ROC curve คืออะไร
Rate-of-Change (ROC) คือ Indicator ที่หาอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคา เป็นตัวชี้วัดอัตราการเปลี่ยนแปลง (Rate of Change: ROC) หรือที่เรียกว่าตัวชี้วัดเสถียรภาพการเคลื่อนไหว (Momentum Indicator) เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงร้อยละของราคาระหว่างช่วงเวลาสองจุด
โดยใช้เพื่อจำแนกความแข็งแกร่งของแนวโน้ม และช่วยให้นักเทรดและนักลงทุนทำการตัดสินใจในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ได้อย่างมีเหตุผล
ถือได้ว่าเป็นการดูโมเมนตัมอย่างตรงไปตรงมามากที่สุด สามารถประยุกต์ใช้งานในการเทรดได้หลากหลาย ถึงแม้จะดูเรียบง่าย แต่ประสิทธิภาพสูงด้วย
- เครื่องมือที่วัดโมเมนตัม มักจะเหมาะกับตลาดที่เป็น Sideway
ลักษณะ Indicator (Rate of Change: ROC)
Rate of Change (ROC) เป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ใช้วัดอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นหรือสินทรัพย์ทางการเงินในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ โดยมีลักษณะดังนี้
การคำนวณ: ROC จะคำนวณจากอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาของสินทรัพย์ภายในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งสามารถคำนวณได้จากสูตร [(ราคาปัจจุบัน – ราคา n วันก่อน) / ราคา n วันก่อน] x 100
การวิเคราะห์แนวโน้ม: ROC จะช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาว่าเป็นเชิงบวกหรือเชิงลบ โดยจะแสดงผลลัพธ์เป็นเปอร์เซ็นต์ของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะช่วยในการตรวจสอบว่าราคากำลังเคลื่อนที่ขึ้นหรือลงในช่วงเวลานั้นๆ
การใช้ร่วมกับอื่นๆ ตัวชี้วัดอื่นๆ: ROC สามารถนำมาใช้ร่วมกับตัวชี้วัดอื่นๆ เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) เพื่อประเมินความเสี่ยงและเลือกการลงทุนในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การสร้างสัญญาณซื้อขาย: ผู้ลงทุนสามารถใช้ ROC เพื่อสร้างสัญญาณซื้อขายโดยการจับคู่กับตัวชี้วัดอื่นๆ เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ หรืออินดิเคเตอร์อื่นๆ
การนำ ROC มาใช้ร่วมกับการวิเคราะห์เทคนิคอื่นๆ เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) และการวิเคราะห์แนวโน้มของราคา จะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถประเมินความเสี่ยงและเลือกการลงทุนในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
คำนิยาม Rate of Change Indicator
- คำนิยาม Rate of Change Indicator คือ ใช้เพื่อเป็นตัวบ่งชี้อัตราการเปลี่ยนแปลง (ROC) เป็นออสซิลเลเตอร์โมเมนตัม
- โดยจะคำนวณเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของราคาระหว่างช่วงเวลาต่างๆ ROC ใช้ราคาปัจจุบันและเปรียบเทียบกับราคา “n” ช่วงเวลา (ผู้ใช้กำหนด) ที่ผ่านมา
- จากนั้นค่าที่คำนวณได้จะถูกลงจุดและผันผวนเหนือและใต้เส้นศูนย์
- นักวิเคราะห์ทางเทคนิคอาจใช้อัตราการเปลี่ยนแปลง (ROC) สำหรับ; การระบุแนวโน้มและการระบุเงื่อนไขการซื้อมากเกินไปและการขายมากเกินไป
พื้นฐาน (ROC)
ข้อมูลส่วนนี้ คือข้อมูลพื้นฐาน ที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะรู้กันอยู่แล้ว ว่าอัตราการเปลี่ยนแปลง (ROC) มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับราคา เมื่อราคาเพิ่มขึ้นหรือก้าวหน้า ค่า ROC จะยังคงอยู่เหนือเส้นศูนย์ (ค่าบวก) และเมื่อราคาลดลงหรือลดลง ค่า ROC จะยังคงต่ำกว่าเส้นศูนย์ (ค่าลบ)
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ ROC จะยังเป็นออสซิลเลเตอร์ แต่ก็ไม่ได้จำกัดขอบเขตไว้ตามช่วงเวลาที่ตั้งไว้อย่างเดียว เพราะว่าไม่มีการจำกัดได้ว่า ว่าราคาหลักทรัพย์จะไปได้ไกลแค่ไหน แต่แน่นอนว่ามีขีดจำกัดสำหรับราคาที่สามารถลดลงได้ คือ เอาง่ายๆว่า หากราคาไปที่ $0 แสดงว่าราคาจะไม่ลดลงอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้เทรดเดอรืบางคนจะคิดว่า เครื่องมือวิเคราะห์ ROC บางครั้งก็อาจดูเหมือนไม่สมดุลกัน แต่ก็จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะมีหลักการคำนวณไว้ชัดเจนสำหรับเครื่องมือตัวนี้อยู่แล้ว
ROC ในการเทรดได้ วิธีไหนบ้าง
การตรวจสอบจุดสัมผัสของราคา
- เทรดเดอร์สามารถใช้ ROC เพื่อตรวจสอบจุดสัมผัสของราคากับเส้นคลื่นของ ROC ว่ามีจุดไหนที่ชนกันหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มราคา
การตัดสินใจซื้อขาย
- ROC สามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้ว่าราคาของหลักทรัพย์มีแนวโน้มขึ้นหรือลงในช่วงเวลาที่กำหนดไว้หรือไม่
- การใช้สาย ROC ที่วิ่งข้ามเส้นศูนย์ในทิศทางเดียวกันเป็นสัญญาณว่ามีแนวโน้มขึ้นหรือลง
การตัดสินใจในการออกตลาด
- เมื่อ ROC ระบบสามารถบอกให้เราเห็นได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของราคาอยู่ในช่วงสูงสุดหรือต่ำสุด
- เมื่อค่า ROC เริ่มเคลื่อนที่ลงจากจุดสูงสุดหรือขึ้นจากจุดต่ำสุด
- เทรดเดอร์สามารถใช้สัญญาณนี้เพื่อตัดสินใจที่จะออกจากตลาดหรือไม่
ค่าที่ใช้ ROC
- ค่า ROC ที่ใช้ คือ ใช้ราคาปัจจุบันหารด้วยราคาจากช่วงก่อนหน้าที่ระบุไว้
- แล้วคูณด้วย 100 เพื่อเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบร้อยละ
- เช่น หากราคาปัจจุบันคือ 50 ดอลลาร์
- และราคาจาก 10 ช่วงก่อนหน้านั้นเป็น 40 ดอลลาร์
- ค่า ROC จะเป็น 25% ((50-40)/40 * 100)
ROC สามารถนำไปใช้ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันได้ ตั้งแต่ระยะสั้นถึงระยะยาว ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ของนักเทรดและสินทรัพย์ที่สนใจ
ค่า ROC บวกแสดงว่าราคากำลังขึ้น ในขณะที่ค่า ROC ลบแสดงว่าราคากำลังลดลง นักเทรดสามารถมองหาความแตกต่างระหว่าง ROC และราคาเพื่อหาสัญญาณเตือนการเปลี่ยนแนวโน้มของราคา
สูตรการคำนวณ
ในการคำนวณ ROC แทบจะคำนวณง่ายที่สุดในบรรดา Indicator ทั้งหมด เพราะการคำนวณ ROC นั้นตรงไปตรงมาอย่างมาก เหมือนกับการหาเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของราคา แค่เทียบต่าง Period กันออกไป
- ROC = [(Close – Close n periods ago) / (Close n periods ago)] * 100
ใช้ Rate-of-Change การเทรด forex
Rate-of-Change (ROC) คือตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของราคา โดยวัดจากการเปรียบเทียบราคาปัจจุบันกับราคาในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ โดย ROC จะแสดงค่าเป็นเปอร์เซ็นต์ของการเปลี่ยนแปลง ตัวชี้วัดนี้สามารถใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคา รวมถึงการตรวจสอบเส้นสนับสุดท้ายและจุดสูงสุด/ต่ำสุดในกราฟ
ในการเทรด Forex เทรดเดอร์สามารถใช้ ROC เป็นตัวชี้วัดนี้ในการวิเคราะห์แนวโน้มของคู่เงิน และใช้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจซื้อ-ขาย
- โดยกำหนดค่า ROC ในช่วงเวลาที่ต้องการตรวจสอบแล้ววิเคราะห์ข้อมูล ROC เพื่อหาสัญญาณการซื้อหรือขาย
- เช่น หาก ROC ในช่วง 14 วันมีค่าบวก แสดงว่าราคาปัจจุบันมีแนวโน้มขึ้นจาก 14 วันก่อนหน้า
- ในขณะเดียวกัน หาก ROC ในช่วง 14 วันมีค่าลบ แสดงว่าราคาปัจจุบันมีแนวโน้มลดลงจาก 14 วันก่อนหน้า
- ดังนั้น ผู้ใช้ ROC สามารถใช้ข้อมูลนี้ในการตัดสินใจซื้อหรือขายคู่เงิน โดยควรพิจารณาเทรนด์ที่เป็นไปได้ของราคาและสัญญาณอื่นๆ เช่น เส้นสนับสุดท้าย และเทคนิคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเทรด
Overbought and Oversold
การซื้อมากเกินไปและขายมากเกินไป ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ROC ไม่ได้มีขอบเขตเหมือนกับออสซิลเลเตอร์อื่นๆ ด้วยเหตุนี้ การระบุภาวะซื้อเกินและขายเกินจึงอาจตรงไปตรงมาน้อยกว่าเล็กน้อย การรู้ว่าควรวางเกณฑ์ซื้อมากเกินไปและขายมากเกินไปที่ตำแหน่งใดอาจเป็นเรื่องยาก
วิธีที่ดีที่สุดในการบรรลุเป้าหมาย คือ การใช้การรวบรวมข้อมูลและการวิเคราะห์ทางดู เทรดเดอร์สายเทคนิคสามารถดูการเคลื่อนไหวของราคาในอดีต เมื่อเทียบกับ ROC เพื่อให้เข้าใจได้ดีขึ้น เมื่อตราสารมีการซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไปนั้นเอง
ดูแนวโน้ม
ROC เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการดูแนวโน้มของราคา โดยจะเป็นตัววัดการเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ ทำให้เราสามารถดูได้ว่าราคาขึ้นหรือลงมากน้อยเท่าไหร่ จากนั้นจึงนำข้อมูล ROC มาวิเคราะห์ เพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์
อย่างไรก็ตาม การใช้ ROC ในการตัดสินใจเทรดหรือการลงทุนควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ เพื่อทำให้การตัดสินใจเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งการวิเคราะห์กราฟราคาและการจัดการความเสี่ยงยังเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยเมื่อทำการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ด้วย ROC
เราสามารถปรับค่า Period ของ ROC ให้ยาวขึ้น เพื่อที่จะสามารถดูแนวโน้มของราคาได้ โดยทั่วไปจะค่า Period ที่ 250 วัน แทนระยะเวลา 1 ปี (กรณีดูแนวโน้มระยะยาว), 125 วัน แทน ครึ่งปี, 63 วัน แทน 1 ไตรมาส และ 21 วัน แทน 1 เดือน
โดยการดูแนวโน้มนั้นเพียงสังเกตว่า
- ROC > 0 = แนวโน้มขาขึ้น
- ROC < 0 = แนวโน้มขาลง
การใช้งาน ROC ใน Tradingview
สรุปโดยประมาฦณสำหรับการใช้ ROC ใน Tradingview
ใน Tradingview นั้นมีการใช้งาน ROC อย่างใช้ง่าย โดยสามารถทำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้:
- เลือกหลักทรัพย์ที่ต้องการวิเคราะห์โดยคลิกที่ช่องค้นหาหรือเลือกจาก Watchlist ของเรา
- เลือกช่วงเวลาที่ต้องการวิเคราะห์ได้ตามต้องการ
- คลิกที่ปุ่ม “Technical Indicators” ที่ด้านบนของหน้าจอ
- เลือก ROC จากเมนู “Momentum”
- สามารถตั้งค่าตามที่ต้องการ อาทิเช่น จำนวนช่วงเวลาที่ต้องการวิเคราะห์ หรือการกำหนดเส้นขอบเขตของ ROC
- รอดูผลลัพธ์และวิเคราะห์ของ ROC ที่แสดงออกมาบนกราฟของหลักทรัพย์นั้น
- การใช้งาน ROC ใน Tradingview นี้เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น คุณสามารถปรับเปลี่ยนและกำหนดการใช้งานตามที่ต้องการได้ โดยมีเครื่องมือและตัวช่วยอื่นๆ ที่มีอยู่ใน Tradingview อีกมากมายที่สามารถใช้งานร่วมกับ ROC ได้ เพื่อช่วยในการวิเคราะห์และตัดสินใจเทรดหรือการลงทุนให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
มีขั้นตอน ดังนี้
- เข้าไปที่ www.tradingview.com
- Login เพื่อลงชื่อเข้าใช้ ตามความสะดวกของผู้ใช้งาน
- คลิ๊กเลือก Indicator จะแสดงหน้าจอเพื่อให้ Search… Indicator, ROC
- ซึ่งจะแสดงเครื่องมือต่างๆ ให้สามารถเลือกใช้งานได้
- กรณีหากต้องการเรียกใช้ ROC ใน Tradingview ก็ให้พิมพ์หาที่ช่อง Search ได้เลย ตามภาพประกอบด้านล่าง…
- เมื่อคลิ๊กเลือกแล้ว หน้าจอจะแสดง Indicator ROC ขึ้นมา
- จะมีเครื่องมือต่างๆ ให้ได้ลองเล่นมากมาย
- การตั้งค่าก็จะมีให้เลือกตรงเลือกหมายฟันเฟือง มี 3 ส่วนให้เลือกปรับได้
Inputs
Length
- ช่วงเวลาที่ใช้ในการคำนวณ ROC 9 เป็นค่าเริ่มต้น
Source
- กำหนดว่าจะใช้ข้อมูลจากแต่ละแถบในการคำนวณ Close is the default.
Style
ROC
- สามารถสลับการมองเห็นของ ROC เช่น เดียวกับการมองเห็นเส้นราคาที่แสดงราคาปัจจุบันที่แท้จริงของ ROC
- นอกจากนี้ยังสามารถเลือกสี ความหนาของเส้น และรูปแบบการมองเห็นของ ROC Line
Precision
- ตั้งค่าจำนวนตำแหน่งทศนิยมที่จะทิ้งไว้ในค่าของตัวบ่งชี้ก่อนที่จะปัดเศษขึ้น
- ยิ่งตัวเลขนี้สูง จุดทศนิยมก็จะมากขึ้นตามค่าของตัวบ่งชี้
การใช้งาน ROC ใน MT4
ใน MT4 (MetaTrader 4) ผู้ใช้สามารถใช้งานตัวชี้วัด Rate-of-Change (ROC) ได้โดยการทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:
- เปิดกราฟของคู่เงินที่ต้องการเทรด
- คลิกที่เมนู “Insert” และเลือก “Indicators” เพื่อเลือกตัวชี้วัด ROC
- เลือก “Oscillators” และเลือกตัวชี้วัด ROC
- จะปรากฏหน้าต่าง “ROC Properties” ให้ตั้งค่า Period หรือช่วงเวลาของ ROC ตามที่ต้องการ
- คลิก OK เพื่อนำตัวชี้วัด ROC มาแสดงบนกราฟ
เมื่อตัวชี้วัด ROC แสดงบนกราฟ ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์แนวโน้มของราคาได้จากค่า ROC ในช่วงเวลาที่ต้องการ โดยทั่วไปแล้ว ROC จะถูกตั้งค่าให้เป็นช่วงเวลา 14 วัน แต่ผู้ใช้สามารถปรับค่านี้ได้ตามต้องการ
ผู้ใช้สามารถใช้ ROC เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเทรด Forex โดยการหาจุดที่ค่า ROC บวกหรือลบสลับกันและสังเกตุว่าเส้นสนับสุดท้ายของกราฟตัวราคากำลังตามหรือข้างหลังของแนวโน้มนั้น สำหรับการซื้อหรือขาย ผู้ใช้สามารถใช้สัญญาณราคาอื่นๆ
เช่น Moving Average (MA) เพื่อเสริมความเชื่อมั่นในการตัดสินใจเทรดในแนวโน้มเดียวกันได้ การใช้ ROC ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์อื่นๆ เพื่อเพิ่มความถูกต้องในการตัดสินใจ
สำหรับ MT4 จะใช้คํานวณสําหรับความแตกต่างระหว่างราคาปิดปัจจุบันและราคาปิด N รอบระยะเวลาก่อนรอบระยะเวลาปัจจุบัน
- จากนั้นจะหารความแตกต่างที่เกิดขึ้นด้วยราคาปิด N รอบระยะเวลาก่อนรอบระยะเวลาปัจจุบัน
- ผลลัพธ์จะถูกคูณด้วย 100 เมื่อได้เป็นเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของราคาจากรอบระยะเวลาก่อนหน้านี้
- ผลลัพธ์จะถูกพล็อตเป็นเส้นที่ไม่มีขอบเขตที่สั่นได้อย่างอิสระรอบจุดกึ่งกลางของศูนย์
สรุป
ROC มีสิ่งสำคัญ คือ ต้องจำไว้ว่า ROC สามารถสร้างสัญญาณบางอย่างได้ก็จริง แต่จะมีประสิทธิภาพ มากที่สุด เมื่อยืนยันสัญญาณหรือเงื่อนไขที่ระบุโดยการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพิ่มเติม หรือเป้นการเรียกเครื่องมืออื่นๆมาวิเคราะห์ร่วมด้วย อย่างโมเมนตัมก็เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา และ ROC วิเคราะห์โมเมนตัมได้ค่อนข้างดี ด้วยเหตุนี้จึงถือว่าเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ดีตัวหนึ่ง
ROC เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่มีประโยชน์สำหรับนักเทรดและนักลงทุนในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาของสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อหรือขายสินทรัพย์ในแต่ละช่วงเวลา ต้องการคำนวณ ROC จะเป็นการวัดร้อยละของการเปลี่ยนแปลงของราคาระหว่าง 2 จุดในเวลาที่กำหนดไว้
ROC สามารถใช้ในช่วงเวลาต่างๆ ตั้งแต่ช่วงสั้นไปจนถึงช่วงยาวขึ้นอยู่กับการตั้งค่าของนักเทรด และสินทรัพย์ที่ได้รับการวิเคราะห์ การค่า ROC บวกแสดงว่าราคากำลังเพิ่มขึ้น ในขณะที่ ROC ลบแสดงว่าราคากำลังลดลง นักเทรดอาจมองหาการแตกต่างระหว่าง ROC และราคาเพื่อสำหรับการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของราคาในอนาคต โดยรวมแล้ว ROC เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับนักเทรดและนักลงทุน
แต่อย่างไรก็ตาม ควรใช้ ROC ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ และไม่ควรใช้ ROC เพียงอย่างเดียวเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจลงทุน
FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง