Rectangle คืออะไร?
Rectangle หรือ Rectangle Pattern เป็นรูปแบบกราฟทางเทคนิคที่มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยมีลักษณะเฉพาะดังนี้:
- ประกอบด้วยเส้นแนวต้านด้านบนและเส้นแนวรับด้านล่างที่ขนานกัน
- ราคามีการเคลื่อนไหวขึ้นลงระหว่างแนวต้านและแนวรับอย่างต่อเนื่อง
- สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในแนวโน้มขาขึ้น ขาลง หรือช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวในกรอบ (Sideways)
- มักถูกมองว่าเป็นรูปแบบการพักตัวของราคาก่อนที่จะมีการเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ
ลักษณะสำคัญของ Rectangle
- รูปแบบราคา:
- มีแนวต้านด้านบนและแนวรับด้านล่างที่ชัดเจนและขนานกัน
- ราคามีการเคลื่อนไหวขึ้นลงระหว่างแนวต้านและแนวรับอย่างน้อย 2 ครั้ง
- ระยะเวลาการเกิดรูปแบบ:
- สามารถเกิดขึ้นได้ในระยะสั้น (ไม่กี่วัน) หรือระยะยาว (หลายเดือน)
- รูปแบบที่เกิดขึ้นนานกว่ามักจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่า
- ปริมาณการซื้อขาย:
- มักจะลดลงเรื่อยๆ ในขณะที่ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ
- ควรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อราคาทะลุออกจากรูปแบบ
- ทิศทาง:
- สามารถทะลุออกได้ทั้งทางด้านบนและด้านล่าง
- ทิศทางการทะลุมักจะสอดคล้องกับแนวโน้มหลักก่อนหน้า (ถ้ามี)
วิธีใช้ Rectangle ในการวิเคราะห์
- การระบุรูปแบบ:
- สังเกตการเคลื่อนไหวของราคาที่มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า
- ลากเส้นแนวต้านด้านบนและแนวรับด้านล่างให้ขนานกัน
- การยืนยันการทะลุ:
- รอให้ราคาทะลุออกจากกรอบสี่เหลี่ยม
- การทะลุควรเกิดขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
- การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย:
- ปริมาณควรลดลงในขณะที่ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ
- ควรเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อราคาทะลุออกจากรูปแบบ
- การคำนวณเป้าหมายราคา:
- วัดความสูงของ Rectangle (ระยะห่างระหว่างแนวต้านและแนวรับ)
- นำระยะดังกล่าวไปวัดต่อจากจุดที่ราคาทะลุออกจากรูปแบบ เพื่อประมาณเป้าหมายราคา
- การใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น:
- ใช้ร่วมกับตัวบ่งชี้แนวโน้มหรือ oscillators เพื่อยืนยันสัญญาณ
- พิจารณาแนวรับแนวต้านสำคัญอื่นๆ ประกอบการวิเคราะห์
ข้อควรระวังในการใช้ Rectangle
- การระบุรูปแบบที่ไม่ชัดเจน: บางครั้งอาจสับสนกับรูปแบบอื่น เช่น Ascending Triangle หรือ Descending Triangle
- การทะลุหลอก: ราคาอาจทะลุออกจากรูปแบบแล้วกลับเข้าไปใหม่ ควรรอการยืนยันและใช้ stop loss เสมอ
- ความไม่แน่นอนของทิศทาง: Rectangle ไม่บ่งบอกทิศทางที่ชัดเจน จึงควรรอการทะลุออกก่อนตัดสินใจ
- ปัจจัยพื้นฐาน: ควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของหลักทรัพย์หรือตลาดประกอบด้วย
- ความผันผวนของตลาด: ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง อาจเกิดสัญญาณหลอกได้ง่าย
การประยุกต์ใช้ในกลยุทธ์การเทรด
- การเข้าซื้อ/ขาย:
- เข้าซื้อเมื่อราคาทะลุแนวต้านขึ้นไปพร้อมปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น
- เข้าขายเมื่อราคาทะลุแนวรับลงมาพร้อมปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น
- การตั้ง Stop Loss:
- อาจตั้ง stop loss ไว้ใต้/เหนือแนวรับ/แนวต้านที่เพิ่งทะลุผ่าน
- การตั้งเป้าหมายกำไร:
- ใช้การคำนวณเป้าหมายราคาตามที่กล่าวไว้ข้างต้น
- อาจใช้แนวต้าน/แนวรับสำคัญถัดไปเป็นเป้าหมาย
- การทำกำไรในกรอบ:
- นักเทรดบางคนอาจเลือกซื้อที่แนวรับและขายที่แนวต้านภายในกรอบ Rectangle
- การเทรดระยะกลาง:
- Rectangle มักใช้ในการวิเคราะห์และเทรดในระยะกลาง
ข้อแตกต่างระหว่าง Rectangle และรูปแบบอื่น
- Triangle Patterns: Rectangle มีแนวต้านและแนวรับที่ขนานกัน ในขณะที่ Triangle มีเส้นแนวโน้มที่เข้าหากัน
- Flag Pattern: Rectangle มักจะกว้างกว่าและใช้เวลาในการก่อตัวนานกว่า Flag
- Pennant: Rectangle มีขนาดใหญ่กว่าและมีแนวต้านแนวรับที่ชัดเจนกว่า Pennant
สรุป
Rectangle เป็นรูปแบบกราฟทางเทคนิคที่มีประโยชน์ในการวิเคราะห์การพักตัวของราคาและคาดการณ์การเคลื่อนไหวในอนาคต อย่างไรก็ตาม ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ การจัดการความเสี่ยง และการพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของตลาด เพื่อให้การวิเคราะห์และการตัดสินใจลงทุนมีความแม่นยำมากขึ้น
อ้างอิง
- Murphy, J. J. (1999). Technical Analysis of the Financial Markets. New York Institute of Finance.
- Bulkowski, T. N. (2005). Encyclopedia of Chart Patterns (2nd ed.). John Wiley & Sons.
- StockCharts.com. (n.d.). Rectangle. Retrieved August 10, 2024, from https://school.stockcharts.com/doku.php?id=chart_analysis:chart_patterns:rectangle_continuation
FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง