
ผู้ให้บริการที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับนักเทรดชาวไทย TradingView โบรกเกอร์ไทย ดีไหม? ด้วยการเติบโตของตลาดฟอเร็กซ์ในประเทศไทยที่ก้าวกระโดด ทำให้แพลตฟอร์มกราฟและโบรกเกอร์จากต่างประเทศรายใหญ่ เริ่มเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยมากขึ้น
ซึ่งนั่นรวมไปถึง TradingView ที่เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มกราฟที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก มีผู้ใช้งานมากกว่า 100 ล้านคนจาก 200+ ประเทศทั่วโลก และมีการเชื่อมต่อกับโบรกเกอร์ชั้นนำกว่า 80 แห่ง ทำให้นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงตลาดการเงินโลกได้อย่างง่ายดาย วันนี้เราจะมาดูกันว่า โบรกเกอร์ที่เชื่อมต่อกับ TradingView ในไทยมีข้อดีข้อเสียอย่างไร
TradingView โบรกเกอร์ไทย คือ อะไร?
เมื่อมีการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ TradingView หรือโบรกเกอร์ที่รองรับในไทย หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงมีความนิยมสูงขนาดนี้ TradingView เป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์กราฟทางเทคนิคที่ทรงพลังที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ที่ผสมผสานระหว่างเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคระดับโลกและคุณสมบัติโซเชียลมีเดียเข้าด้วยกัน เปิดให้นักลงทุนแชร์ไอเดียการเทรดและเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก
โบรกเกอร์ในไทยที่รองรับการเชื่อมต่อกับ TradingView มักเป็นโบรกเกอร์ระดับโลกที่มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย และได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานกำกับดูแลที่น่าเชื่อถือ ทำให้นักลงทุนไทยสามารถเทรดได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย
สำหรับในปัจจุบันนักลงทุนไทยที่ใช้ TradingView สามารถเลือกใช้บริการกับโบรกเกอร์ได้หลากหลาย โดยมี โบรกเกอร์ชั้นนำระดับโลกหลายแห่งที่ให้บริการภาษาไทย และรองรับการฝาก-ถอนผ่านธนาคารไทยโดยตรง
TradingView โบรกเกอร์ไทย ดีไหม
ผู้ให้บริการซื้อขาย CFD หรือ Forex ที่เชื่อมต่อกับ TradingView นั้น แต่ละโบรกเกอร์มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป โดยเราได้รวบรวมจุดเด่นและข้อเสียเปรียบที่ช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจเกี่ยวกับการไว้ใจในการลงทุนได้มากขึ้น ซึ่งจะสามารถแบ่งออกเป็นข้อดี และ ข้อเสียของ TradingView โบรกเกอร์ที่ให้บริการในไทยได้ดังนี้
ข้อดี TradingView โบรกเกอร์ไทย
ในส่วนของข้อดีของโบรกเกอร์ที่เชื่อมต่อกับ TradingView ในไทย มีจุดเด่นที่น่าสนใจพร้อมขอแนะนำด้วยกันหลายประการ โดยจะขอแบ่งออกเป็น 8 ข้อย่อยให้เข้าใจง่ายดังนี้
- ความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ – โบรกเกอร์ที่เชื่อมต่อกับ TradingView ส่วนใหญ่เป็นโบรกเกอร์ระดับโลกที่มีใบอนุญาตถูกต้องและได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานกำกับดูแลชั้นนำ เช่น FCA (อังกฤษ), ASIC (ออสเตรเลีย) และ CySEC (ไซปรัส)
- เงื่อนไขการเทรดที่เอื้อต่อเทรดเดอร์ไทย – ค่าสเปรดต่ำ, บางโบรกเกอร์ไม่มีค่าสว็อป, และบางแห่งไม่มีค่าคอมมิชชั่น ทำให้ต้นทุนการเทรดลดลงอย่างมาก
- โดดเด่นเรื่องแพลตฟอร์มวิเคราะห์กราฟ – TradingView ขึ้นชื่อเรื่องความสามารถด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิค มีอินดิเคเตอร์ให้เลือกใช้มากกว่า 100 ตัว และสามารถเขียนสคริปต์อินดิเคเตอร์เองได้ผ่าน Pine Script
- สร้างบัญชีการเทรดง่ายไม่กี่ขั้นตอน – กระบวนการเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ที่เชื่อมต่อกับ TradingView นั้นง่ายและรวดเร็ว สามารถทำได้ออนไลน์ทั้งหมด
- ผลิตภัณฑ์การเทรดที่หลากหลาย – สามารถเทรดได้หลากหลายประเภทสินทรัพย์ ทั้ง Forex, หุ้น, อนุพันธ์, สินค้าโภคภัณฑ์ และคริปโตเคอเรนซี
- ไม่มีค่าธรรมเนียมในการฝากเงิน – โบรกเกอร์หลายแห่งรองรับการฝากเงินผ่านธนาคารไทยโดยไม่มีค่าธรรมเนียม (ผ่านเว็บไซต์โดยตรงของโบรกเกอร์ ไม่ใช่ผ่าน TradingView)
- ฝากเงินสะดวก – สามารถฝากเงินได้หลากหลายช่องทางผ่านเว็บไซต์ของโบรกเกอร์โดยตรง รวมถึงบัตรเครดิต, โอนเงินผ่านธนาคารไทย, และช่องทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ
- ระบบการสนับสนุนช่วยเหลือเยี่ยม – โบรกเกอร์ชั้นนำหลายแห่งมีทีมงานสนับสนุนภาษาไทย พร้อมให้บริการผ่าน Live Chat, อีเมล และโทรศัพท์
ข้อเสีย TradingView โบรกเกอร์ไทย
เห็นข้อดีของโบรกเกอร์กันไปแล้ว ในหัวข้อนี้มาดูข้อเสียเปรียบหรือจุดด้อยของผู้ให้บริการรายนี้กันบ้าง ซึ่งได้แบ่งออกเป็นข้อย่อยง่ายๆ ด้วยกัน 5 ข้อดังนี้
- ค่าใช้จ่ายสูงสำหรับแพ็คเกจพรีเมียม – TradingView มีเวอร์ชันฟรีให้ใช้งาน แต่คุณสมบัติขั้นสูงและประโยชน์เต็มรูปแบบจะอยู่ในแพ็คเกจแบบเสียเงิน ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูงสำหรับนักลงทุนทั่วไป
- โปรโมชั่นสำหรับสมาชิกใหม่อาจมีเงื่อนไขสูง – โบรกเกอร์บางแห่งกำหนดเงินฝากขั้นต่ำสูงสำหรับการรับโบนัสหรือโปรโมชั่น ซึ่งอาจไม่เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ที่มีทุนน้อย
- การถอนเงินอาจมีค่าธรรมเนียมและใช้เวลานาน – แม้การฝากเงินจะสะดวก แต่การถอนเงินอาจมีค่าธรรมเนียมและใช้เวลาในการตรวจสอบและดำเนินการ
- บางโบรกเกอร์ยังไม่รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ – แม้จะมีฐานลูกค้าในไทยมาก แต่บางโบรกเกอร์ยังไม่มีเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มภาษาไทยที่สมบูรณ์
- ไม่สามารถฝากถอนเงินผ่าน TradingView โดยตรง – นักลงทุนไทยต้องฝากถอนเงินผ่านเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มของโบรกเกอร์โดยตรง ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน TradingView ได้ ทำให้ต้องสลับระหว่างแพลตฟอร์ม
ความน่าเชื่อถือของ TradingView โบรกเกอร์ไทย

อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นจุดเด่นของโบรกเกอร์ที่เชื่อมต่อกับ TradingView คือความน่าเชื่อถือ โดยส่วนใหญ่เป็นโบรกเกอร์ระดับโลกที่มีการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด โบรกเกอร์ชั้นนำที่รองรับ TradingView มักมีใบอนุญาตหลายใบ จากหน่วยงานกำกับดูแลที่มีชื่อเสียง ทำให้นักลงทุนไทยมั่นใจได้ในความปลอดภัยของเงินทุน
ปีที่ก่อตั้ง / อายุของการให้บริการ
