Candlestick Pattern คือ อะไร มีอะไรบ้างละเอียดที่สุด

IUX Markets Bonus

ความหมายของ Candlestick Pattern

Candlestick Pattern คือรูปแบบที่เกิดจากการจัดเรียงตัวของแท่งเทียนบนกราฟราคา โดยแต่ละแท่งเทียนแสดงข้อมูลราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่งๆ รูปแบบเหล่านี้สามารถบ่งบอกถึงแนวโน้มของตลาด จุดกลับตัว หรือช่วงที่ตลาดอยู่ในภาวะไม่แน่นอนได้

Candlestick Pattern หรือรูปแบบแท่งเทียน เป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในตลาดการเงิน ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ฟอเร็กซ์ หรือคริปโตเคอร์เรนซี่ รูปแบบแท่งเทียนสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับจิตวิทยาตลาดและแนวโน้มราคาในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้ เราจะอธิบายถึงความหมาย ประวัติ และรูปแบบแท่งเทียนที่สำคัญต่างๆ อย่างละเอียด

2.Candlestick Pattern มีกี่แบบ
2.Candlestick Pattern มีกี่แบบ

ประวัติความเป็นมา

การใช้แท่งเทียนในการวิเคราะห์ตลาดมีรากฐานมาจากญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 18 โดยพ่อค้าข้าวชื่อ Munehisa Homma เป็นผู้ริเริ่มใช้วิธีนี้ในการวิเคราะห์ราคาข้าวในตลาด Dojima Rice Exchange ที่โอซาก้า อย่างไรก็ตาม การใช้แท่งเทียนในรูปแบบที่เราเห็นในปัจจุบันเริ่มแพร่หลายหลังจากปี 1850 เป็นต้นมา

ในช่วงทศวรรษ 1990 Steve Nison ได้นำเสนอการวิเคราะห์แบบแท่งเทียนให้เป็นที่รู้จักในโลกตะวันตก ทำให้เทคนิคนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่นักลงทุนและเทรดเดอร์ทั่วโลก

โครงสร้างของแท่งเทียน

ก่อนที่เราจะเจาะลึกลงไปในรูปแบบแท่งเทียนต่างๆ เราควรทำความเข้าใจกับโครงสร้างพื้นฐานของแท่งเทียนก่อน:

2.Candlestick Chart
2.Candlestick Chart
  1. ตัวแท่ง (Body): ส่วนหลักของแท่งเทียนที่แสดงความแตกต่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิด
    • แท่งสีเขียว/ขาว: ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด (ขาขึ้น)
    • แท่งสีแดง/ดำ: ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด (ขาลง)
  2. ไส้เทียนบน (Upper Shadow/Wick): เส้นบางๆ ที่ยื่นขึ้นไปจากตัวแท่ง แสดงราคาสูงสุดในช่วงเวลานั้น
  3. ไส้เทียนล่าง (Lower Shadow/Wick): เส้นบางๆ ที่ยื่นลงมาจากตัวแท่ง แสดงราคาต่ำสุดในช่วงเวลานั้น

รูปแบบแท่งเทียนที่สำคัญ

ต่อไปนี้เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่พบบ่อยและมีความสำคัญในการวิเคราะห์ตลาด:

1. Doji

HFM Market Promotion

Doji เป็นแท่งเทียนที่มีราคาเปิดและราคาปิดใกล้เคียงกันมาก ทำให้ตัวแท่งมีขนาดเล็กมากหรือแทบไม่มีเลย Doji บ่งบอกถึงความไม่แน่นอนในตลาดและอาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงทิศทาง

ประเภทของ Doji
ประเภทของ Doji

มีหลายประเภทของ Doji:

  • Standard Doji: มีไส้เทียนบนและล่างยาวพอๆ กัน
  • Long-legged Doji: มีไส้เทียนบนและล่างยาวมาก แสดงถึงความผันผวนสูง
  • Dragonfly Doji: มีไส้เทียนล่างยาว แต่ไม่มีไส้เทียนบน
  • Gravestone Doji: มีไส้เทียนบนยาว แต่ไม่มีไส้เทียนล่าง

2. Hammer และ Hanging Man

Hammer เป็นแท่งเทียนที่มีตัวแท่งเล็กอยู่ด้านบนและมีไส้เทียนล่างยาว มักพบในช่วงท้ายของแนวโน้มขาลงและอาจบ่งชี้ถึงการกลับตัวขึ้น

