ในช่วงที่ผ่านมา ตลาด Forex และ CFD ในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำให้มีโบรกเกอร์ต่างประเทศหลายรายเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ WNS Trade โบรกเกอร์น้องใหม่ เปิดตัวปี 2023 หน้าเว็บไซต์ให้บริการ 3 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ ไทย และ ลาว
แต่ด้วยความที่เป็นโบรกเกอร์ใหม่ หลายคนจึงยังสงสัยว่า WNS Trade ดีไหม มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน และมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ WNS Trade กันอย่างละเอียด พร้อมวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน
WNS Trade คืออะไร?
WNS Trade หรือชื่อเต็มคือ WNS Trade Limited เป็นโบรกเกอร์ Forex และ CFD ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2023 โดยจดทะเบียนในประเทศมอริเชียส โบรกเกอร์นี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทการเงินขนาดใหญ่ แต่ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าเป็นกลุ่มบริษัทใด โลโก้คล้ายคลึงกับโบรกเกอร์ Winner S Trade
WNS Trade ให้บริการซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินหลากหลายประเภท ได้แก่:
- Forex (คู่สกุลเงินหลักและคู่สกุลเงินรอง)
- สัญญา CFD บนดัชนีหุ้น
- สัญญา CFD บนสินค้าโภคภัณฑ์
- สัญญา CFD บนหุ้นรายตัว
- คริปโตเคอร์เรนซี
โบรกเกอร์นี้นำเสนอตัวเองว่าเป็นทางเลือกที่มีเงื่อนไขการเทรดที่ยืดหยุ่น เหมาะกับกลยุทธ์การเทรดทุกรูปแบบ พร้อมด้วยแพลตฟอร์มการเทรดที่ทันสมัยและการสนับสนุนลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง
สถานะทางกฎหมายของ WNS Trade
WNS Trade อ้างว่าได้รับการกำกับดูแลโดย Financial Services Commission (FSC) ของประเทศมอริเชียส โดยมีหมายเลขใบอนุญาต GB232201953 ซึ่งสามารถตรวจสอบได้บนเว็บไซต์ของ FSC
อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจว่าการกำกับดูแลโดย FSC มอริเชียสถือเป็นการกำกับดูแลในเขตอ่าวนอกชายฝั่ง (Offshore) ซึ่งมีมาตรฐานการกำกับดูแลที่ไม่เข้มงวดเท่ากับหน่วยงานกำกับดูแลชั้นนำอื่นๆ เช่น FCA ของสหราชอาณาจักร หรือ ASIC ของออสเตรเลีย
นักลงทุนควรตระหนักว่าการเลือกใช้บริการโบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลแบบ Offshore อาจมีความเสี่ยงสูงกว่า และอาจได้รับความคุ้มครองน้อยกว่าเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานชั้นนำ
ข้อดีของ WNS Trade
1. ค่าสเปรดและค่าคอมมิชชั่นต่ำ
WNS Trade นำเสนอค่าสเปรดที่ค่อนข้างแคบสำหรับคู่สกุลเงินหลัก โดยเฉพาะ EUR/USD ที่เริ่มต้นเพียง 0.8 pips นอกจากนี้ยังไม่มีค่าคอมมิชชั่นเพิ่มเติมสำหรับการเทรด Forex ทำให้ต้นทุนการเทรดโดยรวมค่อนข้างต่ำ
2. เลเวอเรจสูง
โบรกเกอร์นี้เสนอเลเวอเรจสูงสุดถึง 1:500 สำหรับบัญชีที่มียอดเงินไม่เกิน $50,000 ซึ่งสูงกว่าโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลอย่างเข้มงวดในยุโรปหรืออเมริกา โดยมีระบบเลเวอเรจแบบขั้นบันได ดังนี้:
- 1:500 สำหรับยอดเงินในบัญชี $1-50,000
- 1:200 สำหรับยอดเงินในบัญชี $50,001-100,000
- 1:100 สำหรับยอดเงินในบัญชี $100,000 ขึ้นไป
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรใช้เลเวอเรจสูงด้วยความระมัดระวังเนื่องจากมีความเสี่ยงสูงเช่นกัน
3. แพลตฟอร์ม MT5 ที่ใช้งานง่าย
WNS Trade ให้บริการแพลตฟอร์มการเทรด MetaTrader 5 (MT5) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมที่มีเครื่องมือการวิเคราะห์และฟีเจอร์การเทรดที่ครบครัน นักลงทุนสามารถใช้งานได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์ (Windows, Mac) และมือถือ (iOS, Android)
นอกจากนี้ WNS Trade ยังมีแพลตฟอร์มการเทรดบนเว็บ (WebTrader) ที่สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องดาวน์โหลดโปรแกรม
4. มีบัญชีเดโมให้ทดลองใช้
นักลงทุนสามารถเปิดบัญชีเดโมเพื่อทดลองเทรดด้วยเงินเสมือนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ช่วยให้ทดสอบกลยุทธ์และทำความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มก่อนลงทุนจริง บัญชีเดโมมีอายุการใช้งาน 30 วัน
5. ฝาก-ถอนสะดวกสำหรับคนไทย
WNS Trade รองรับการฝากและถอนเงินผ่านช่องทางที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงวิธีการที่สะดวกสำหรับนักลงทุนชาวไทย เช่น:
- โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารไทย
- บัตรเครดิต/เดบิต Visa และ Mastercard
- E-Wallet: Skrill, Neteller
- การโอนเงินระหว่างประเทศผ่าน SWIFT
โดยทั่วไปการฝากเงินจะไม่มีค่าธรรมเนียม และเงินจะเข้าบัญชีภายใน 1-2 วันทำการ ส่วนการถอนเงินอาจมีค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับวิธีการถอน และใช้เวลาประมาณ 1-5 วันทำการ
6. บริการลูกค้าภาษาไทย
WNS Trade มีทีมสนับสนุนลูกค้าที่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ โดยให้บริการผ่านช่องทางต่างๆ เช่น Live Chat, อีเมล และโทรศัพท์ ในช่วงเวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ 8:00-18:00 น. (เวลาไทย)
ข้อเสียและความเสี่ยงของ WNS Trade
1. เป็นโบรกเกอร์ใหม่ที่ยังไม่มีประวัติยาวนาน
WNS Trade เพิ่งก่อตั้งในปี 2023 จึงยังไม่มีประวัติการดำเนินงานที่ยาวนานพอจะสร้างความน่าเชื่อถือ นักลงทุนควรระมัดระวังเนื่องจากโบรกเกอร์ใหม่มีความเสี่ยงที่จะปิดตัวลงหรือประสบปัญหาทางการเงินได้ง่ายกว่า
2. การกำกับดูแลไม่เข้มงวด
แม้จะอ้างว่าได้รับการกำกับดูแลโดย FSC มอริเชียส แต่หน่วยงานนี้ไม่ได้มีมาตรฐานการกำกับดูแลที่เข้มงวดเทียบเท่ากับ FCA หรือ ASIC นักลงทุนจึงอาจได้รับความคุ้มครองน้อยกว่าเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานชั้นนำ
3. ข้อมูลบริษัทและเจ้าของไม่ชัดเจน
เว็บไซต์ของ WNS Trade ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทและทีมผู้บริหารค่อนข้างน้อย ทำให้ยากที่จะตรวจสอบความน่าเชื่อถือและประวัติของผู้อยู่เบื้องหลังโบรกเกอร์นี้
4. รีวิวและความคิดเห็นจากผู้ใช้ยังมีน้อย
เนื่องจากเป็นโบรกเกอร์ใหม่ จึงยังมีรีวิวและความคิดเห็นจากผู้ใช้งานจริงไม่มากนัก ทำให้ยากที่จะประเมินคุณภาพการให้บริการและความน่าเชื่อถือในระยะยาว
5. ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและการถอนเงิน
โบรกเกอร์ขนาดเล็กและใหม่อย่าง WNS Trade อาจมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดปัญหาในการถอนเงินหรือการปิดบัญชีในอนาคต นักลงทุนควรระมัดระวังและไม่ควรฝากเงินจำนวนมากเกินไป
นอกจากนี้ ยังมีรายงานจากผู้ใช้บางรายว่าการถอนเงินอาจใช้เวลานานกว่าที่ระบุไว้ในเว็บไซต์ โดยเฉพาะเมื่อถอนเงินจำนวนมาก
ประเภทบัญชี WNS Trade
WNS Trade เสนอประเภทบัญชีให้เลือก 2 แบบ ดังนี้:
1. บัญชีมาตรฐาน (Standard Account)
- เหมาะสำหรับนักลงทุนทั่วไป
- ขนาดล็อตต่ำสุด: 0.01 lot
- สเปรดเริ่มต้นที่ 0.8 pips สำหรับ EUR/USD
- ไม่มีค่าคอมมิชชั่น
- มีค่าสว็อปสำหรับการถือครองข้ามคืน
- เลเวอเรจสูงสุด 1:500
2. บัญชีไม่มีสว็อป (Swap-Free Account)
- เหมาะสำหรับนักลงทุนมุสลิมหรือผู้ที่ต้องการถือครองระยะยาว
- ขนาดล็อตต่ำสุด: 0.01 lot
- สเปรดเริ่มต้นที่ 1.0 pips สำหรับ EUR/USD (สูงกว่าบัญชีมาตรฐานเล็กน้อย)
- ไม่มีค่าคอมมิชชั่น
- ไม่มีค่าสว็อปสำหรับการถือครองข้ามคืน
- เลเวอเรจสูงสุด 1:500
ทั้งสองประเภทบัญชีมีเงินฝากขั้นต่ำเริ่มต้นที่ $100
ภาพรวมจากการทดสอบโบรกเกอร์
จากการทดลองใช้งานแพลตฟอร์มของ WNS Trade พบว่า:
ความลื่นไหลในการเทรด
- แพลตฟอร์ม MT5 ทำงานได้อย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาการค้างหรือกระตุก
- การส่งคำสั่งซื้อขายทำได้รวดเร็ว โดยเฉลี่ยใช้เวลาน้อยกว่า 100 มิลลิวินาที
- กราฟราคามีความลื่นไหล อัพเดทแบบเรียลไทม์
Requotes (รีโควต)
- ในช่วงเวลาการซื้อขายปกติ แทบไม่พบปัญหารีโควต
- อาจพบปัญหารีโควตบ้างในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง เช่น ช่วงประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญ
กราฟค้างและการลากไส้เทียน
- ไม่พบปัญหากราฟค้างในช่วงเวลาปกติ
- อาจพบปัญหาการลากไส้เทียนบ้างในช่วงข่าวสำคัญหรือช่วงเปิดตลาด แต่ไม่บ่อยนัก
Slippage
- Slippage อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยเฉลี่ยไม่เกิน 1-2 pips
- อาจพบ Slippage สูงขึ้นในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนมาก
ระดับ Stop out
- ระดับ Stop out อยู่ที่ 30% ของมาร์จิ้น ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรม
การฝาก-ถอนเงิน WNS Trade
WNS Trade พยายามทำให้การฝากและถอนเงินเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วที่สุด โดยมีรายละเอียดดังนี้:
วิธีการฝากเงิน
- เข้าสู่ระบบบัญชี WNS Trade
- ไปที่เมนู “การเงิน” หรือ “ฝากเงิน”
- เลือกวิธีการฝากเงินที่ต้องการ
- กรอกจำนวนเงินที่ต้องการฝาก
- ทำตามขั้นตอนที่ระบุเพื่อยืนยันการฝากเงิน
วิธีการถอนเงิน
- เข้าสู่ระบบบัญชี WNS Trade
- ไปที่เมนู “การเงิน” หรือ “ถอนเงิน”
- เลือกวิธีการถอนเงินที่ต้องการ
- กรอกจำนวนเงินที่ต้องการถอน
- ยืนยันการถอนเงินตามขั้นตอนที่กำหนด
ความเร็วในการฝาก-ถอน
- การฝากเงินส่วนใหญ่จะเครดิตเข้าบัญชีทันทีหรือภายใน 1-2 ชั่วโมง
- การถอนเงินใช้เวลาประมาณ 1-5 วันทำการ ขึ้นอยู่กับวิธีการถอนและจำนวนเงิน
ค่าธรรมเนียมการฝาก-ถอน
- การฝากเงินส่วนใหญ่ไม่มีค่าธรรมเนียม
- การถอนเงินอาจมีค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับวิธีการถอน เช่น:
- ถอนผ่านบัตรเครดิต: 2.5% ของยอดถอน
- ถอนผ่าน Skrill หรือ Neteller: 1% ของยอดถอน
- ถอนผ่านการโอนเงินธนาคาร: ไม่มีค่าธรรมเนียมสำหรับการถอนครั้งแรกของเดือน หลังจากนั้นคิด $25 ต่อครั้ง
WNS Trade ติดต่อเจ้าหน้าที่
หากมีปัญหาหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้งาน สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ WNS Trade ได้ผ่านช่องทางต่อไปนี้:
- Live Chat: บนเว็บไซต์ WNS Trade (ตลอด 24 ชั่วโมง)
- อีเมล: support@wnstrade.com
- โทรศัพท์: +230 2149926 (จันทร์-ศุกร์ 8:00-18:00 น. เวลาไทย)
ทีมสนับสนุนลูกค้าของ WNS Trade สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนชาวไทยสามารถรับบริการได้สะดวกมากขึ้น
สรุป: WNS Trade ดีไหม ควรใช้บริการหรือไม่
WNS Trade เป็นโบรกเกอร์ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการต้นทุนการเทรดต่ำและเลเวอเรจสูง อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงหลายประการที่นักลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบ:
ข้อดี:
- ค่าสเปรดและค่าคอมมิชชั่นต่ำ
- เลเวอเรจสูงถึง 1:500
- แพลตฟอร์ม MT5 ที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพ
- มีบัญชีเดโมให้ทดลองใช้
- ฝาก-ถอนสะดวกสำหรับคนไทย
- มีบริการลูกค้าภาษาไทย
ข้อเสีย:
- เป็นโบรกเกอร์ใหม่ที่ยังไม่มีประวัติยาวนาน
- การกำกับดูแลไม่เข้มงวดเท่าโบรกเกอร์ชั้นนำ
- ข้อมูลบริษัทและเจ้าของไม่ชัดเจน
- รีวิวและความคิดเห็นจากผู้ใช้ยังมีน้อย
- อาจมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและการถอนเงินในอนาคต
สำหรับนักลงทุนมือใหม่หรือผู้ที่ต้องการความปลอดภัยสูง แนะนำให้เลือกใช้บริการโบรกเกอร์ที่มีประวัติยาวนานและได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานชั้นนำมากกว่า เช่น XM, Exness หรือ IG
อย่างไรก็ตาม หากต้องการทดลองใช้ WNS Trade ควรเริ่มต้นด้วยเงินลงทุนจำนวนน้อยก่อน และคอยติดตามสถานะของโบรกเกอร์อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ควรกระจายความเสี่ยงโดยไม่ฝากเงินทั้งหมดไว้ที่โบรกเกอร์เดียว
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเลือกใช้โบรกเกอร์ใด นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจความเสี่ยงของการเทรด Forex และ CFD อย่างถ่องแท้ก่อนลงทุนจริง เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีความเสี่ยงสูงและอาจสูญเสียเงินลงทุนได้อย่างรวดเร็ว การใช้บริการ WNS Trade หรือโบรกเกอร์ใดๆ ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินและความสามารถในการรับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล
FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง