บทที่ 1 บทนำ FX Dreema คืออะไร

IUX Markets Bonus

1.1 เกี่ยวกับ FXdreema

1.1.1 FXdreema คืออะไร

FXdreema คือเครื่องมือในการสร้างกลยุทธ์การเทรดแบบอัตโนมัติ (Expert Advisors) สำหรับแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในการเขียนโปรแกรม ผู้ใช้งานสามารถสร้าง EA ได้โดยใช้การลากและวางบล็อก เพื่อสร้างตรรกะการเทรดที่ต้องการ

fxdreema คือ
fxdreema คือ

Source: Fxdreema.com

1.1.2 ความสามารถและคุณสมบัติของ FXdreema

  • การสร้าง EA โดยไม่ต้องเขียนโค้ด: ผู้ใช้งานสามารถสร้าง EA ได้โดยการลากและวางบล็อกที่มีการกำหนดค่าไว้แล้ว
  • การทดสอบกลยุทธ์: FXdreema มีเครื่องมือสำหรับการทดสอบกลยุทธ์การเทรด (Backtesting) เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพของ EA ก่อนการใช้งานจริงในโปรแกรม MT4 และ MT5
  • การเพิ่มฟังก์ชันด้วย Custom Code: สำหรับผู้ที่มีทักษะในการเขียนโปรแกรม สามารถเพิ่มฟังก์ชันการทำงานเพิ่มเติมด้วยการเขียนโค้ดเอง
  • การสร้าง Indicator แบบกำหนดเอง: FXdreema ไม่เพียงแค่สร้าง EA แต่ยังสามารถสร้าง Custom Indicators ที่ผู้ใช้งานกำหนดเองได้
  • เชื่อมต่อ API ภายนอกได้ : สามารถดึงค่าที่คำนวณข้างนอก EA เข้ามาใช้เป็นสัญญาณเทรดได้ เช่น การพัฒนาจุดเข้าเทรดข้างนอกเช่น Google Sheet หรือ ส่งข้อมูลไป Line

1.1.3 การประยุกต์ใช้งาน FXdreema

  • นักเทรดมือใหม่: ผู้ที่เริ่มต้นเรียนรู้การเทรดสามารถใช้ FXdreema เพื่อสร้างกลยุทธ์การเทรดแบบง่าย ๆ และปรับปรุงต่อเนื่องตามความเข้าใจที่เพิ่มขึ้น
  • นักเทรดมืออาชีพ: ผู้มีประสบการณ์สามารถใช้ FXdreema เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยใช้ฟังก์ชันขั้นสูงและการปรับแต่งต่าง ๆ
  • การทดสอบและพัฒนากลยุทธ์: FXdreema ช่วยให้นักเทรดสามารถทดสอบและปรับปรุงกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเสียเวลาในการเขียนโค้ดทุกครั้งที่ต้องการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์

1.1.4 ข้อดีและข้อเสียของ FXdreema

ข้อดี

  • ใช้งานง่าย ไม่ต้องมีทักษะการเขียนโปรแกรม
  • มีฟังก์ชันที่หลากหลายและครอบคลุม
  • สามารถทดสอบและเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์ได้อย่างง่ายดาย

ข้อเสีย

  • อาจมีข้อจำกัดในการสร้างกลยุทธ์ที่ซับซ้อนมาก
  • สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการฟังก์ชันเฉพาะ อาจต้องมีความรู้ในการเขียนโปรแกรมเพิ่มเติม
  • ขนาดโค๊ดยาวมากเพราะมี Function อื่น ๆ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับการทำให้เป็นอัติโนมัติ ทำให้ File มีขนาดใหญ่ และ Code ซับซ้อนซึ่งเรื่องนี้ส่งผลต่อ ความเร็วในการส่งคำสั่งจาก Server และ การกินทรัพยากรของ Server ที่เปิดรัน EA

1.1.5 การสนับสนุนและชุมชนผู้ใช้งาน FXdreema

FXdreema มีชุมชนผู้ใช้งานที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้ใช้งานสามารถเข้าร่วมฟอรัมออนไลน์เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ รวมถึงขอคำแนะนำและความช่วยเหลือจากนักเทรดท่านอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีเอกสารและวิดีโอการสอนที่ช่วยให้ผู้ใช้งานเรียนรู้และเข้าใจการใช้ FXdreema ได้อย่างรวดเร็ว

 

เทรดคนเดียวมันเหงา มาเทรดกับเราดีกว่า

HFM Market Promotion

เข้ากลุ่ม FOREXDUCK คลิ๊กที่รูป หรือ ที่นี่ 

 

เข้ากลุ่ม FOREXDUCK
เข้ากลุ่ม FOREXDUCK

1.2 ความแตกต่างของ Demo กับ จ่ายตังค์

fxdreema ราคา
fxdreema ราคา

1.2.1 อธิบายความต่างของ Demo จ่ายตังค์

FXdreema มีให้บริการทั้งในเวอร์ชัน Demo และเวอร์ชันที่ต้องจ่ายเงิน ซึ่งมีความแตกต่างกันในหลายๆ ด้าน โดยผู้ใช้งานควรทราบถึงความสามารถและข้อจำกัดของแต่ละเวอร์ชัน เพื่อการตัดสินใจในการเลือกใช้ที่เหมาะสมกับความต้องการ เวอร์ชัน Demo ของ FXdreema ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถทดลองใช้โปรแกรมและเรียนรู้ฟังก์ชันพื้นฐานได้ โดยมีข้อจำกัดดังนี้:

  1. จำนวนโปรเจคและบล็อกที่จำกัด: ผู้ใช้งานเวอร์ชัน Demo อาจมีข้อจำกัดในการสร้างโปรเจคและจำนวนบล็อกที่ใช้ในแต่ละโปรเจค ทำให้ไม่สามารถสร้างกลยุทธ์ที่ซับซ้อนมากได้
  2. การใช้งานฟีเจอร์ขั้นสูง: บางฟีเจอร์ขั้นสูงและการตั้งค่าที่สำคัญอาจไม่สามารถใช้งานได้ในเวอร์ชัน Demo เช่น การใช้งาน Custom Indicators หรือการตั้งค่าการเทรดแบบหลาย Timeframe
  3. การบันทึกและการดาวน์โหลด EA: ในเวอร์ชัน Demo ผู้ใช้งานอาจมีข้อจำกัดในการบันทึกและดาวน์โหลด EA ที่สร้างขึ้น หรืออาจไม่สามารถใช้งานฟังก์ชันนี้ได้เลย
  4. การสนับสนุนและเอกสาร: การสนับสนุนจากทีมงานและการเข้าถึงเอกสารหรือคู่มือการใช้งานแบบละเอียดอาจมีข้อจำกัด

เวอร์ชันที่ต้องจ่ายเงิน

เวอร์ชันที่ต้องจ่ายเงินของ FXdreema มาพร้อมกับฟังก์ชันที่ครบครันและไม่มีข้อจำกัดในการใช้งาน ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างกลยุทธ์การเทรดที่ซับซ้อนและมีประสิทธิภาพได้มากขึ้น ดังนี้:

  1. ไม่มีข้อจำกัดในการสร้างโปรเจคและบล็อก: ผู้ใช้งานสามารถสร้างโปรเจคและใช้จำนวนบล็อกได้อย่างไม่จำกัด ทำให้สามารถออกแบบกลยุทธ์ที่ซับซ้อนได้ตามต้องการ
  2. การใช้งานฟีเจอร์ขั้นสูง: ผู้ใช้งานเวอร์ชันที่ต้องจ่ายเงินสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ขั้นสูงทั้งหมดของ FXdreema เช่น การใช้งาน Custom Indicators การตั้งค่าการเทรดแบบหลาย Timeframe และฟังก์ชันการปรับแต่งขั้นสูงอื่น ๆ
  3. การบันทึกและการดาวน์โหลด EA: ผู้ใช้งานสามารถบันทึกและดาวน์โหลด EA ที่สร้างขึ้นได้อย่างไม่จำกัด และนำไปใช้ในการเทรดจริงได้
  4. การสนับสนุนและเอกสาร: ผู้ใช้งานเวอร์ชันที่ต้องจ่ายเงินจะได้รับการสนับสนุนจากทีมงาน FXdreema อย่างเต็มที่ รวมถึงการเข้าถึงเอกสาร คู่มือการใช้งาน และวิดีโอการสอนที่มีรายละเอียด

ตารางเปรียบเทียบเวอร์ชัน Demo และเวอร์ชันที่ต้องจ่ายเงิน

คุณสมบัติ
เวอร์ชัน Demo
เวอร์ชันที่ต้องจ่ายเงิน
จำนวนโปรเจคและบล็อก
จำกัด
ไม่จำกัด
ฟีเจอร์ขั้นสูง
ไม่รองรับ
รองรับทั้งหมด
การบันทึกและดาวน์โหลด EA
จำกัดหรือไม่รองรับ
ไม่จำกัด
การสนับสนุนและเอกสาร
จำกัด
ครบถ้วน

 

การเลือกใช้เวอร์ชัน Demo หรือเวอร์ชันที่ต้องจ่ายเงินของ FXdreema ขึ้นอยู่กับความต้องการและระดับการใช้งานของผู้ใช้งาน หากคุณเพียงต้องการทดลองใช้และเรียนรู้พื้นฐาน เวอร์ชัน Demo อาจเพียงพอ แต่หากคุณต้องการสร้างกลยุทธ์การเทรดที่ซับซ้อนและใช้งานจริง การเลือกใช้เวอร์ชันที่ต้องจ่ายเงินจะทำให้คุณได้รับฟังก์ชันที่ครบครันและการสนับสนุนที่ดียิ่งขึ้น

 

1.2.2 การเลือก MT4 กับ MT5

MetaTrader เป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่ได้รับความนิยมสูงในตลาดการเงิน โดยมีสองเวอร์ชันหลักคือ MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) ทั้งสองเวอร์ชันนี้มีฟังก์ชันและคุณสมบัติที่แตกต่างกันในบางประการ ซึ่งจะอธิบายในรายละเอียดต่อไปนี้

 

MetaTrader 4 (MT4)

MT4 เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากในหมู่นักเทรด Forex และยังคงเป็นที่ใช้งานอย่างแพร่หลาย แม้ว่า MT5 จะออกมาแล้วก็ตาม

ข้อดีของ MT4:

ตัวอย่าง mt4
ตัวอย่าง mt4
  1. ความนิยมและการสนับสนุนจากชุมชน: MT4 มีชุมชนผู้ใช้งานที่ใหญ่และมีทรัพยากรมากมาย เช่น Indicator, Expert Advisor (EA) และ Scripts ที่พัฒนาโดยผู้ใช้งานทั่วโลก
  2. ความง่ายในการใช้งาน: MT4 ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและมีอินเทอร์เฟซที่ไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับนักเทรดมือใหม่
  3. รองรับการเทรด Forex: MT4 ถูกออกแบบมาเพื่อการเทรด Forex โดยเฉพาะ ซึ่งมีฟังก์ชันที่รองรับการเทรด Forex ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. การใช้งานทรัพยากรน้อย: MT4 ใช้ทรัพยากรของคอมพิวเตอร์น้อยกว่า MT5 ซึ่งทำให้สามารถรันได้บนคอมพิวเตอร์ที่มีสเปคต่ำกว่า

ข้อเสียของ MT4:

  1. การรองรับการเทรดสินทรัพย์อื่น ๆ: MT4 มีข้อจำกัดในการเทรดสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ Forex เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ หรือดัชนี
  2. ฟังก์ชันและฟีเจอร์ที่จำกัด: MT4 มีฟังก์ชันบางอย่างที่ไม่ครอบคลุมเท่ากับ MT5 เช่น การทดสอบหลายสินทรัพย์พร้อมกัน (Multi-Asset Testing) และการจัดการคำสั่งซื้อที่ซับซ้อน

MetaTrader 5 (MT5)

MT5 เป็นเวอร์ชันที่ใหม่กว่าของแพลตฟอร์ม MetaTrader และถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการเทรดสินทรัพย์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น

ตัวอย่าง mt5
ตัวอย่าง mt5

ข้อดีของ MT5:

  1. การเทรดหลายสินทรัพย์: MT5 รองรับการเทรดสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น Forex หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี และสกุลเงินดิจิทัล
  2. ฟังก์ชันการวิเคราะห์ขั้นสูง: MT5 มีเครื่องมือและฟังก์ชันการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มากกว่า MT4 เช่น Timeframes ที่หลากหลายและ Indicators ที่เพิ่มขึ้น
  3. การทดสอบกลยุทธ์ที่ดีขึ้น: MT5 รองรับการทดสอบกลยุทธ์หลายสินทรัพย์พร้อมกัน (Multi-Asset Testing) และมี Strategy Tester ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า
  4. การจัดการคำสั่งซื้อที่ซับซ้อน: MT5 มีฟังก์ชันการจัดการคำสั่งซื้อที่ซับซ้อนและยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น การเปิดคำสั่งซื้อหลายประเภทและการจัดการความเสี่ยงที่ดียิ่งขึ้น

ข้อเสียของ MT5:

  1. ความซับซ้อนในการใช้งาน: อินเทอร์เฟซของ MT5 อาจซับซ้อนกว่า MT4 ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้งานใหม่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้
  2. การสนับสนุนจากชุมชนที่น้อยกว่า: แม้ว่า MT5 จะเริ่มมีผู้ใช้งานมากขึ้น แต่ชุมชนและทรัพยากรยังคงน้อยกว่า MT4
  3. การใช้ทรัพยากรมากกว่า: MT5 ใช้ทรัพยากรของคอมพิวเตอร์มากกว่า MT4 ทำให้ต้องการคอมพิวเตอร์ที่มีสเปคสูงกว่า

ตารางเปรียบเทียบ MT4 และ MT5

คุณสมบัติ
MetaTrader 4 (MT4)
MetaTrader 5 (MT5)
ประเภทสินทรัพย์ที่รองรับ
Forex เท่านั้น
Forex, หุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์, ดัชนี, สกุลเงินดิจิทัล
ความง่ายในการใช้งาน
ใช้งานง่าย
ซับซ้อนกว่า
เครื่องมือการวิเคราะห์
พื้นฐาน
ขั้นสูง
การทดสอบกลยุทธ์
พื้นฐาน
หลายสินทรัพย์พร้อมกัน
การจัดการคำสั่งซื้อ
พื้นฐาน
ซับซ้อนและยืดหยุ่น
การใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์
น้อย
มาก
ชุมชนและทรัพยากร
มาก
น้อยกว่า

 

การเลือกใช้งาน MT4 หรือ MT5 ขึ้นอยู่กับความต้องการและระดับความเชี่ยวชาญของนักเทรด หากคุณเป็นนักเทรดมือใหม่หรือเน้นการเทรด Forex เป็นหลัก MT4 อาจเป็นตัวเลือกที่ดีเนื่องจากใช้งานง่ายและมีชุมชนที่สนับสนุนมาก แต่หากคุณต้องการฟังก์ชันการวิเคราะห์ที่หลากหลายและการเทรดสินทรัพย์หลายประเภท MT5 จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

 

1.2.3 การ Convert MT4 เป็น MT5

การแปลงโปรเจคจาก MetaTrader 4 (MT4) ไปยัง MetaTrader 5 (MT5) ใน FXdreema อาจเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนเล็กน้อย เนื่องจากทั้งสองแพลตฟอร์มมีความแตกต่างกันในด้านโครงสร้างและฟังก์ชันการทำงานบางประการ อย่างไรก็ตาม FXdreema ได้ออกแบบเครื่องมือเพื่อช่วยในการแปลงโปรเจคจาก MT4 ไปยัง MT5 ให้เป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น

Convert MT4 เป็น MT5
Convert MT4 เป็น MT5

ขั้นตอนการแปลงโปรเจคจาก MT4 เป็น MT5

ขั้นตอนที่ 1: เตรียมโปรเจคใน MT4

  1. เปิดโปรแกรม FXdreema และโหลดโปรเจคที่คุณสร้างสำหรับ MT4
  2. ตรวจสอบและบันทึกโปรเจค MT4 ของคุณให้เรียบร้อย

ขั้นตอนที่ 2: การแปลงโปรเจคใน FXdreema

  1. ในโปรแกรม FXdreema ให้เปิดโปรเจค MT4 ที่คุณต้องการแปลง
  2. ไปที่เมนู File หรือ โปรเจคเมนู แล้วเลือก Convert to MT5 หรือ แปลงเป็น MT5

ขั้นตอนที่ 3: การตรวจสอบและปรับปรุงโปรเจค

  1. หลังจากแปลงโปรเจคแล้ว ให้ตรวจสอบการตั้งค่าทั้งหมดในโปรเจคของคุณอีกครั้ง
  2. ตรวจสอบว่า Indicators, Scripts, และ Libraries ที่ใช้ในโปรเจค MT4 ของคุณมีการรองรับใน MT5 หรือไม่ หากไม่รองรับคุณอาจต้องหาเวอร์ชันที่รองรับ MT5 หรือต้องทำการปรับปรุงโค้ดให้รองรับ
  3. ตรวจสอบและปรับปรุงบล็อกและเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าโปรเจคของคุณสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องใน MT5

ขั้นตอนที่ 4: การทดสอบโปรเจคใน MT5

  1. บันทึกโปรเจคที่แปลงเป็น MT5 ใน FXdreema
  2. ส่งออก EA ที่สร้างจาก FXdreema ไปยังแพลตฟอร์ม MetaTrader 5 ของคุณ
  3. ทำการทดสอบย้อนหลัง (Backtesting) และทดสอบเดินหน้า (Forward Testing) ใน MT5 เพื่อให้แน่ใจว่า EA ของคุณทำงานได้ตามที่คาดหวัง

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • การใช้ Custom Indicators และ Scripts: ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Custom Indicators และ Scripts ที่ใช้ในโปรเจค MT4 ของคุณมีเวอร์ชันที่รองรับใน MT5 หากไม่มี คุณอาจต้องทำการปรับปรุงโค้ดเองหรือหาทางเลือกอื่น
  • การตั้งค่า Timeframes และ Symbols: MT5 รองรับ Timeframes และ Symbols มากกว่า MT4 ดังนั้นคุณอาจต้องทำการปรับปรุงการตั้งค่าเหล่านี้ในโปรเจคของคุณ
  • การทดสอบและการแก้ไขปัญหา: ทำการทดสอบอย่างละเอียดเพื่อหาข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการแปลงโปรเจค และทำการแก้ไขปัญหาตามความจำเป็น

ตัวอย่างการแปลงบล็อกการเทรด

หากคุณมีบล็อกการเทรดที่ใช้ Indicator เฉพาะใน MT4 คุณอาจต้องทำการปรับปรุงโค้ดเล็กน้อยเพื่อให้รองรับ MT5 เช่น:

double ma = iMA(NULL, 0, 14, 0, MODE_SMA, PRICE_CLOSE, 0);

if (ma > Close[1]) 
{ 
OrderSend(Symbol(), OP_BUY, 0.1, Ask, 3, 0, 0, "Buy Order", 0, 0, Blue); 
}

1.3 ภาพรวมของการใช้งานและหน้าต่างโปรแกรม

การใช้งาน FXdreema เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้าง Expert Advisor (EA) และ Scripts ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องมีความรู้ในการเขียนโปรแกรม โดยการใช้งานผ่านทางเว็บเบราเซอร์ทำให้การบันทึกข้อมูลเป็นไปโดยอัตโนมัติและสามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ในหัวข้อนี้ เราจะพาผู้อ่านมาทำความรู้จักกับหน้าหลักและคำอธิบายส่วนประกอบต่าง ๆ ของโปรแกรม

1.3.1 หน้าหลักมีอะไรบ้าง

หน้าหลักของ FXdreema จะแบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ ดังนี้:

องค์ประกอบของ FXDreema
องค์ประกอบของ FXDreema
  1. (ส่วนที่ 1) ส่วนจัดการโปรเจค (Project Management)
    1. การสร้างโปรเจคใหม่ (Project): ผู้ใช้งานสามารถเริ่มสร้างโปรเจคใหม่ได้จากหน้าเมนูหลัก
    2. การบันทึกโปรเจคที่มีอยู่(Project): ระบบจะทำการบันทึกโปรเจคที่กำลังทำงานอยู่โดยอัตโนมัติ แต่ผู้ใช้งานสามารถบันทึกโปรเจคด้วยตนเองได้
    3. การนำเข้าและส่งออกโปรเจค(Project): รองรับการนำเข้าโปรเจคจากไฟล์และการส่งออกโปรเจคเพื่อใช้ในเครื่องมืออื่น ๆ
    4. การแชร์โปรเจค(Project): ผู้ใช้งานสามารถแชร์โปรเจคกับผู้อื่นได้ง่ายดาย
    5. การสร้างอินดิเคเตอร์ (My Indicator): ระบบรองรับการสร้างและใช้งานอินดิเคเตอร์ที่ผู้ใช้งานกำหนดเอง
    6. การจัดการโปรไฟล์และแพ็คเกจ (Profile): ผู้ใช้งานสามารถจัดการแพ็คเกจการใช้งานและโปรไฟล์ของตนเองได้
    7. การตั้งค่าและออปชัน(Option): รองรับการกำหนดค่าและออปชันต่าง ๆ ของโปรเจคตามความต้องการของผู้ใช้งาน
  2. (ส่วนที่ 2) หน้าต่างเหตุการณ์ (Events)
    1. on Init: ประกาศตัวแปร ค่าต่าง ๆ ที่ตั้งไว้เพียง 1 รอบเมื่อเริ่มต้นการทำงาน
    2. on Timer: ใช้สำหรับเหตุการณ์ที่ต้องการควบคุมด้วยเวลา
    3. on Tick: ทำงานทุก ๆ Tick ของกราฟราคาตามลำดับที่กำหนด
    4. on Trade: จัดการเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับออเดอร์ เช่น การเปิดออเดอร์ การปิดออเดอร์
    5. on Chart: เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นที่หน้ากราฟเทรด เพื่อปรับแต่งการแสดงผลต่างๆ มีบล็อกพิเศษเพิ่มเติมให้ใช้เฉพาะในหน้าต่างนี้
    6. on Deinit: ทำงานเมื่อจบการทำงานของ Expert Adviser (EA) และ Script (SC)
  3. (ส่วนที่ 3) ส่วนฟังก์ชันการใช้งานบล็อก (Block Functionality)

ส่วนที่ 3  เป็นส่วนที่รวบรวมฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ที่อยู่ในรูปแบบของบล็อกสำเร็จรูป โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ กลุ่มของระบบ (System) และกลุ่มที่ผู้ใช้สามารถสร้างบล็อกใช้งานเองได้ (Custom)

  1. New– ส่วนของชื่อ project สามารถแก้ไขชื่อของโปรเจ็กต์ได้ พร้อมทั้งบอกจำนวนการใช้บล็อกและจำนวนการเชื่อมโยงบล็อก
  2. Constants (Inputs) – ใช้สำหรับกำหนดค่าคงที่หรือตัวแปรคงที่ ซึ่งเป็นค่าที่ใช้ในฟังก์ชันแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงค่าได้ แต่สามารถกำหนดค่าใหม่ได้
  3. Variables – ใช้สำหรับกำหนดค่าตัวแปรผันแปรที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในฟังก์ชัน
  4. (ส่วนที่ 4) ส่วนชุมชนและตัวอย่าง (Community and Examples)
  • เว็บบอร์ด (Forum) : ส่วนชุมชนที่มีคนมาตอบคำถาม หรือ ถามคำถาม (ส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ)
  • ตัวอย่างการใช้งาน (How to): มีตัวอย่างการใช้งานจากผู้พัฒนาให้ศึกษาและนำไปปรับใช้
  • ประวัติการแก้ไข (History): ระบบจะบันทึกประวัติการแก้ไขของโปรเจค และสามารถย้อนกลับไปยังเวอร์ชันก่อนหน้าได้
  • ตัวเลือกเพิ่มเติม (รูปประแจ): มีตัวเลือกเพิ่มเติมสำหรับการปรับแต่งโปรเจค
FOREXDUCK Logo

FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง

HFM Promotion