Hanging Man มีลักษณะคล้าย Hammer แต่พบในช่วงท้ายของแนวโน้มขาขึ้น และอาจบ่งชี้ถึงการกลับตัวลง

รูปแบบแท่งเทียน Hammer และ Hanging Man
รูปแบบแท่งเทียน Hammer และ Hanging Man

3. Engulfing Patterns

Bullish Engulfing: เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนขาขึ้น (สีเขียว/ขาว) ครอบคลุมแท่งเทียนขาลง (สีแดง/ดำ) ก่อนหน้าทั้งหมด บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงจากแนวโน้มขาลงเป็นขาขึ้น

Bearish Engulfing: ตรงกันข้ามกับ Bullish Engulfing โดยแท่งเทียนขาลงครอบคลุมแท่งเทียนขาขึ้นก่อนหน้า บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงจากแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลง

ประเภท Engulfing
ประเภท Engulfing

4. Morning Star และ Evening Star

Morning Star เป็นรูปแบบกลับตัวขาขึ้นที่ประกอบด้วยแท่งเทียน 3 แท่ง:

  1. แท่งขาลงยาว
  2. แท่งเล็ก (อาจเป็น Doji)
  3. แท่งขาขึ้นยาว
Evening Star และ Morning Star
Evening Star และ Morning Star

Evening Star เป็นรูปแบบกลับตัวขาลงที่ตรงข้ามกับ Morning Star:

  1. แท่งขาขึ้นยาว
  2. แท่งเล็ก (อาจเป็น Doji)
  3. แท่งขาลงยาว

5. Harami

Bullish Harami: เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนขาขึ้นเล็กๆ เกิดขึ้นภายในขอบเขตของแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ก่อนหน้า อาจบ่งชี้ถึงการกลับตัวขาขึ้น

Bearish Harami: ตรงกันข้ามกับ Bullish Harami โดยแท่งเทียนขาลงเล็กๆ เกิดขึ้นภายในขอบเขตของแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ก่อนหน้า อาจบ่งชี้ถึงการกลับตัวขาลง

Bullish Harami และ Bearish Harami
Bullish Harami และ Bearish Harami

6. Shooting Star

Shooting Star มีลักษณะคล้ายกับ Inverted Hammer แต่เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น มีตัวแท่งเล็กอยู่ด้านล่างและไส้เทียนบนยาว บ่งชี้ถึงแรงขายที่เข้ามาและอาจนำไปสู่การกลับตัวลง

Shooting Star
Shooting Star

7. Three White Soldiers และ Three Black Crows

Three White Soldiers: ประกอบด้วยแท่งเทียนขาขึ้น (สีเขียว/ขาว) 3 แท่งติดต่อกัน โดยแต่ละแท่งเปิดภายในตัวแท่งก่อนหน้าและปิดสูงกว่าจุดสูงสุดของแท่งก่อนหน้า บ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง

Three Black Crows: ตรงกันข้ามกับ Three White Soldiers โดยประกอบด้วยแท่งเทียนขาลง (สีแดง/ดำ) 3 แท่งติดต่อกัน บ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลงที่แข็งแกร่ง

Three White Soldiers และ Three Black Crows
Three White Soldiers และ Three Black Crows

8. Piercing Line และ Dark Cloud Cover

Piercing Line: เป็นรูปแบบกลับตัวขาขึ้นที่ประกอบด้วยแท่งเทียนขาลงตามด้วยแท่งเทียนขาขึ้นที่เปิดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งก่อนหน้าและปิดสูงกว่าจุดกึ่งกลางของแท่งก่อนหน้า

Dark Cloud Cover: เป็นรูปแบบกลับตัวขาลงที่ตรงข้ามกับ Piercing Line โดยประกอบด้วยแท่งเทียนขาขึ้นตามด้วยแท่งเทียนขาลงที่เปิดสูงกว่าจุดสูงสุดของแท่งก่อนหน้าและปิดต่ำกว่าจุดกึ่งกลางของแท่งก่อนหน้า

Piercing Line และ Dark Cloud Cover
Piercing Line และ Dark Cloud Cover

9. Marubozu

Marubozu เป็นแท่งเทียนที่ไม่มีไส้เทียนเลย (หรือมีน้อยมาก) แสดงถึงการควบคุมตลาดอย่างเต็มที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

Bullish Marubozu: แท่งเทียนขาขึ้นที่ไม่มีไส้เทียน แสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง

Bearish Marubozu: แท่งเทียนขาลงที่ไม่มีไส้เทียน แสดงถึงแรงขายที่แข็งแกร่ง

Marubozu
Marubozu

10. Spinning Top

Spinning Top เป็นแท่งเทียนที่มีตัวแท่งเล็กและมีไส้เทียนบนและล่างยาวพอๆ กัน แสดงถึงภาวะไม่แน่นอนในตลาด เมื่อทั้งผู้ซื้อและผู้ขายไม่สามารถควบคุมทิศทางของราคาได้อย่างชัดเจน

Spining Top
Spining Top

11. Tweezer Tops และ Tweezer Bottoms

Tweezer Tops: เกิดขึ้นเมื่อมีแท่งเทียนสองแท่งที่มีจุดสูงสุดเท่ากันหรือใกล้เคียงกันมาก มักพบในช่วงท้ายของแนวโน้มขาขึ้นและอาจบ่งชี้ถึงการกลับตัวลง

Tweezer Bottoms: ตรงกันข้ามกับ Tweezer Tops โดยมีแท่งเทียนสองแท่งที่มีจุดต่ำสุดเท่ากันหรือใกล้เคียงกันมาก มักพบในช่วงท้ายของแนวโน้มขาลงและอาจบ่งชี้ถึงการกลับตัวขึ้น

Tweezer top และ Tweezers Bottom
Tweezer top และ Tweezers Bottom

12. Rising Three Methods และ Falling Three Methods

Rising Three Methods: เป็นรูปแบบต่อเนื่องขาขึ้นที่ประกอบด้วยแท่งเทียนขาขึ้นยาว ตามด้วยแท่งเทียนขาลงสั้นๆ 3 แท่ง และปิดท้ายด้วยแท่งเทียนขาขึ้นยาวอีกครั้ง

Falling Three Methods: เป็นรูปแบบต่อเนื่องขาลงที่ตรงข้ามกับ Rising Three Methods โดยประกอบด้วยแท่งเทียนขาลงยาว ตามด้วยแท่งเทียนขาขึ้นสั้นๆ 3 แท่ง และปิดท้ายด้วยแท่งเทียนขาลงยาวอีกครั้ง

Rising Three Methods และ Falling Three Methods
Rising Three Methods และ Falling Three Methods

การใช้งาน Candlestick Pattern ในการวิเคราะห์ตลาด

การใช้ Candlestick Pattern ในการวิเคราะห์ตลาดนั้นต้องอาศัยความเข้าใจในหลักการพื้นฐานและการฝึกฝน ต่อไปนี้เป็นแนวทางในการใช้งาน:

  1. ศึกษาบริบทของตลาด: รูปแบบแท่งเทียนจะมีความหมายมากขึ้นเมื่อพิจารณาร่วมกับแนวโน้มปัจจุบันของตลาด ระดับแนวรับแนวต้าน และปัจจัยอื่นๆ
  2. ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ: เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages), ดัชนีกำลังสัมพัทธ์ (RSI), หรือ MACD เพื่อยืนยันสัญญาณ
  3. พิจารณาปริมาณการซื้อขาย: ปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้นพร้อมกับการเกิดรูปแบบแท่งเทียนสำคัญอาจเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณ
  4. ใช้หลายกรอบเวลา: การวิเคราะห์รูปแบบแท่งเทียนในหลายกรอบเวลา (เช่น รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน) จะช่วยให้เห็นภาพรวมของตลาดได้ชัดเจนขึ้น
  5. รอการยืนยัน: ไม่ควรตัดสินใจซื้อขายทันทีที่เห็นรูปแบบแท่งเทียน ควรรอดูพฤติกรรมราคาในช่วงถัดไปเพื่อยืนยันสัญญาณ

ข้อควรระวังในการใช้ Candlestick Pattern

แม้ว่า Candlestick Pattern จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ตลาด แต่ก็มีข้อควรระวังดังนี้:

  1. ไม่ควรใช้เพียงอย่างเดียว: Candlestick Pattern ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ และการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
  2. ความน่าเชื่อถือแตกต่างกัน: บางรูปแบบอาจมีความน่าเชื่อถือมากกว่ารูปแบบอื่นๆ ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดและปัจจัยอื่นๆ
  3. ความซับซ้อน: บางรูปแบบอาจซับซ้อนและยากต่อการระบุ โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่
  4. ความล่าช้าของสัญญาณ: บางครั้งรูปแบบแท่งเทียนอาจให้สัญญาณหลังจากที่ราคาเคลื่อนไหวไปแล้ว
  5. ความเสี่ยงของการตีความผิด: การตีความรูปแบบแท่งเทียนอย่างไม่ถูกต้องอาจนำไปสู่การตัดสินใจลงทุนที่ผิดพลาด

การพัฒนาทักษะในการใช้ Candlestick Pattern

การพัฒนาทักษะในการใช้ Candlestick Pattern ต้องอาศัยเวลาและความพยายาม ต่อไปนี้เป็นแนวทางในการพัฒนาทักษะ:

  1. ศึกษาอย่างต่อเนื่อง: เรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบแท่งเทียนใหม่ๆ และทฤษฎีที่เกี่ยวข้องอยู่เสมอ
  2. ฝึกฝนบนกราฟจริง: ใช้เวลาในการวิเคราะห์กราฟราคาจริงและพยายามระบุรูปแบบแท่งเทียนต่างๆ
  3. ใช้บัญชีทดลอง: ทดลองใช้กลยุทธ์การเทรดบนบัญชีทดลองก่อนที่จะใช้เงินจริง
  4. จดบันทึกและวิเคราะห์: บันทึกการวิเคราะห์และผลลัพธ์ของการเทรด เพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์และปรับปรุงกลยุทธ์
  5. เข้าร่วมชุมชนนักเทรด: แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเรียนรู้จากนักเทรดคนอื่นๆ ในชุมชนออนไลน์หรือการสัมมนา

สรุป

Candlestick Pattern เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการวิเคราะห์ตลาดการเงิน ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับจิตวิทยาตลาดและแนวโน้มราคาในอนาคต การเข้าใจรูปแบบแท่งเทียนต่างๆ และวิธีการใช้งานอย่างถูกต้องสามารถช่วยให้นักลงทุนและเทรดเดอร์ตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องใช้ Candlestick Pattern ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ และไม่ควรพึ่งพาเพียงอย่างเดียว การพัฒนาทักษะในการใช้ Candlestick Pattern ต้องอาศัยการฝึกฝนและประสบการณ์ ผู้ที่สามารถใช้เครื่องมือนี้ได้อย่างชำนาญจะมีข้อได้เปรียบในการวิเคราะห์และคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

ท้ายที่สุด การใช้ Candlestick Pattern ควรเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลงทุนที่ครอบคลุม ซึ่งรวมถึงการจัดการความเสี่ยง การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน และการติดตามข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาด ด้วยการผสมผสานเครื่องมือและความรู้ต่างๆ เข้าด้วยกัน นักลงทุนจะสามารถเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในตลาดการเงินที่มีความผันผวนและท้าทายได้

อ้างอิง

  1. Wikipedia. (2024). Candlestick pattern. Retrieved from https://en.wikipedia.org/wiki/Candlestick_pattern
  2. Investopedia. (2024). 5 Most Powerful Candlestick Patterns. Retrieved from https://www.investopedia.com/articles/active-trading/092315/5-most-powerful-candlestick-patterns.asp
  3. Morpher. (2024). Candlestick Patterns: The Updated Guide (2024). Retrieved from https://www.morpher.com/blog/candlestick-patterns
  4. Nison, S. (1991). Japanese Candlestick Charting Techniques: A Contemporary Guide to the Ancient Investment Techniques of the Far East. New York: New York Institute of Finance.
  5. Morris, G. L. (2006). Candlestick Charting Explained: Timeless Techniques for Trading Stocks and Futures. McGraw-Hill Education.
  6. Bulkowski, T. N. (2008). Encyclopedia of Candlestick Charts. John Wiley & Sons.
  7. Murphy, J. J. (1999). Technical Analysis of the Financial Markets: A Comprehensive Guide to Trading Methods and Applications. New York Institute of Finance.
  8. Pring, M. J. (2002). Technical Analysis Explained: The Successful Investor's Guide to Spotting Investment Trends and Turning Points. McGraw-Hill Education.
  9. Elder, A. (1993). Trading for a Living: Psychology, Trading Tactics, Money Management. John Wiley & Sons.
  10. Lee, C. M., & Swaminathan, B. (2000). Price Momentum and Trading Volume. The Journal of Finance, 55(5), 2017-2069.
  11. Lo, A. W., Mamaysky, H., & Wang, J. (2000). Foundations of Technical Analysis: Computational Algorithms, Statistical Inference, and Empirical Implementation. The Journal of Finance, 55(4), 1705-1765.
  12. Caginalp, G., & Laurent, H. (1998). The predictive power of price patterns. Applied Mathematical Finance, 5(3-4), 181-205.
FOREXDUCK Logo

FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง

HFM Promotion