TradingView ก่อตั้งเมื่อปี 2011 และเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์กราฟยอดนิยมทั่วโลก ปัจจุบันให้บริการมากกว่า 14 ปี และมีฐานผู้ใช้มากกว่า 100 ล้านคน ส่วนโบรกเกอร์ที่เชื่อมต่อกับ TradingView ส่วนใหญ่เป็นโบรกเกอร์ชั้นนำที่มีประวัติการให้บริการยาวนานกว่า 10-20 ปี
ใบอนุญาตและการกำกับดูแล
โบรกเกอร์ที่รองรับการเชื่อมต่อกับ TradingView ในไทยส่วนใหญ่ได้รับใบอนุญาตและการกำกับดูแลจากหน่วยงานชั้นนำระดับโลก เช่น:
- Financial Conduct Authority (FCA) – หน่วยงานกำกับดูแลจากสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานกำกับดูแลที่เข้มงวดที่สุดในโลก
- Australian Securities and Investments Commission (ASIC) – หน่วยงานกำกับดูแลจากออสเตรเลีย ซึ่งมีมาตรฐานการกำกับดูแลสูง
- Cyprus Securities and Exchange Commission (CySEC) – หน่วยงานกำกับดูแลจากไซปรัส ซึ่งเป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรม Forex และ CFD
- Financial Sector Conduct Authority (FSCA) – หน่วยงานกำกับดูแลจากแอฟริกาใต้
การที่โบรกเกอร์มีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลหลายแห่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้า
คะแนนจาก Trustpilot
ความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ยังสามารถวัดได้จากคะแนนรีวิวจากผู้ใช้จริง โบรกเกอร์ชั้นนำที่รองรับ TradingView ส่วนใหญ่มีคะแนนบน Trustpilot ตั้งแต่ 3.5-4.5 ดาว ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีมาก
ข่าวด้านการโกงหรือการตุกติก
เมื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับข่าวด้านการโกงหรือการตุกติกของโบรกเกอร์ที่รองรับ TradingView พบว่าส่วนใหญ่มีประวัติดีไม่มีประเด็นปัญหาร้ายแรง อย่างไรก็ตาม มีรายงานจากผู้ใช้บางรายเกี่ยวกับปัญหาในการถอนเงินหรือการสนับสนุนลูกค้า แต่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีทีมงานพร้อมแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างรวดเร็ว
โบรกเกอร์ไทยยอดนิยมที่รองรับ TradingView
จากข้อมูลล่าสุดปี 2025 มีโบรกเกอร์หลายแห่งที่ได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุนไทยและรองรับการเชื่อมต่อกับ TradingView โดยตรง ได้แก่:
- IG – โบรกเกอร์ระดับโลกที่ได้รับการจัดอันดับเป็นโบรกเกอร์ที่ดีที่สุดสำหรับ TradingView ในปี 2025 มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกเทรดมากกว่า 19,000 รายการ
- Interactive Brokers – ขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลายของตลาดที่เปิดให้เทรด รองรับการเทรดหุ้นทั่วโลก รวมถึง Forex, อนุพันธ์ และอื่นๆ
- Saxo – โดดเด่นด้านการวิจัยและความหลากหลายของตลาด มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกเทรดมากกว่า 40,000 รายการ
- FOREX.com – หนึ่งในโบรกเกอร์ Forex ชั้นนำที่มีประสบการณ์ยาวนาน ให้บริการครอบคลุมทั้ง Forex, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์ และคริปโตเคอเรนซี
- Pepperstone – เหมาะสำหรับการเทรดแบบ Copy Trading และรองรับแพลตฟอร์ม MetaTrader อีกด้วย
- XTB – ได้รับรางวัล “Best Stock Broker” ในปี 2023 จาก TradingView มีบริการภาษาไทยและรองรับการฝาก-ถอนผ่านธนาคารไทย
- Capital.com – โบรกเกอร์ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำและไม่มีค่าคอมมิชชั่น เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
- IC Markets – เหมาะสำหรับการเทรดแบบอัลกอริทึม มีสภาพคล่องสูงและค่าสเปรดต่ำ
ประเภทบัญชี TradingView โบรกเกอร์

การใช้งาน TradingView สามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ แพ็คเกจของ TradingView เอง และประเภทบัญชีของโบรกเกอร์ที่คุณเลือกใช้
แพ็คเกจของ TradingView
TradingView มีแพ็คเกจให้เลือกใช้ 4 ระดับ:
- Basic (ฟรี) – เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น มีข้อจำกัดด้านจำนวนอินดิเคเตอร์ การตั้งค่าแจ้งเตือน และการบันทึกเทมเพลตกราฟ
- Essential – เริ่มต้นที่ $14.95 ต่อเดือน มีคุณสมบัติเพิ่มเติมเช่น การตั้งค่าแจ้งเตือนไม่จำกัด และไม่มีโฆษณา
- Plus – เริ่มต้นที่ $29.95 ต่อเดือน ได้รับอินดิเคเตอร์เพิ่มเติมและช่วงเวลาที่กำหนดเอง
- Premium – เริ่มต้นที่ $59.95 ต่อเดือน รองรับทุกคุณสมบัติขั้นสูง รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์
ประเภทบัญชีของโบรกเกอร์
โบรกเกอร์แต่ละแห่งมีประเภทบัญชีที่แตกต่างกัน แต่โดยทั่วไปสามารถแบ่งได้เป็น:
บัญชีมาตรฐาน (Standard)
- ซื้อขายได้ทุกผลิตภัณฑ์ที่โบรกเกอร์ให้บริการ
- เลเวอเรจขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละโบรกเกอร์ (บางแห่งสูงถึง 1:500)
- ค่าสเปรดขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ (ตั้งแต่ 0.5 Pips ขึ้นไป)
- สามารถเปิดออเดอร์ขนาดเล็กได้ (เริ่มต้นที่ 0.01 ล็อต)
- บางโบรกเกอร์ไม่มีค่าคอมมิชชั่น
- อาจมีค่าสว็อปในกรณีถือออเดอร์ข้ามคืน
บัญชีพรีเมียม/โปร (Premium/Pro)
- เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพหรือผู้ที่มีปริมาณการเทรดสูง
- ค่าสเปรดต่ำกว่าบัญชีมาตรฐาน
- อาจมีค่าคอมมิชชั่นต่อออเดอร์
- ได้รับบริการพิเศษ เช่น ที่ปรึกษาส่วนตัว หรือเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง
- อาจมีเงื่อนไขเงินฝากขั้นต่ำสูงกว่า
บัญชีอิสลาม/ฟรีสว็อป (Islamic/Swap-Free)
- ออกแบบมาเพื่อรองรับหลักการทางศาสนาอิสลาม
- ไม่มีค่าสว็อปในการถือออเดอร์ข้ามคืน
- ค่าสเปรดอาจสูงกว่าบัญชีมาตรฐานเล็กน้อย
ภาพรวมจากการทดสอบโบรกเกอร์
สำหรับการเทรดผ่าน TradingView จุดเด่นที่สุดคือความสามารถในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ทรงพลัง กราฟของ TradingView ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกราฟที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม มีความลื่นไหล ใช้งานง่าย และมีเครื่องมือวิเคราะห์มากมาย
ความลื่นไหลในการเทรด
การเทรดผ่าน TradingView มีความลื่นไหลสูง กราฟมีการอัพเดทแบบเรียลไทม์ และการส่งคำสั่งซื้อขายทำได้รวดเร็ว แท่งเทียนและอินดิเคเตอร์มีความแม่นยำ ช่วยให้นักเทรดสามารถวิเคราะห์และตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Requotes (รีโควต) บ่อยไหม
ปัญหาการรีโควตขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ที่คุณเลือกใช้มากกว่าตัว TradingView เอง โบรกเกอร์ชั้นนำที่รองรับ TradingView ส่วนใหญ่มีอัตราการรีโควตต่ำ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ตลาดมีสภาพคล่องปกติ อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่มีการประกาศข่าวสำคัญหรือตลาดมีความผันผวนสูง อาจพบการรีโควตได้บ้าง
กราฟค้างบ่อยไหม
ปัญหากราฟค้างบน TradingView พบได้น้อยมาก เว้นแต่ในกรณีที่มีปัญหาจากการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือเซิร์ฟเวอร์ของ TradingView มีปัญหา ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แม้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง TradingView ยังคงสามารถรองรับการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Slippage บ่อยไหม
Slippage หรือการลื่นไหลของราคาจากที่ส่งคำสั่งจนถึงการเข้าซื้อขายจริง ขึ้นอยู่กับสภาพคล่องและนโยบายการดำเนินการของโบรกเกอร์ โบรกเกอร์ชั้นนำที่เชื่อมต่อกับ TradingView มักมีอัตรา Slippage ต่ำในช่วงเวลาปกติ แต่อาจเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีข่าวสำคัญหรือตลาดมีความผันผวนสูง ดังนั้นจึงควรระมัดระวังในช่วงที่มีการประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญ
ระดับ Stop out
ระดับ Stop out หรือจุดที่ระบบจะปิดออเดอร์อัตโนมัติเมื่อเงินในบัญชีลดลงถึงระดับหนึ่ง แตกต่างกันไปตามนโยบายของแต่ละโบรกเกอร์ โดยทั่วไปมักอยู่ที่ 20-50% ของมาร์จิ้น ทั้งนี้ควรศึกษาเงื่อนไขของแต่ละโบรกเกอร์ให้ละเอียดก่อนเริ่มเทรด
บัญชี TradingView โบรกเกอร์แบบไหนดี
การเลือกประเภทบัญชีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับรูปแบบการเทรดและความต้องการของแต่ละคน เราขอแนะนำตามลักษณะการเทรดดังนี้:
สำหรับผู้เริ่มต้น:
- TradingView Basic (ฟรี) + บัญชี Standard ของโบรกเกอร์ – เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการเรียนรู้การใช้งานและทดลองเทรดด้วยเงินทุนไม่มาก เน้นโบรกเกอร์ที่มีค่าสเปรดต่ำและไม่มีค่าคอมมิชชั่น
สำหรับเทรดเดอร์ระดับกลาง:
- TradingView Plus + บัญชี Standard/Pro ของโบรกเกอร์ – เหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์และต้องการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงต้องการคุณสมบัติเพิ่มเติมเช่น การตั้งค่าแจ้งเตือนไม่จำกัด
สำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ:
- TradingView Premium + บัญชี Pro/VIP ของโบรกเกอร์ – เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพที่เทรดเป็นอาชีพหลัก ต้องการเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูงทั้งหมด การเข้าถึงข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์ และสิทธิประโยชน์พิเศษต่างๆ
สำหรับผู้ที่ต้องการถือออเดอร์ระยะยาว:
- TradingView Essential + บัญชี Swap-Free ของโบรกเกอร์ – เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเทรดแบบถือออเดอร์ข้ามคืนหรือระยะยาว เพื่อประหยัดค่าสว็อป แม้ว่าอาจต้องยอมรับค่าสเปรดที่กว้างขึ้นเล็กน้อย
TradingView โบรกเกอร์ไทย โบนัสและเงื่อนไข
โบรกเกอร์ที่เชื่อมต่อกับ TradingView มักมีโปรโมชั่นและโบนัสหลากหลายเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเก่า โดยโปรโมชั่นที่พบบ่อยในปี 2025 ได้แก่:
- โบนัสเงินฝาก – รับโบนัสเพิ่มตามเปอร์เซ็นต์ของเงินฝาก (เช่น 50-100% ของเงินฝากแรก) ซึ่งมักมีเงื่อนไขการซื้อขายขั้นต่ำก่อนถอน
- โปรแกรมคืนเงิน (Rebate) – ได้รับเงินคืนตามปริมาณการเทรด เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีปริมาณการเทรดสูง
- ส่วนลดค่าคอมมิชชั่น – บางโบรกเกอร์เสนอส่วนลดค่าคอมมิชชั่นให้กับลูกค้าระดับพรีเมียมหรือลูกค้าที่มีปริมาณการเทรดสูง
- บัญชีทดลอง (Demo) – เกือบทุกโบรกเกอร์ให้เปิดบัญชีทดลองฟรีเพื่อทดสอบการเทรดผ่าน TradingView ก่อนใช้เงินจริง
- TradingView Pro แถมฟรี – บางโบรกเกอร์มอบสมาชิก TradingView ระดับพรีเมียมฟรีให้กับลูกค้าที่มียอดฝากสูงหรือปริมาณการเทรดมาก
อย่างไรก็ตาม โปรโมชั่นเหล่านี้มักมาพร้อมกับเงื่อนไขที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เช่น เงินฝากขั้นต่ำ ปริมาณการเทรดขั้นต่ำ หรือระยะเวลาในการรับสิทธิ์
Platform ที่ใช้งาน

TradingView สามารถใช้งานได้หลากหลายแพลตฟอร์ม ทำให้สะดวกในการเข้าถึงและใช้งานจากทุกที่:
- TradingView Web – ใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติม
- TradingView Desktop – แอปพลิเคชันสำหรับคอมพิวเตอร์ที่รองรับทั้ง Windows, macOS และ Linux ให้ประสิทธิภาพดีกว่าการใช้งานผ่านเว็บ
- TradingView Mobile – แอพสำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตทั้งระบบ iOS และ Android ช่วยให้สามารถติดตามตลาดและเทรดได้ทุกที่ทุกเวลา
- โบรกเกอร์แพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อกับ TradingView – หลายโบรกเกอร์มีการผสานรวม TradingView เข้ากับแพลตฟอร์มเทรดของตัวเอง
นอกจากนี้ หลายโบรกเกอร์ยังรองรับแพลตฟอร์มเทรดอื่นๆ นอกเหนือจาก TradingView เช่น:
- MetaTrader 4/5 – แพลตฟอร์มยอดนิยมที่รองรับการใช้งาน EA (Expert Advisor) และการเทรดอัลกอริทึม
- cTrader – แพลตฟอร์มที่เน้นการเทรดแบบ Direct Market Access (DMA) และมีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ทรงพลัง
- แพลตฟอร์มเฉพาะของโบรกเกอร์ – หลายโบรกเกอร์มีแพลตฟอร์มเทรดที่พัฒนาขึ้นเองเพื่อให้บริการลูกค้า
การฝาก-ถอน TradingView โบรกเกอร์ไทย
การฝากและถอนเงินกับโบรกเกอร์ที่เชื่อมต่อกับ TradingView ต้องทำผ่านเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มของโบรกเกอร์โดยตรง ไม่สามารถทำผ่าน TradingView ได้ แต่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ก็มีช่องทางที่สะดวกสำหรับนักลงทุนไทย
ถอนเงินไม่ได้ทำอย่างไร
หากประสบปัญหาในการถอนเงิน แนะนำให้ดำเนินการดังนี้:
- ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า – ควรติดต่อโบรกเกอร์โดยตรงผ่านช่องทาง Live Chat, อีเมล หรือโทรศัพท์ พร้อมแจ้งหมายเลขบัญชีและรายละเอียดปัญหา
- ตรวจสอบเอกสาร KYC – บางครั้งปัญหาการถอนเงินอาจเกิดจากการยืนยันตัวตนที่ไม่สมบูรณ์ ควรตรวจสอบว่าได้ส่งเอกสารครบถ้วนหรือไม่
- ตรวจสอบเงื่อนไขโบนัส – หากได้รับโบนัส ต้องตรวจสอบว่าได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการซื้อขายขั้นต่ำก่อนถอนเงินหรือไม่
- ติดตามผ่านระบบติดตามคำขอ – โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีระบบติดตามคำขอถอนเงินที่สามารถใช้ติดตามสถานะได้
ความเร็วในการฝาก-ถอน
- การฝากเงิน – ส่วนใหญ่เครดิตเข้าบัญชีทันทีหรือภายใน 1 วันทำการ ขึ้นอยู่กับช่องทางการฝาก
- การถอนเงิน – ใช้เวลาประมาณ 1-5 วันทำการ ขึ้นอยู่กับช่องทางการถอนและนโยบายของแต่ละโบรกเกอร์
ค่าบริการ / Rate ฝาก-ถอน
ค่าธรรมเนียมในการฝากและถอนเงินแตกต่างกันไปตามช่องทางและโบรกเกอร์:
- โอนผ่านธนาคารไทย – โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ไม่คิดค่าธรรมเนียมสำหรับการฝากเงิน แต่อาจมีค่าธรรมเนียมในการถอนประมาณ 300-500 บาทต่อครั้ง
- บัตรเครดิต/เดบิต – อาจมีค่าธรรมเนียมประมาณ 2-3% สำหรับการฝาก และ 1-5% สำหรับการถอน
- E-Wallet (Skrill, Neteller, PayPal) – มีค่าธรรมเนียมประมาณ 1-2.5% ทั้งการฝากและถอน
- คริปโตเคอเรนซี – ค่าธรรมเนียมแตกต่างกันไปตามสกุลเงินและเครือข่าย แต่มักมีอัตราต่ำกว่าช่องทางอื่นๆ
วิธีการ ฝาก — ถอน โบรกเกอร์ TradingView
การฝากเงิน: (ต้องทำผ่านเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มของโบรกเกอร์โดยตรง ไม่สามารถทำผ่าน TradingView)
- เข้าสู่ระบบในบัญชีโบรกเกอร์ของคุณผ่านเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มของโบรกเกอร์โดยตรง
- ไปที่ส่วน “การเงิน” หรือ “ฝากเงิน”
- เลือกวิธีการฝากเงินที่ต้องการ (โอนผ่านธนาคารไทย, บัตรเครดิต, e-wallet เป็นต้น)
- กรอกจำนวนเงินและทำตามขั้นตอนที่ระบุ
- ยืนยันการทำรายการ
- หลังจากเงินเข้าบัญชีแล้ว จึงสามารถใช้ TradingView เพื่อการเทรดได้
การถอนเงิน: (ต้องทำผ่านเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มของโบรกเกอร์โดยตรง ไม่สามารถทำผ่าน TradingView)
- เข้าสู่ระบบในบัญชีโบรกเกอร์ของคุณผ่านเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มของโบรกเกอร์โดยตรง
- ไปที่ส่วน “การเงิน” หรือ “ถอนเงิน”
- เลือกวิธีการถอนเงินที่ต้องการ
- กรอกจำนวนเงินและข้อมูลบัญชีปลายทาง
- ยืนยันการทำรายการและรอการอนุมัติ
TradingView โบรกเกอร์ไทย ติดต่อเจ้าหน้าที่

โบรกเกอร์ชั้นนำที่รองรับ TradingView ส่วนใหญ่มีช่องทางติดต่อหลากหลายและมีทีมงานที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ในช่วงเวลาที่ตลาดเปิดทำการ:
- Live Chat – ติดต่อเจ้าหน้าที่แบบเรียลไทม์ผ่านหน้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน
- อีเมล – ส่งคำถามหรือข้อสงสัยผ่านอีเมล
- โทรศัพท์ – สายด่วนสำหรับติดต่อโดยตรงกับเจ้าหน้าที่
- Social Media – บางโบรกเกอร์ให้บริการผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเช่น Line, WhatsApp หรือ Facebook Messenger
- ศูนย์ช่วยเหลือออนไลน์ – คลังความรู้และคำถามที่พบบ่อยเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาเบื้องต้น
สำหรับโบรกเกอร์ที่มีบริการในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะมีทีมงานที่พูดภาษาไทยได้ ทำให้การสื่อสารและแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว
ข้อควรระวังในการใช้ TradingView โบรกเกอร์
แม้ว่า TradingView และโบรกเกอร์ที่รองรับจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังที่ควรคำนึงถึง โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนไทย:
- ข้อจำกัดของแพ็คเกจฟรี – TradingView เวอร์ชันฟรีมีข้อจำกัดมากมาย เช่น จำนวนอินดิเคเตอร์ต่อกราฟ (จำกัดเพียง 3 อินดิเคเตอร์) และการตั้งค่าแจ้งเตือนที่จำกัด (เพียง 1 แจ้งเตือน)
- ล็อกอินแยกกัน – ต้องล็อกอินทั้งบัญชี TradingView และบัญชีโบรกเกอร์ ซึ่งอาจไม่สะดวกในบางกรณี
- ความเสี่ยงจากเลเวอเรจสูง – โบรกเกอร์หลายแห่งเสนอเลเวอเรจสูงถึง 1:500 ซึ่งเพิ่มทั้งโอกาสในการทำกำไรและความเสี่ยงในการขาดทุน
- ข้อจำกัดด้านการเทรดอัตโนมัติ – TradingView ยังไม่รองรับการเทรดอัตโนมัติโดยตรง ต้องใช้เครื่องมือเสริมจากภายนอก
- ค่าบริการที่ซ่อนอยู่ – ควรศึกษาค่าธรรมเนียมและค่าบริการทั้งหมดของโบรกเกอร์อย่างละเอียด เช่น ค่าสว็อป ค่าธรรมเนียมไม่ใช้งาน เป็นต้น
- ไม่สามารถฝากถอนเงินผ่าน TradingView – ต้องดำเนินการฝากถอนเงินผ่านเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มของโบรกเกอร์โดยตรง ทำให้ต้องสลับระหว่างแพลตฟอร์ม
- ประวัติการเทรดไม่ครบถ้วน – TradingView อาจแสดงประวัติการเทรดเฉพาะในช่วงเวลาที่จำกัด ต้องเข้าไปดูประวัติการเทรดที่สมบูรณ์ในเว็บไซต์ของโบรกเกอร์
สรุป
TradingView เป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์กราฟทางเทคนิคชั้นนำของโลกที่ผสมผสานกับคุณสมบัติโซเชียลมีเดีย ทำให้เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับนักลงทุนไทย การเชื่อมต่อกับโบรกเกอร์ชั้นนำระดับโลกช่วยให้สามารถวิเคราะห์และเทรดได้ในแพลตฟอร์มเดียวอย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ
โบรกเกอร์ที่รองรับ TradingView มีจุดเด่นด้านความน่าเชื่อถือ การกำกับดูแลที่เข้มงวด และการให้บริการที่ครอบคลุม แม้จะมีค่าใช้จ่ายสำหรับแพ็คเกจพรีเมียมและข้อจำกัดบางประการ แต่ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ที่ทรงพลัง และชุมชนนักเทรดที่แข็งแกร่ง ทำให้ TradingView เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนไทยทั้งมือใหม่และมืออาชีพ
ข้อควรทราบสำหรับนักลงทุนไทย คือการไม่สามารถฝากถอนเงินผ่าน TradingView ได้โดยตรง ต้องดำเนินการผ่านเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มของโบรกเกอร์เท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีข้อจำกัดเรื่องประวัติการเทรดและการใช้งานฟีเจอร์บางอย่างที่อาจต้องอัปเกรดเป็นแพ็คเกจแบบเสียเงิน
ก่อนตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อมต่อกับ TradingView ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ให้รอบด้าน ทั้งความน่าเชื่อถือ ค่าธรรมเนียม คุณภาพการให้บริการ การรองรับการฝากถอนผ่านธนาคารไทย และความเหมาะสมกับรูปแบบการเทรดของคุณ เพื่อให้ได้ประสบการณ์การเทรดที่ดีที่สุด และบรรลุเป้าหมายทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้ TradingView ร่วมกับโบรกเกอร์ที่เหมาะสมสามารถช่วยยกระดับการวิเคราะห์และการเทรดของคุณได้อย่างมาก แต่ต้องเข้าใจข้อจำกัดและวิธีการใช้งานที่ถูกต้องเพื่อประโยชน์สูงสุด

FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง