลาเป็นเงินเป็นทอง เสียเวลา
  • กินมาม่า ปลากระป๋อง เก็บเงินลงทุน
  • อ่านหนังสือทั้งวันทั้งคืน หายใจเข้าออกเป็นหุ้น

ทุกคน ทุกอย่าง ไม่เคยรอเรา หลังจากปี 2557 สุขภาพตัวเองแย่มาก ทั้งหลัง ตา กรดไหลย้อย นอนไม่หลับ เพราะกินแต่ของไม่ดี คุณพ่อเสียชีวิต เลิกกับแฟน มีปัญหาครอบครัว

  • ปวดหลังมากจนเดินไม่ได้
  • นอนน้อย ไม่ออกกำลังกายเลย
  • หมอบอกว่ากระดูกหัก แต่กล้ามเนื้อแข็งแรงเลยพยุงได้
  • หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เดินไม่ได้ เจ็บทุกวินาที
  • หมอไม่ให้ผ่าตัดเพราะจะกระทบกระดูสันหลังข้ออื่น

ตั้งปณิธานว่า ถ้ารอดจากอาการเจ็บป่วยนี้ไปได้ เราจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว

มองย้อนกลับไปในอดีตมีแต่ความอยาก มีแต่ความทุกข์ทรมาน หวังว่าทำเพื่ออนาคตแล้วเราจะมีความสุข แต่ปัจจุบันพัง อนาคตอาจจะพิการได้เลยเพราะปัจจุบันปวดหลังหนักมาก ตอนนั้นรู้สึกตัวว่าโมเดลนี้ไม่ใช่แล้ว ณ วันนั้น พอร์ตทะลุเกินกว่าที่คิดไว้มาก ไม่คิดว่าชีวิตจะมีเงินขนาดนี้ได้

ชีวิตสอนเราว่า ทุกความทุกข์ที่มีมาได้หมด เงินมันช่วยไม่ได้ หลังพัง ไม่สามารถทำได้อย่างที่คิด

  • ถ้ามีเงินจะซ่อมสุขภาพ ทำไม่ได้
  • ถ้ามีเงินจะพาพ่อแม่ไปเที่ยว ทำไม่ได้ พ่อเสียชีวิตแล้ว
  • ถ้ามีเงินจะดูแลแฟน แฟนไม่อยู่ด้วยแล้ว
  • สุขภาพไม่ใช่แค่หลัง ก่อนหลังจะพัง ตาแห้งสู้แสงไม่ได้ ลืมตาทั้งวันจนตาแห้ง
  • ต้องหยอดน้ำตาเทียมเป็น 10 กระบอก
  • ถ้าสุขภาพพังก่อนที่จะมีอิสรภาพทางการเงิน จะกลับมาทำไม่ได้
  • ยังโชคดีที่ประสบความสำเร็จ

ได้เรียนรู้ว่าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว สุดท้ายจัดกระดูก ฝังเข็ม กายภาพ เป็นเวลา 2-3 ปี จากนั้นก็ทิ้งหุ้นไปเลย ไม่เอาหุ้นแล้ว ทำประโยชน์ ดูแลกายใจให้ดีอย่างเดียว

จุดเปลี่ยน

จุดที่สร้างความสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตและการลงทุนหุ้นได้ พึ่งจะมีเมื่อไม่นานมานี้เอง ปี 2557 ขาย AUCT แล้วมาเจอหุ้น CBG TKN ซึ่งมีความรู้และมองยาวมาแล้ว ทำการบ้านแต่ไม่มากเท่าเมื่อก่อน ซื้อแช่ไว้ แต่ไม่ได้ติดตามอะไร เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะเจ๊งหุ้น คิดว่าต้องได้สัก 10% เป็นอย่างน้อย สุดท้ายดีอยู่ 2-3 ปี พอเข้าปีที่ 4 แย่มาก แล้วหุ้นแย่พร้อมกันทุกตัวที่ถืออยู่

  • มั่นใจกับหุ้นที่ตัวเองเลือกมาก จนไม่ติดตามอะไรเลย
  • ตอนนั้นหมด passion กับหุ้นไปเลย
  • รู้แล้วว่าการที่ประสบความสำเร็จในหุ้น ไม่ได้ทำให้ทุกข์ของเราในเรื่องต่าง ๆ หายไป
  • คนยังดูถูกอยู่เหมือนเดิม บอกว่า เดี๋ยวก็เจ๊ง
  • คนที่รักคุณไม้ฟืนก็มี แต่ยังรู้สึกขาด
  • การทำประโยชน์ ก็เริ่มทำเยอะแล้ว แต่ยังไม่มีความสุข
  • รู้แล้วว่าถึงสำเร็จหุ้นไปมากกว่านี้ มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเรื่องความสุข
  • พุ่งความสนใจไปที่การทำประโยชน์อย่างเดียวเลยช่วงนั้น

ตอนแรกทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดคิดไว้หมด ราคาขึ้นตลอด พอร์ตโต แต่เมื่อประมาณปี 2560-2562 หุ้นที่ถือไว้ลงพร้อมกันทุกตัวในพอร์ต ลงไปเยอะมากทุกตัวพร้อมกัน เริ่มไม่มั่นใจในตัวเองแล้ว เงินในพอร์ตหายไป 80% เหมือนลงลิฟท์

  • ถึงจุดที่ต้องโทรไปถามคุณชาย มโนภาส เรื่องหุ้นในพอร์ตตัวเอง
  • ได้กำลังใจกลับมา จนตอนนั้นสนใจเรื่องธรรมะ จะพัฒนาตัวเองทางธรรม

คุณชาย มโนภาส สอนคุณฟืนว่าฟืนยังไม่ต้องคิดจะช่วยใครหรอก ตราบใดที่ฟืนยังไม่มีความสงบจากภายใน การกระทำของเราอาจจะยังไม่เป็นประโยชน์กับคนที่เราช่วยอย่างแท้จริง ถ้าเรายังไม่สงบ มันก็จะขาด ๆ เกิน ๆ แต่ถ้าเราสงบจากภายใน การกระทำของเราจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นอย่างแท้จริง

สนใจธรรมะ แล้วทำประโยชน์มาเรื่อย ๆ สุดท้ายหุ้นเจ๊ง จึงทดลอง บวช กลางปี 2562 ก่อนบวชก็คิดว่าถ้ายังมีหุ้นอยู่ ก็จะบวชแบบไม่สบายใจ ตัดสินใจศึกษาให้ดีอีกรอบ แล้วสึกพระออกมาก็จะได้รู้กันไปเลยว่าต้องทำยังไงต่อ ปรับพอร์ตรอบใหม่ครั้งใหญ่ก่อนจะบวช

พรสวรรค์ มาจาก พรแสวง ถ้าเราไม่แสวง สวรรค์ก็ไม่ช่วยเราเหมือนกัน เราต้องทำด้วย

  • ใช้กลยุทธ์เดิม ด้วยการศึกษาเยอะ ๆ แสวงหาข้อมูลมาก ๆ
  • หาหุ้นด้วยวิธีเดิม ตอนนั้นได้หุ้น TQM ถือคาราบาว ถือหุ้นโรงพยาบาล

บวชทั้งหมด 8 เดือน ทำงานทุกอย่าง ทั้งก่อสร้าง ซักผ้า แต่รู้ว่าชีวิตจะมีจุดที่ดีขึ้นอีกครั้ง เพราะการลงทุนด้านจิตใจ ใจเข็มแข็ง เข้าใจตัวเองมากขึ้น เพื่อนดีแล้ว ที่อยู่ดีแล้ว เรากินได้ก็เท่านี้แล้ว การเล่นหุ้นอย่างเดียวเพิ่มความมั่งคั่งอย่างเดียวไม่ตอบโจทย์ชีวิตแล้ว

คุณไม้ฟืน พะเนียง พงษธา ปรับพอร์ตหุ้นก่อนบวช

คำแนะนำ

ข้อสรุปข้อดีของคุณไม้ฟืน พะเนียง พงษธา สามารถแนะนำมือใหม่ได้ ดังนี้

  • พรสวรรค์ คือ พรแสวง ทำเยอะ ๆ โฟกัส
  • ขยันให้ถูกทิศทาง อยากไปเชียงใหม่แต่วิ่งลงใต้ก็ไปไม่ถึง
  • หาอาจารย์ที่เคยสำเร็จในทางที่เราอยากไป
  • เรียนรู้จากข้อผิดพลาด
  • อย่าตายซะก่อน ที่จะได้เรียนรู้แก้ไขได้
  • ทำประโยชน์ ข้อนี้ส่งผลต่อความสำเร็จ ทั้งจิตใจเราได้คุณค่าและผู้อื่นได้ประโยชน์

อิสรภาพทางการเงินไม่ใช่เส้นชัย ถ้ามีเงินแล้ว แต่ยังโกรธง่าย อยากง่าย อยากนั่น อยากนี่ เครียดนั่น เครียดนี่ มันไม่มีความสุข อิสรภาพทางใจเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ชีวิตมีความสุข การลงทุนหุ้นเฉือนกันที่ใจ มี Bias มั้ย ตอนทุกคนกลัว ใจเราปกติ คิดอย่างมีเหตุมีผลมั้ย ถ้าเราดูแลจิตใจตัวเองให้ปกติ คิดเป็นเหตุเป็นผล มันดีต่อตัวเราเองมาก คิดระลึกเสมอว่าถ้าจะตายในเร็ว ๆ นี้ เราจะทำอะไร อยากทำสิ่งนี้มั้ย อยากหาเงินเท่านั้นมั้ย หรือเราจะทำอะไร