Stop loss คืออะไร
Stop Loss คือ เครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงสำหรับนักเทรด ช่วยจำกัดการขาดทุนและส่งเสริมวินัยในการเทรด การใช้งาน Stop Loss อย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยความเข้าใจในหลักการทำงาน การวางแผนที่ดี และการปรับใช้ให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของแต่ละคน
นักเทรดควรพิจารณา Stop Loss เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเทรดโดยรวม ไม่ใช่เพียงเครื่องมือแยกส่วน การใช้ Stop Loss ร่วมกับการวิเคราะห์ตลาดที่ดี การจัดการเงินทุนที่เหมาะสม และการควบคุมอารมณ์ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรดในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ต้องตระหนักว่า Stop Loss ไม่ได้รับประกันว่าจะป้องกันการขาดทุนได้ทั้งหมด โดยเฉพาะในสถานการณ์ตลาดที่ผิดปกติหรือมีความผันผวนสูง นักเทรดจึงควรใช้ Stop Loss เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่ครอบคลุม ซึ่งรวมถึงการกระจายความเสี่ยง การจัดการขนาดการเทรด และการติดตามสภาวะตลาดอย่างใกล้ชิด
ความหมายของ Stop Loss
Stop Loss หรือที่เรียกว่าคำสั่ง Stop Loss เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงสำหรับนักเทรดในตลาดการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาด Forex คำสั่งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากการเทรด โดยการปิดสถานะการซื้อขายโดยอัตโนมัติเมื่อราคาเคลื่อนไหวไปถึงระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
ในทางปฏิบัติ Stop Loss ทำหน้าที่เสมือนเป็น “สัญญาณเตือนภัย” ที่คอยปกป้องเงินทุนของนักเทรดจากการขาดทุนที่มากเกินไป โดยจะทำงานดังนี้:
- สำหรับสถานะ Long (ซื้อ): Stop Loss จะถูกตั้งไว้ต่ำกว่าราคาที่เข้าซื้อ
- สำหรับสถานะ Short (ขาย): Stop Loss จะถูกตั้งไว้สูงกว่าราคาที่เข้าขาย
เมื่อราคาตลาดเคลื่อนที่ไปถึงระดับ Stop Loss ที่กำหนดไว้ คำสั่งจะถูกเปลี่ยนเป็นคำสั่งตลาด (Market Order) และจะปิดสถานะการซื้อขายทันทีที่ราคาตลาดที่ดีที่สุดในขณะนั้น
ประโยชน์ของการใช้ Stop Loss
การใช้ Stop Loss มีประโยชน์หลายประการสำหรับนักเทรด ดังนี้:
- การจำกัดความเสี่ยง: Stop Loss ช่วยให้นักเทรดสามารถกำหนดขอบเขตการขาดทุนสูงสุดที่ยอมรับได้สำหรับแต่ละการเทรด ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการบริหารความเสี่ยงที่ดี
- ควบคุมอารมณ์: การใช้ Stop Loss ช่วยลดความกดดันทางอารมณ์ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเทรด เนื่องจากนักเทรดรู้ว่ามีการจำกัดการขาดทุนไว้แล้ว
- ทำงานอัตโนมัติ: Stop Loss ทำงานโดยอัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องคอยเฝ้าดูหน้าจอตลอดเวลา ช่วยให้นักเทรดสามารถจัดการเวลาได้ดีขึ้น
- ป้องกันการขาดทุนรุนแรง: ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดในตลาด เช่น ข่าวสำคัญหรือความผันผวนรุนแรง Stop Loss จะช่วยปกป้องนักเทรดจากการขาดทุนที่อาจเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้
- ส่งเสริมวินัยในการเทรด: การใช้ Stop Loss อย่างสม่ำเสมอช่วยสร้างวินัยในการเทรด ทำให้นักเทรดยึดมั่นในแผนการเทรดที่วางไว้
- เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการพอร์ตโฟลิโอ: Stop Loss ช่วยให้นักเทรดสามารถจัดการหลายๆ การเทรดพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะพลาดการปิดสถานะเมื่อราคาเคลื่อนไหวไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
วิธีการใช้งาน Stop Loss
การใช้งาน Stop Loss อย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยความเข้าใจและการวางแผนที่ดี ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนและคำแนะนำในการใช้งาน Stop Loss:
- กำหนดระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้: ก่อนเริ่มเทรด ให้กำหนดว่าคุณยอมรับการขาดทุนสูงสุดเท่าไหร่ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง โดยทั่วไปนักเทรดมืออาชีพมักจะไม่เสี่ยงเกิน 1-2% ของเงินทุนทั้งหมดต่อการเทรดหนึ่งครั้ง
- คำนวณระยะห่างของ Stop Loss: ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคหรือพื้นฐานเพื่อกำหนดจุดที่เหมาะสมในการวาง Stop Loss โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความผันผวนของตลาด แนวรับแนวต้านที่สำคัญ หรือรูปแบบกราฟเทคนิค
- ตั้งค่า Stop Loss ในแพลตฟอร์มการเทรด: เมื่อเปิดสถานะการซื้อขาย ให้ตั้งค่า Stop Loss ทันทีโดยระบุราคาที่ต้องการให้ปิดสถานะอัตโนมัติ
- พิจารณาใช้ Trailing Stop: Trailing Stop เป็นรูปแบบพิเศษของ Stop Loss ที่จะเลื่อนตามราคาตลาดเมื่อการเทรดเป็นไปในทิศทางที่ต้องการ ช่วยล็อคกำไรและปรับระดับการป้องกันความเสี่ยงอัตโนมัติ
- ปรับแต่ง Stop Loss ตามสถานการณ์: ในบางกรณี อาจจำเป็นต้องปรับแต่ง Stop Loss ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้เพิ่มความเสี่ยงมากเกินไป
- ทดสอบกลยุทธ์: ก่อนใช้งานจริง ควรทดสอบกลยุทธ์การใช้ Stop Loss ในบัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อปรับแต่งและหาวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสไตล์การเทรดของคุณ
- ระวังช่วงเวลาที่มีความผันผวนสูง: ในช่วงที่มีการประกาศข่าวสำคัญหรือเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างมาก ควรพิจารณาปรับ Stop Loss ให้กว้างขึ้นหรือหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงเวลาดังกล่าว
- ใช้ร่วมกับ Take Profit: การใช้ Stop Loss ควบคู่กับการตั้งเป้าหมายกำไร (Take Profit) จะช่วยให้การบริหารความเสี่ยงและผลตอบแทนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วิธีตั้ง Stop loss
สำหรับการตั้ง Stop loss ในตลาด Forex ทำได้ง่าย ๆ 2 วิธีคือ คือ
1.ตั้ง Stop loss จากคำสั่งที่เปิดแล้ว
- ให้ทำการ Double Click ที่ออเดอร์ที่เปิดอยู่ในเลข 1
- จะปรากฏหน้าต่างขึ้นมา
- ในหน้าต่างสามารถกำหนดเป็น point ได้
- ในตัวอย่างคือ 60 point
- คุณสามารถกรอกเป็นอย่างอื่นได้ เช่น 200 point
- เสร็จแล้วกดปุ่ม copy as สีแดง จะทำให้ราคาเข้าไปโผล่ที่ Stop loss
- หรือจะใส่ราคาที่เราต้องการ Stop loss เลยก็ได้
2.การตั้ง Stop loss จากออเดอร์ที่กำลังจะส่ง
การส่งคำสั่งเทรด Forex จะแตกต่างกับ การส่งคำสั่งหุ้น ที่สามารถทำการกำหนดราคาไว้ได้
- ก่อนส่งคำสั่ง Sell หรือ Buy คุณสามารถใส่ราคา Stop loss และ Take Profit ได้ว่าคุณต้องการใส่ราคาไหน
- การกำหนดไว้แบบนี้ก่อนจะทำให้ง่ายต่อการเทรด
- การกำหนด Stop loss คำนวณจาก Risk reward และ MM
Stop losss กี่ % ถึงจะดีที่สุด
สำหรับการกำหนด Stop loss ส่วนมากจะนิยมกำหนดเป็น % โดยการกำหนด Stop loss ที่ดีจะเท่ากับ 2 % แต่สามารถกำหนด Stop loss ได้ดังต่อไปนี้
- Stop loss 1 % ความเสี่ยงน้อยมาก
- Stop loss 2 % ความเสี่ยงน้อยมาก
- Stop loss 5 % ความเสี่ยงปานกลาง
- Stop loss 10 % ความเสี่ยงสูง
การ กำหนด Stop loss ไม่ควรกำหนดเกิน 10 % ต่อการซื้อขาย 1 ครั้ง
ตัวอย่าง
การเทรดหุ้นครั้งหนึ่ง นาย A คาดว่า ราคาจะขึ้นไปจาก 5 บาทไป 10 บาท แต่นาย A ก็ไม่แน่ใจเพื่อป้องกันการขาดทุน นาย A จะตั้งจุด Stop loss ไว้ที่ 3 บาท ถ้าหากราคาลดลงมาถึง 3 บาทนาย A จะขายทันที เรียกว่า “Stop loss”
เทคนิคการใช้ Stop Loss อย่างมีประสิทธิภาพ
- การใช้ Stop Loss ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค:
- ใช้แนวรับแนวต้านในการกำหนดจุดวาง Stop Loss
- พิจารณาใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) เป็นจุดอ้างอิงในการวาง Stop Loss
- ใช้ดัชนีความผันผวน เช่น Average True Range (ATR) เพื่อปรับระยะห่างของ Stop Loss ให้เหมาะสมกับสภาพตลาด
- การปรับใช้ Stop Loss กับกลยุทธ์การเทรดต่างๆ:
- สำหรับการเทรดแนวโน้ม (Trend Trading): วาง Stop Loss ใต้จุดต่ำสุดล่าสุดสำหรับแนวโน้มขาขึ้น หรือเหนือจุดสูงสุดล่าสุดสำหรับแนวโน้มขาลง
- สำหรับการเทรดแกว่งตัว (Swing Trading): วาง Stop Loss นอกกรอบการแกว่งตัวที่กำหนดไว้
- สำหรับการเทรดแบบเบรกเอาท์ (Breakout Trading): วาง Stop Loss ใต้แนวรับสำหรับการเบรกเอาท์ขาขึ้น หรือเหนือแนวต้านสำหรับการเบรกเอาท์ขาลง
- การใช้ Trailing Stop:
- Trailing Stop เป็นรูปแบบพิเศษของ Stop Loss ที่เลื่อนตามราคาตลาดเมื่อเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ต้องการ
- สามารถตั้งค่าเป็นจำนวนพิพส์ (pips) หรือเปอร์เซ็นต์จากราคาปัจจุบัน
- ช่วยล็อคกำไรและปรับระดับการป้องกันความเสี่ยงอัตโนมัติ
- เหมาะสำหรับการเทรดในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน
- การปรับ Stop Loss ตามสถานการณ์ตลาด:
- พิจารณาปรับ Stop Loss ให้กว้างขึ้นในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง เช่น ช่วงประกาศข่าวสำคัญ
- ในตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำ อาจต้องวาง Stop Loss ให้ห่างจากราคาปัจจุบันมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยง Slippage
- การใช้ Stop Loss ในการจัดการพอร์ตโฟลิโอ:
- กำหนดความเสี่ยงรวมของพอร์ตโฟลิโอ และปรับ Stop Loss ของแต่ละการเทรดให้สอดคล้องกัน
- ใช้ Stop Loss เพื่อรักษาสมดุลความเสี่ยงระหว่างการเทรดหลายๆ คู่สกุลเงินหรือสินทรัพย์
- การทดสอบและปรับปรุง:
- ใช้ Backtesting เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของกลยุทธ์ Stop Loss กับข้อมูลในอดีต
- ทดลองใช้ Stop Loss ในบัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อนนำไปใช้จริง
- วิเคราะห์ผลการเทรดอย่างสม่ำเสมอเพื่อปรับปรุงการใช้ Stop Loss ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการใช้ Stop Loss
- การไม่ใช้ Stop Loss: นี่เป็นข้อผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุด เพราะเสี่ยงต่อการขาดทุนอย่างไม่จำกัด
- การวาง Stop Loss ใกล้เกินไป: อาจทำให้ถูกปิดสถานะบ่อยเกินไปจากความผันผวนปกติของตลาด
- การวาง Stop Loss ไกลเกินไป: อาจทำให้ขาดทุนมากเกินความจำเป็นเมื่อราคาเคลื่อนที่ผิดทิศทาง
- การปรับแต่ง Stop Loss บ่อยเกินไป: อาจทำให้เสียวินัยในการเทรดและเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น
- การไม่คำนึงถึงสภาพตลาด: การใช้ Stop Loss แบบเดียวกันในทุกสภาวะตลาดอาจไม่เหมาะสม
- การพึ่งพา Stop Loss มากเกินไป: Stop Loss ไม่ใช่เครื่องมือวิเศษ ต้องใช้ร่วมกับการวิเคราะห์และกลยุทธ์ที่ดี
กรณีศึกษา: การใช้ Stop Loss ในสถานการณ์จริง
กรณีที่ 1: การเทรดในช่วงประกาศข่าวสำคัญ
สมมติว่านักเทรดกำลังถือสถานะ Long EUR/USD โดยมี Stop Loss ที่ 50 pips ใต้จุดเข้า ก่อนการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ (Non-Farm Payrolls) ซึ่งเป็นข่าวที่มักสร้างความผันผวนสูง
การปรับใช้ Stop Loss:
- ก่อนประกาศข่าว: พิจารณาปรับ Stop Loss ให้กว้างขึ้นเป็น 80-100 pips เพื่อรองรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น
- หลังประกาศข่าว: หากราคาเคลื่อนที่ในทิศทางที่ต้องการ ให้พิจารณาใช้ Trailing Stop เพื่อล็อคกำไรและปรับการป้องกันความเสี่ยง
กรณีที่ 2: การเทรดแนวโน้มระยะยาว
นักเทรดกำลังเทรด Long GBP/JPY ในแนวโน้มขาขึ้นระยะยาว โดยใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วันเป็นแนวรับหลัก
การปรับใช้ Stop Loss:
- วาง Stop Loss ใต้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วันเล็กน้อย
- ใช้ Trailing Stop ที่ปรับตามค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เช่น 50 pips ใต้ค่าเฉลี่ย
- ปรับ Stop Loss ขึ้นเมื่อราคาทำจุดสูงสุดใหม่ เพื่อล็อคกำไรและลดความเสี่ยง
สรุป
Stop Loss เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงสำหรับนักเทรด Forex การใช้งานอย่างถูกต้องสามารถช่วยจำกัดการขาดทุน ส่งเสริมวินัยในการเทรด และเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การใช้ Stop Loss ที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยความเข้าใจในหลักการทำงาน การวางแผนที่ดี และการปรับใช้ให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดและสภาวะตลาด
นักเทรดควรพัฒนาทักษะในการใช้ Stop Loss ผ่านการฝึกฝนและการทดสอบอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการวิเคราะห์ผลการเทรดเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น การใช้ Stop Loss อย่างชาญฉลาดร่วมกับการวิเคราะห์ตลาดที่แม่นยำ การจัดการเงินทุนที่ดี และการควบคุมอารมณ์ จะเป็นรากฐานสำคัญสู่ความสำเร็จในการเทรด Forex
ท้ายที่สุด Stop Loss ไม่ใช่เพียงเครื่องมือในการจำกัดการขาดทุน แต่ยังเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะการเทรด การยอมรับและเรียนรู้จากการขาดทุนที่จำกัดด้วย Stop Loss จะช่วยให้นักเทรดสามารถปรับปรุงกลยุทธ์และเติบโตเป็นนักเทรดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในระยะยาว
อ้างอิง
- IG. (2023). What are take-profit and stop-loss orders? How do they work? Retrieved from https://www.ig.com/en/trading-strategies/what-are-take-profit-and-stop-loss-orders–how-do-they-work–230605
- LiteFinance. (n.d.). What is stop loss in Forex? Retrieved from https://www.litefinance.org/blog/for-beginners/orders-market-limit-and-stop-buy-and-sell/what-is-stop-loss-in-forex/
- BabyPips. (n.d.). Stop Loss (SL). Retrieved from https://www.babypips.com/forexpedia/stop-loss-order
FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง