วิธีการเทรด Forex เบื้องต้น ต้องมีอะไรบ้าง รู้อะไรบ้าง

IUX Markets Bonus

Forex หรือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันสูงถึง 7.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงและเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้ามาทำกำไรได้ อย่างไรก็ตาม การเทรด Forex ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน ดังนั้นก่อนเริ่มต้นเทรด ผู้ที่สนใจควรเรียนรู้พื้นฐานและองค์ประกอบสำคัญต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จและลดความเสี่ยงในการขาดทุน

Contents

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ Forex

Forex คืออะไร

Forex ย่อมาจาก Foreign Exchange Market หมายถึงตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นตลาดการเงินที่ไม่มีศูนย์กลาง (Decentralized) และมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ตั้งแต่วันจันทร์เวลา 5:00 น. ตามเวลา EST ไปจนถึงวันศุกร์เวลา 17:00 น. EST

วิธีการเทรด forex เบื้องต้น
วิธีการเทรด forex เบื้องต้น

คู่สกุลเงิน (Currency Pairs)

การเทรด Forex จะเป็นการซื้อขายคู่สกุลเงิน โดยแบ่งเป็น:

  • สกุลเงินหลัก (Major Pairs): คู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุด เช่น EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD
  • สกุลเงินรอง (Minor Pairs): คู่สกุลเงินที่ไม่มีดอลลาร์สหรัฐ เช่น EUR/GBP, EUR/JPY
  • คู่สกุลเงินแปลก (Exotic Pairs): คู่สกุลเงินที่มีสกุลเงินของประเทศกำลังพัฒนา เช่น USD/THB, EUR/TRY

Pip และ Point

Pip (Percentage in point) คือหน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงราคาที่เล็กที่สุดของคู่สกุลเงิน โดยทั่วไป 1 pip = 0.0001 สำหรับคู่สกุลเงินส่วนใหญ่ ยกเว้นคู่สกุลเงินที่มีเยนญี่ปุ่น (JPY) ซึ่ง 1 pip = 0.01

Bid, Ask และ Spread

  • Bid: ราคาที่โบรกเกอร์ยินดีซื้อสกุลเงินหลัก
  • Ask: ราคาที่โบรกเกอร์ยินดีขายสกุลเงินหลัก
  • Spread: ความแตกต่างระหว่างราคา Bid และ Ask ซึ่งเป็นต้นทุนในการเทรดของนักลงทุน

Leverage และ Margin

  • Leverage: การใช้เงินลงทุนจำนวนน้อยเพื่อควบคุมสถานะการเทรดขนาดใหญ่ เช่น leverage 1:100 หมายถึงใช้เงิน $1 ควบคุมสถานะขนาด $100
  • Margin: เงินประกันที่ต้องวางไว้เพื่อเปิดและรักษาสถานะการเทรด

Long และ Short Position

  • Long Position: การซื้อสกุลเงินหลักโดยคาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้น
  • Short Position: การขายสกุลเงินหลักโดยคาดว่าราคาจะลดลง

ขั้นตอนการเริ่มต้นเทรด Forex

ศึกษาและเลือกโบรกเกอร์

เลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือและได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ เช่น FCA, CySEC หรือ ASIC โดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น:

  • ค่าธรรมเนียมและสเปรด
  • แพลตฟอร์มการเทรดที่ใช้งานง่ายและมีเสถียรภาพ
  • คู่สกุลเงินและเครื่องมือการเทรดที่หลากหลาย
  • การฝากและถอนเงินที่สะดวกและรวดเร็ว
  • บริการลูกค้าที่มีคุณภาพ

เปิดบัญชีเทรด Forex

เมื่อเลือกโบรกเกอร์ได้แล้ว ให้ทำการเปิดบัญชีโดยกรอกข้อมูลส่วนตัวและทำการยืนยันตัวตนตามขั้นตอนของโบรกเกอร์

ฝากเงินเข้าบัญชี

HFM Market Promotion

ฝากเงินเข้าบัญชีเทรดตามจำนวนขั้นต่ำที่โบรกเกอร์กำหนด โดยเลือกวิธีการฝากเงินที่สะดวกและปลอดภัย

ทดลองเทรดด้วยบัญชีทดลอง (Demo Account)

ก่อนเริ่มเทรดด้วยเงินจริง ควรฝึกฝนการใช้งานแพลตฟอร์มและทดสอบกลยุทธ์การเทรดด้วยบัญชีทดลองก่อน เพื่อสร้างความคุ้นเคยและลดความเสี่ยงในการสูญเสียเงินจริง

Demo Xoh trader
Demo Xoh trader

วิเคราะห์ตลาดและเลือกคู่สกุลเงิน

ศึกษาและวิเคราะห์ตลาด Forex โดยใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อเลือกคู่สกุลเงินที่เหมาะสมสำหรับการเทรด

วางแผนการเทรดและจัดการความเสี่ยง

กำหนดกลยุทธ์การเทรด เป้าหมายกำไร และการจัดการความเสี่ยง โดยใช้คำสั่ง Stop Loss และ Take Profit เพื่อจำกัดการขาดทุนและปกป้องกำไร

เปิดสถานะการเทรด

เมื่อพร้อมแล้ว ให้เปิดสถานะการเทรดตามแผนที่วางไว้ โดยระบุขนาดล็อต (Lot Size) และใส่คำสั่ง Stop Loss และ Take Profit

ติดตามและปรับแต่งสถานะ

ติดตามสถานะการเทรดอย่างสม่ำเสมอ และปรับแต่งตามสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลง

ปิดสถานะและวิเคราะห์ผลการเทรด

เมื่อราคาถึงจุด Take Profit หรือ Stop Loss ให้ปิดสถานะการเทรด จากนั้นวิเคราะห์ผลการเทรดเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ในครั้งต่อไป

กลยุทธ์การเทรด Forex เบื้องต้น

Scalping

เป็นการเทรดระยะสั้นมาก โดยเปิดและปิดสถานะภายในไม่กี่นาทีหรือวินาที เพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาเพียงเล็กน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่สามารถอุทิศเวลาให้กับการเทรดได้มาก และมีความสามารถในการวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างรวดเร็ว

mindmap การเทรด กลยุทธ์
mindmap การเทรด กลยุทธ์

Day Trading

เป็นการเปิดและปิดสถานะภายในวันเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมการถือครองข้ามคืน (Overnight Fee) เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาติดตามตลาดในระหว่างวัน แต่ไม่ต้องการเทรดที่รวดเร็วเท่า Scalping

Swing Trading

เป็นการถือครองสถานะเป็นเวลาหลายวันหรือสัปดาห์ โดยมีเป้าหมายซื้อที่จุดต่ำสุดของแนวโน้ม (Swing Low) และขายที่จุดสูงสุดของแนวโน้ม (Swing High) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสมดุลระหว่างการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิค

Position Trading

เป็นการถือครองสถานะในระยะยาว โดยไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงราคาในระยะสั้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเข้าใจในปัจจัยพื้นฐานของตลาดเป็นอย่างดี และมีความอดทนสูง

เครื่องมือและทรัพยากรสำหรับการเทรด Forex

แพลตฟอร์มการเทรด

เลือกใช้แพลตฟอร์มการเทรดที่มีเสถียรภาพและใช้งานง่าย เช่น MetaTrader 4, MetaTrader 5 หรือแพลตฟอร์มเฉพาะของโบรกเกอร์

เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค

ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคต่างๆ เช่น Moving Averages, RSI, MACD, Fibonacci Retracements เพื่อช่วยในการตัดสินใจเทรด

ปฏิทินเศรษฐกิจ (Economic Calendar)

ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อค่าเงิน

ปฏิทินข่าว forex factory คืออะไร
ปฏิทินข่าว forex factory คืออะไร

แอปพลิเคชันมือถือ

ใช้แอปพลิเคชันมือถือสำหรับการเทรดและติดตามตลาด เพื่อความสะดวกในการเทรดทุกที่ทุกเวลา

แหล่งข้อมูลและการเรียนรู้

ศึกษาข้อมูลและเรียนรู้เพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น บทความ วิดีโอสอน และหลักสูตรออนไลน์

การจัดการความเสี่ยงในการเทรด Forex

กำหนดความเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้ง

ไม่ควรเสี่ยงเกิน 1-2% ของเงินทุนทั้งหมดในการเทรดแต่ละครั้ง เพื่อป้องกันการสูญเสียเงินทุนอย่างรวดเร็ว

ใช้คำสั่ง Stop Loss และ Take Profit

ตั้งคำสั่ง Stop Loss เพื่อจำกัดการขาดทุนสูงสุดที่ยอมรับได้ และตั้งคำสั่ง Take Profit เพื่อปิดกำไรเมื่อราคาถึงเป้าหมาย

กระจายความเสี่ยง

ไม่ควรลงทุนทั้งหมดในคู่สกุลเงินเดียวหรือกลยุทธ์เดียว ควรกระจายการลงทุนในหลายคู่สกุลเงินและใช้หลายกลยุทธ์

จำกัดการใช้ Leverage

ใช้ Leverage อย่างระมัดระวังและเหมาะสมกับประสบการณ์และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ การใช้ Leverage สูงเกินไปอาจนำไปสู่การขาดทุนอย่างรวดเร็ว

Leverage คืออะไร
Leverage คืออะไร

ทดสอบกลยุทธ์

ใช้บัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อทดสอบกลยุทธ์ก่อนใช้เงินจริง ทำให้สามารถปรับปรุงกลยุทธ์โดยไม่มีความเสี่ยงทางการเงิน

ศึกษาอย่างต่อเนื่อง

ติดตามข่าวสารและพัฒนาความรู้เกี่ยวกับตลาด Forex อยู่เสมอ เพื่อปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด

เคล็ดลับสำหรับผู้เริ่มต้นเทรด Forex

  1. เริ่มต้นอย่างช้าๆ: ไม่ต้องรีบร้อนเทรดด้วยเงินจำนวนมาก เริ่มต้นด้วยเงินทุนน้อยๆ และค่อยๆ เพิ่มขึ้นเมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น
  2. ควบคุมอารมณ์: อย่าให้อารมณ์มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเทรด ยึดมั่นในแผนการเทรดและการจัดการความเสี่ยงที่วางไว้
  3. ใช้การวิเคราะห์ที่หลากหลาย: ผสมผสานการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อให้ได้มุมมองที่รอบด้าน
  4. จดบันทึกการเทรด: ทำบันทึกการเทรดทุกครั้ง เพื่อวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนในการเทรดของคุณ
  5. ไม่ใช้เงินที่ไม่สามารถสูญเสียได้: เทรด Forex ด้วยเงินที่คุณสามารถสูญเสียได้โดยไม่กระทบต่อชีวิตประจำวัน
  6. ระวังการ Overtrading: อย่าเทรดมากเกินไปเพียงเพราะตลาดเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ควรมีวินัยและเทรดตามแผนที่วางไว้
  7. เรียนรู้จากความผิดพลาด: ทุกการขาดทุนคือบทเรียน วิเคราะห์ความผิดพลาดและใช้มันเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์การเทรด
  8. ติดตามข่าวสาร: ข่าวสารเศรษฐกิจและการเมืองสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาด Forex ติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ
  9. ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือการเทรด: ใช้เครื่องมือวิเคราะห์และการแจ้งเตือนที่มีในแพลตฟอร์มการเทรดให้เกิดประโยชน์สูงสุด
  10. มีความอดทน: ความสำเร็จในการเทรด Forex ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะ

การวิเคราะห์ตลาด Forex

การวิเคราะห์ตลาด Forex เป็นทักษะสำคัญที่นักเทรดต้องพัฒนา โดยทั่วไปแล้วมีวิธีการวิเคราะห์หลัก 3 ประเภท:

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเกี่ยวข้องกับการศึกษาปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมที่อาจส่งผลต่อค่าเงิน ตัวอย่างปัจจัยที่ควรพิจารณา:

  • อัตราดอกเบี้ย
  • อัตราเงินเฟ้อ
  • ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)
  • อัตราการว่างงาน
  • นโยบายการเงินของธนาคารกลาง
  • เสถียรภาพทางการเมือง

การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)

การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นการศึกษาราคาในอดีตและปัจจุบันเพื่อคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต โดยใช้เครื่องมือและตัวบ่งชี้ต่างๆ เช่น:

  • แนวรับและแนวต้าน
  • เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages)
  • ตัวบ่งชี้ Relative Strength Index (RSI)
  • ตัวบ่งชี้ Moving Average Convergence Divergence (MACD)
  • รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns)

การวิเคราะห์ความรู้สึกตลาด (Sentiment Analysis)

การวิเคราะห์ความรู้สึกตลาดเป็นการพิจารณาอารมณ์และความคิดเห็นของนักลงทุนในตลาด สามารถประเมินได้จาก:

  • ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
  • รายงาน Commitment of Traders (COT)
  • การสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์
  • ความเคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดีย

ตัวอย่างการเทรด Forex

เพื่อให้เข้าใจกระบวนการเทรด Forex มากขึ้น ลองดูตัวอย่างการเทรดต่อไปนี้:

ตัวอย่างที่ 1: การเทรด EUR/USD

สมมติว่าคู่สกุลเงิน EUR/USD กำลังซื้อขายที่ 1.1200 (1 ยูโรเท่ากับ 1.1200 ดอลลาร์สหรัฐ)

  1. คุณคิดว่ายูโรจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
  2. คุณตัดสินใจซื้อ (go long) 1 ล็อตมาตรฐาน (100,000 ยูโร) ที่ราคา 1.1200
  3. หลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์ EUR/USD เพิ่มขึ้นเป็น 1.1300
  4. คุณตัดสินใจปิดสถานะที่ราคานี้

การคำนวณกำไร:

  • การเปลี่ยนแปลงของราคา: 1.1300 – 1.1200 = 0.0100
  • กำไร: 0.0100 x 100,000 = 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ตัวอย่างที่ 2: การเทรด USD/JPY

สมมติว่าคู่สกุลเงิน USD/JPY กำลังซื้อขายที่ 110.50 (1 ดอลลาร์สหรัฐเท่ากับ 110.50 เยน)

  1. คุณคิดว่าดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน
  2. คุณตัดสินใจขาย (go short) 1 มินิล็อต (10,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ที่ราคา 110.50
  3. หลังจากผ่านไป 2 วัน USD/JPY ลดลงเป็น 109.50
  4. คุณตัดสินใจปิดสถานะที่ราคานี้

การคำนวณกำไร:

  • การเปลี่ยนแปลงของราคา: 110.50 – 109.50 = 1.00
  • กำไร: 1.00 x 10,000 = 10,000 เยน (ประมาณ 91.32 ดอลลาร์สหรัฐที่อัตราแลกเปลี่ยน 109.50)

เทคนิคการจัดการความเสี่ยงขั้นสูง

นอกเหนือจากการใช้ Stop Loss และ Take Profit แล้ว ยังมีเทคนิคการจัดการความเสี่ยงขั้นสูงที่นักเทรดควรรู้:

Hedging Strategies
Hedging Strategies

1. การใช้ Trailing Stop

Trailing Stop เป็นคำสั่ง Stop Loss ที่เคลื่อนที่ตามราคาตลาด ช่วยให้คุณสามารถปกป้องกำไรที่มีอยู่ขณะที่ยังคงเปิดโอกาสให้กำไรเพิ่มขึ้นได้

2. การใช้ Hedging

Hedging เป็นการเปิดสถานะตรงข้ามกับสถานะที่มีอยู่เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่พึงประสงค์

3. การกระจายความเสี่ยงระหว่างคู่สกุลเงิน

การเทรดหลายคู่สกุลเงินที่มีความสัมพันธ์กันน้อยช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป

4. การใช้ Options เพื่อป้องกันความเสี่ยง

การซื้อ Forex Options สามารถช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลงในขณะที่ยังคงมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาที่เป็นประโยชน์

การพัฒนาแผนการเทรด Forex

การมีแผนการเทรดที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จในระยะยาว แผนการเทรดควรประกอบด้วย:

  1. เป้าหมายการเทรด: กำหนดเป้าหมายทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่ชัดเจนและวัดผลได้
  2. ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้: กำหนดจำนวนเงินสูงสุดที่คุณพร้อมจะเสี่ยงในแต่ละการเทรดและในแต่ละวัน
  3. กลยุทธ์การเข้าและออกจากตลาด: ระบุเงื่อนไขที่จะทำให้คุณเข้าและออกจากการเทรด
  4. การจัดการเงินทุน: กำหนดวิธีการจัดสรรเงินทุนสำหรับแต่ละการเทรด
  5. เวลาในการเทรด: ระบุช่วงเวลาที่คุณจะทำการเทรดและติดตามตลาด
  6. การบันทึกและการทบทวน: วางแผนวิธีการบันทึกและวิเคราะห์ผลการเทรดของคุณ

สรุป

การเทรด Forex เป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย การประสบความสำเร็จต้องอาศัยความรู้ ทักษะ และวินัยที่ดี เริ่มต้นด้วยการศึกษาอย่างละเอียด ฝึกฝนด้วยบัญชีทดลอง และค่อยๆ พัฒนาประสบการณ์ของคุณ อย่าลืมว่าการจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และควรเทรดด้วยเงินที่คุณสามารถสูญเสียได้เท่านั้น

ด้วยความอดทน การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และการปรับตัวตามสภาวะตลาด คุณจะสามารถพัฒนาทักษะการเทรด Forex และเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในตลาดที่น่าตื่นเต้นนี้

FOREXDUCK Logo

FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง

HFM Promotion