Bull Bear Power indicator คืออะไร วิธีใช้วิเคราะห์ forex ทอง

IUX Markets Bonus

Bull Bear Power indicator คืออะไร

1 Bull Bear Power indicator คืออะไร

Bull และ Bear Power Indicator คือ เครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้สำหรับวัดแรงของแท่งราคาในการขาขึ้น (Bulls) และการขาลง (Bears) ในระยะเวลาที่กำหนด มันถูกคิดค้นขึ้นโดย Alexander Elder และมักจะใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่นๆ เพื่อทำนายแนวโน้มและให้สัญญาณซื้อหรือขาย Bull Power คำนวณโดยการหักค่า Low ของวันจาก EMA (Exponential Moving Average) และ Bear Power คำนวณโดยการหัก EMA จากค่า Low ของวัน ค่า Bull Power ที่เพิ่มขึ้นแสดงถึงแรงขับของ Bulls ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่า Bear Power ที่ลดลงแสดงถึงแรงขับของ Bears ที่ลดลง

หนึ่งในจุดเด่นของ Bull Bear Power คือความสามารถในการให้สัญญาณแนวโน้มที่ชัดเจน มันให้คุณสามารถรู้ได้เมื่อ Bulls หรือ Bears เริ่มหมดแรง หรือเมื่อพวกเขาเริ่มควบคุมการเคลื่อนไหวของราคา หาก Bull Power ยังคงเพิ่มขึ้นแสดงถึงแรงขับของ Bulls ที่ยังคงเพิ่มขึ้น แต่ถ้าคุณเห็นว่า Bear Power เริ่มจากค่าลบเป็นค่าบวก นี่ถือเป็นสัญญาณที่ Bears กำลังสูญเสียแรงขับของตัวเอง

สำหรับ Bull Bear Power Indicator นั้นจึงถือว่าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการวัดแรงขับของ Bulls และ Bears ในเวลาที่เฉพาะเจาะจง และสามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งของระบบการเทรดที่มีประสิทธิภาพ เมื่อใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์และเทคนิคอื่นๆ มันสามารถช่วยให้คุณทำการเทรดที่มีประสิทธิภาพและตัดสินใจที่ถูกต้องได้

 

วิธีใช้ Bull และ Bear Power indicator

2 วิธีใช้ Bull และ Bear Power indicator

HFM Market Promotion

การใช้ Bull Bear Power Indicator มักจะทำเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเทรดในการวิเคราะห์เทคนิค ซึ่งระบบนี้ใช้สองเส้นที่คำนวณจาก Exponential Moving Average (EMA) คือ Bull Power และ Bear Power เพื่อติดตามแรงขับของ Bulls และ Bears ตามลำดับ

การตั้งค่า Indicator

  1. เปิดกราฟใน MetaTrader หรือแพลตฟอร์มการเทรดที่คุณใช้
  2. ไปที่เมนู Indicator แล้วเลือก Bull Bear Power
  3. ในส่วนของการตั้งค่า คุณอาจต้องการปรับ EMA ที่ใช้คำนวณ Bull Power และ Bear Power ปกติจะใช้ค่าเริ่มต้นเป็น 13 หรือ 14 วัน

วิธีอ่านสัญญาณ

  • Bull Power: ค่าที่สูงขึ้นหมายถึงแรงขับของ Bulls ที่เพิ่มขึ้น
  • Bear Power: ค่าที่ต่ำลงหมายถึงแรงขับของ Bears ที่เพิ่มขึ้น

การใช้ในการเทรด

  1. เมื่อ Bull Power ขยับขึ้น: นี่เป็นสัญญาณที่ดีในการซื้อ แต่คุณควรใช้สัญญาณนี้ร่วมกับ Indicator อื่นๆ หรือเช็คดูค่า Volume เพื่อยืนยัน
  2. เมื่อ Bear Power ขยับลง: นี่เป็นสัญญาณที่ดีในการขาย ในกรณีนี้ คุณจะต้องยืนยันด้วย Indicator อื่นๆ หรือ Volume เช่นเดียวกัน
  3. เปลี่ยนแปลงแนวโน้ม: หาก Bear Power จากค่าลบเปลี่ยนเป็นค่าบวก นี่อาจเป็นสัญญาณว่า Bears กำลังสูญเสียแรงขับ ทำให้เป็นโอกาสที่ดีในการซื้อ
  4. การใช้ Stop-Loss และ Take-Profit: อย่าลืมตั้งค่า Stop-Loss และ Take-Profit ตามรูปแบบการเทรดและเป้าหมายของคุณ เพื่อจัดการความเสี่ยง

ข้อระวัง

  • Indicator นี้มีความสามารถในการเป็น Lagging Indicator ทำให้สัญญาณที่ได้ไม่ได้เป็น Real-Time จึงควรใช้ร่วมกับ Indicator อื่นๆ
  • ควรทำการทดสอบก่อนใช้ในการเทรดจริง สิ่งนี้เรียกว่า Backtesting และควรทำมันให้ละเอียดที่สุด

 

การใช้และการตั้งค่า Bull and Bear Power Indicator บน mt4

การใช้ Bull Power และ Bear Power ใน MetaTrader 4 (MT4). หากต้องการใช้ตัวบ่งชี้เหล่านี้ในวิธีที่เข้ากันได้ทั้งคู่ตามที่ Dr. Alexander Elder ได้แนะนำ, คุณสามารถทำตามขั้นตอนดังนี้:

  • เพิ่มตัวบ่งชี้ลงในกราฟ: คลิกที่ “Insert” > “Indicators” > “Oscillators” แล้วเลือก “Bull Power” และ “Bear Power”.
  • เพิ่ม EMA-13 ลงในกราฟ: ไปที่ “Insert” > “Indicators” > “Trend” > “Moving Average” แล้วตั้งค่าเป็น EMA 13 periods.
  • วิเคราะห์ Bull Power และ Bear Power: ตัวบ่งชี้สองตัวนี้จะช่วยประเมินความแข็งแกร่งของ Bull และ Bear ในตลาด
  • ใช้ EMA-13 ในการกรองสัญญาณ: EMA-13 จะทำหน้าที่กรองแนวโน้มของตลาด เมื่อตัวบ่งชี้ Bull Power หรือ Bear Power ตรงกับทิศทางของ EMA-13, จะเ considered จะถือว่าเป็นสัญญาณที่ใช้งานได้
  • การเปิด Position: จะเปิด position ขึ้นอยู่กับการที่สัญญาณจาก Bull Power, Bear Power และ EMA-13 ทั้งหมดเข้ากัน
  • ตั้งค่า Stop-Loss และ Take-Profit: หลังจากเปิด position ให้ตั้งค่า Stop-Loss และ Take-Profit ให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงและเป้าหมายของคุณ
  • ทบทวนการเทรด: หลังจากปิด position ให้ทบทวนและปรับปรุงเทคนิคการเทรดของคุณให้ดียิ่งขึ้น

3 การใช้และการตั้งค่า Bull and Bear Power Indicator บน mt4

ข้อแนะนำสำหรับมือใหม่ หลักการวิเคราะห์ Indicator Bull และ Bear Power

การใช้งาน Indicator Bull and Bear Power ในการเทรด Forex หรือทองคำ จะเน้นไปที่แรงขับของผู้ซื้อและผู้ขายในตลาด ซึ่งถือเป็นการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ค่อนข้างง่ายและเข้าใจได้ไม่ยาก

การอ่าน Indicator

  • Histogram บน 00: แรงขับของ “Bulls” หรือผู้ซื้อมีเสถียรภาพ คิดถึงโอกาสในการ “Buy” หรือสั่ง Order Buy
  • Histogram ต่ำกว่า 00: แรงขับของ “Bears” หรือผู้ขายมีเสถียรภาพ คิดถึงโอกาสในการ “Sell” หรือสั่ง Order Sell

คำแนะนำในการใช้งาน

  1. ยืนยันสัญญาณ: หลังจากที่ Bull and Bear Power Indicator ให้สัญญาณ Buy หรือ Sell ควรยืนยันสัญญาณด้วย Indicator อื่นๆ หรือเทคนิควิเคราะห์อื่น เพื่อให้แน่ใจในการตัดสินใจ
  2. ความเสี่ยงและการจัดการเงินทุน: ตั้งค่า Stop-Loss และ Take-Profit อย่างรอบคอบ เพื่อจัดการกับความเสี่ยงและโอกาสที่จะได้รับกำไร
  3. ใช้ในคู่กับเวลาที่แตกต่างกัน: วิเคราะห์ด้วย Timeframe ที่แตกต่างกัน เช่น 15 นาที 1 ชั่วโมง และ 1 วัน ช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและรายละเอียดได้ดียิ่งขึ้น
  4. เทียบกับการวิเคราะห์พื้นฐาน: ถึงแม้ว่า Bull and Bear Power Indicator จะเป็นเครื่องมือทางเทคนิค คุณก็ควรระวังข่าวสารและเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อสกุลเงินหรือทองคำที่คุณกำลังเทรด

ข้อควรระวัง

  • หาก Histogram ขยับไปมาใกล้ 00 ควรระวัง เนื่องจากสัญญาณอาจจะไม่ชัดเจน และตลาดอาจอยู่ในสถานะ Sideways หรือไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน
  • ไม่ควรใช้ Indicator นี้เป็นเครื่องมือหลักในการตัดสินใจ ควรใช้เป็นส่วนหนึ่งในระบบการเทรดที่ครอบคลุมหลายปัจจัย

 

วิธีการวิเคราะห์กราฟ forex ทองคำ ด้วย Bull Bear Power indicator

การวิเคราะห์กราฟ Forex และทองคำมีความสำคัญเพราะตลาดเหล่านี้เป็นตลาดที่มีความผันผวนและมีความเสี่ยงสูง การใช้ Bull and Bear Power Indicator ในกราฟ Forex หรือทองคำจึงสามารถช่วยให้นักลงทุนหรือเทรดเดอร์เข้าใจถึงแรงขับของผู้ซื้อและผู้ขายในตลาด อีกทั้งยังช่วยให้สามารถคาดการณ์แนวโน้มและระดับการรับความเสี่ยงได้ดีขึ้น

Bull and Bear Power Indicator ช่วยให้เราสามารถวัดความแข็งแกร่งระหว่าง Bulls และ Bears ได้ ถ้าแรงขับของ Bulls มากกว่า นั่นหมายความว่าตลาดอยู่ในโหมด “Buy” และถ้า Bears มีความแข็งแกร่ง ก็หมายถึงตลาดเป็น “Sell” ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนและใช้เวลาไม่นานในการตัดสินใจ นั่นทำให้ Bull and Bear Power Indicator เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับตลาดที่ผันผวนและต้องตัดสินใจได้เร็ว

นอกจากนี้การใช้ Bull and Bear Power Indicator ยังช่วยให้เราสามารถควบคุมความเสี่ยงได้ดีขึ้น ในกรณีที่ตลาดไม่ได้เคลื่อนไปตามทิศทางที่เราคาดหวัง การตั้งค่า Stop-Loss หรือ Take-Profit จะช่วยปกป้องทุนของเราจากการเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น

Bull and Bear Power Indicator ทำให้เราสามารถวิเคราะห์กราฟ Forex และทองคำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เราเห็นแนวโน้มระยะสั้นและระยะยาว และสร้างโอกาสในการทำกำไรในตลาดที่มีความผันผวนและความเสี่ยงสูง

ขั้นตอนการวิเคราะห์

  • การติดตั้ง Indicator: หลังจากติดตั้ง Bull and Bear Power Indicator บนแพลตฟอร์มการเทรดของคุณ (เช่น MetaTrader 4) คุณจะเห็น Histogram ปรากฏใน Indicator Window ด้านล่างของกราฟราคา
  • ตั้งค่า Time Frame: คุณต้องเลือก Time Frame ที่ต้องการวิเคราะห์; สามารถเป็น 1 นาที, 5 นาที, หรือ 1 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดของคุณ
  • ตรวจสอบ Histogram: หาก Histogram ของ Bull Power หรือ Bear Power สูงกว่า 0, มีแนวโน้มขาขึ้น (Bullish) หากต่ำกว่า 0, มีแนวโน้มขาลง (Bearish)
  • การใช้ร่วมกับ Indicator อื่น ๆ: Bull and Bear Power Indicator มักจะให้ผลลัพธ์ที่ดีเมื่อใช้ร่วมกับตัวบ่งชี้อื่น ๆ เช่น Moving Averages, RSI หรือ MACD เพื่อยืนยันแนวโน้ม
  • การตั้งค่า Stop-Loss และ Take-Profit: สำคัญในการวาง Stop-Loss และ Take-Profit ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งสามารถวัดได้จากระดับสนับสนุนและความต้านทาน หรือ Volatility ของตลาด
  • ตรวจสอบสัญญาณการซื้อขาย: หลังจากที่คุณได้ทำการวิเคราะห์ด้วย Bull and Bear Power Indicator และตัวบ่งชี้อื่น ๆ ให้ตรวจสอบว่าสัญญาณทั้งหมดเข้ากันหรือไม่ ถ้าเข้ากัน จึงทำการเปิดหรือปิดออร์เดอร์

การติดตั้งและตั้งค่า Indicator ก่อนการวิเคราะห์ทองคำ

  1. ในแพลตฟอร์มการเทรดของคุณ เช่น MetaTrader 4/5 หรืออื่นๆ ไปที่เมนูเลือก “Indicators” หลังจากนั้นเลือก “Bull Bear Power” ในหมวดหมู่ “Oscillators”.
  2. ส่วนของการตั้งค่า โดยปกติจะมีค่า EMA (Exponential Moving Average) ที่ใช้ในการคำนวณ ค่าเริ่มต้นอาจจะเป็น 13 หรือ 14 วัน คุณสามารถปรับค่านี้ได้ตามที่เหมาะสมกับรูปแบบการเทรดของคุณ

วิธีการอ่านและใช้ Indicator

  • Bull Power: ค่าเพิ่มขึ้นหมายความว่าแรงขับของ “Bulls” หรือผู้ซื้อกำลังเพิ่มขึ้น
  • Bear Power: ค่าลดลงหมายความว่าแรงขับของ “Bears” หรือผู้ขายกำลังเพิ่มขึ้น

การตัดสินใจในการเทรด

  1. เมื่อ Bull Power ขยับขึ้น: คิดถึงโอกาสในการซื้อหรือ “Long” แต่เพื่อความปลอดภัยควรรอยืนยันด้วย Indicator อื่นหรือเทคนิคอื่น
  2. เมื่อ Bear Power ขยับลง: พิจารณาการขายหรือ “Short” ใช้ Indicator อื่นหรือเทคนิคในการยืนยัน
  3. ร่วมกับวิเคราะห์พื้นฐาน: คำนึงถึงข่าวและเหตุการณ์ที่อาจมีผลต่อ Forex และทองคำ

4 การตัดสินใจในการเทรด

การเปิดออร์เดอร์ Sell

  1. EMA ลดลง: ตรวจสอบให้แน่ใจว่า EMA (Exponential Moving Average) กำลังขยับลง
  2. Bulls Power ลดตัวลง แต่ยังเป็นบวก: หาก Bulls Power ยังอยู่ในเขตบวก แต่ค่าลดลงเรื่อยๆ
  3. Bears Power ถึงจุดต่ำสุดใหม่: จุดต่ำสุดล่าสุดของ Bears Power ต้องต่ำกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้า
  4. ความแตกต่างระหว่าง Bulls Power และราคา: ราคาสูงสุดของตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ Bulls Power ลดลง
  5. ไม่เปิด Short หาก Bulls Power ลบ: หาก Bulls Power เป็นค่าลบ ไม่ควรเปิดตำแหน่ง short

5 การเปิดออร์เดอร์ Sell

การเปิดออร์เดอร์ Buy

  1. EMA เพิ่มขึ้น: ตรวจสอบว่า EMA (Exponential Moving Average) กำลังขยับขึ้น
  2. Bears Power ขึ้น แต่ยังเป็นลบ: Bears Power ต้องเป็นค่าลบแต่กำลังขึ้น
  3. Bulls Power ถึงจุดสูงสุดใหม่: จุดสูงสุดล่าสุดของ Bulls Power ต้องสูงกว่าจุดสูงสุดก่อนหน้า
  4. Bullish Divergence ใน Bears Power และราคา: ราคาต่ำสุดลดลง แต่ Bears Power ไม่ลดตาม
  5. ไม่เปิด Long หาก Bears Power บวก: หาก Bears Power เป็นค่าบวก ไม่ควรเปิดตำแหน่ง long

 

ประวิติความเป็นมา  Bull and Bear Power Indicator

Bull and Bear Power Indicator ถูกสร้างขึ้นโดย Dr. Alexander Elder ซึ่งเป็นแพทย์ผู้มีความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งในเรื่องของจิตวิทยาการลงทุนและการเทรด ตัวบ่งชี้นี้ถูกออกแบบมาเพื่อวัดและแสดงถึงพลังของฝ่ายซื้อ (Bull) และฝ่ายขาย (Bear) ในตลาด ด้วยการใช้ข้อมูลราคาในอดีต เพื่อให้ผู้ลงทุนและเทรดเดอร์สามารถทำการวิเคราะห์แนวโน้มราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวบ่งชี้นี้มักจะถูกแสดงในรูปแบบ Histogram ที่มีค่าบวกและลบ ค่าบวกหรือ “Bull Power” คือความแตกต่างระหว่างราคาสูงสุดของวันนั้น และ Exponential Moving Average (EMA) ซึ่งปกติจะใช้ EMA 13 วัน ค่าลบหรือ “Bear Power” ก็คือความแตกต่างระหว่างราคาต่ำสุดของวันนั้น และ EMA 13 วันนั้นเอง

ตัวบ่งชี้ Bull and Bear Power Indicator ถือว่าเป็นตัวบ่งชี้ที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าใจซับซ้อนเกินไป แต่ยังคงความสามารถในการให้ข้อมูลที่มีคุณค่าสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค ทำให้มันได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์และนักลงทุนทั้งมือใหม่และมืออาชีพ

ถึงแม้ว่าตัวบ่งชี้นี้จะถูกใช้ในหลายประเภทของตลาดทั้งหุ้น, สินค้า, และ Forex แต่มันยังคงเป็นหนึ่งในตัวบ่งชี้ที่ถูกใช้ที่สุดในตลาด Forex และทองคำ ด้วยความสามารถในการยืนยันแนวโน้มและพลังซื้อขาย ทำให้ Bull and Bear Power Indicator มีความสำคัญและมีค่าในการตัดสินใจของเทรดเดอร์และนักลงทุนมากมาย

 

ข้อดีข้อเสีย Bull และ Bear Power indicator

ข้อดี

  1. ความง่ายดายในการใช้งาน: ไม่ต้องมีความเชี่ยวชาญมากก็สามารถใช้ได้
  2. ลักษณะ Histogram: ให้ข้อมูลที่ง่ายต่อการอ่านและตีความ
  3. เหมาะสมสำหรับมือใหม่: เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับผู้เทรดใหม่ที่อยากเข้าใจแนวโน้มของตลาด
  4. ช่วยยืนยันแนวโน้ม: สามารถใช้ร่วมกับ Indicator อื่น ๆ เพื่อยืนยันแนวโน้ม
  5. ความสามารถในการปรับ Time Frame: สามารถใช้ในหลาย Time Frame
  6. เสี่ยงต่ำของการส่งสัญญาณเท็จ: ถ้าใช้ร่วมกับ Indicator อื่น ๆ สามารถลดความเสี่ยงของสัญญาณเท็จ
  7. เหมาะสำหรับหลายประเภทของ Asset: สามารถใช้ได้ทั้งใน Forex, หุ้น, และทองคำ
  8. ความเร็วในการตอบสนอง: ตอบสนองกับการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างรวดเร็ว
  9. ความเป็นกลาง: ไม่มี bias ระหว่างขาขึ้นหรือขาลง
  10. ปรับปรุงโอกาสในการทำกำไร: เมื่อใช้ถูกต้องสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

ข้อเสีย

  1. สัญญาณเท็จ: อาจจะมีสัญญาณเท็จถ้าใช้โดยไม่มีการยืนยันจากตัวบ่งชี้อื่น ๆ
  2. ข้อจำกัดของข้อมูล: ขึ้นอยู่กับข้อมูลราคาในอดีต
  3. ซับซ้อนสำหรับมือใหม่: ถ้าไม่เข้าใจถึงหลักการพื้นฐานอาจจะใช้งานได้ยาก
  4. ความต้องการหาความยืนยัน: ต้องใช้ร่วมกับ Indicator อื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
  5. ไม่เหมาะสำหรับทุกสไตล์การเทรด: อาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่เทรดแบบ Short-Term หรือ Scalping
  6. ขอใช้ความรู้เฉพาะทาง: ต้องมีความเข้าใจด้านเทคนิคการเทรด
  7. เกิดการสับสนกับสัญญาณอื่น: ถ้าใช้ Indicator มากเกินไปอาจจะทำให้สับสน
FOREXDUCK Logo

FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง

HFM Promotion