Pivot Point คืออะไร สูตรการคำนวณ เทคนิคการใช้งาน

IUX Markets Bonus

Pivot Point คืออะไร

Pivot Point คืออะไร

Pivot Point Indicator อ่านว่า ไพวอท พ้อยส์ คือ เครื่องมือชนิดหนึ่งในการวิเคราะห์กราฟราคาหุ้น ฟิวเจอร์ส สกุลเงินดิจิทัลต่างๆ และสินทรัพย์อื่นๆ ที่ใช้สำหรับวิเคราะห์คำนวณระดับแนวรับ และระดับแนวต้าน ตัวช่วยในการดูทิศทางการแกว่งตัวของราคา ในวันถัดไป

โดยใช้ราคาของวันก่อนหน้าเป็นข้อมูลเข้า โดย Pivot Point Indicator จะคำนวณโดยใช้ราคาเปิด (Open), ราคาปิด (Close), ราคาสูงสุด (High) และราคาต่ำสุด (Low) ของวันก่อนหน้า แล้วแสดงผลลัพธ์เป็นเส้นระดับรับและระดับต้านทางของราคาในวันถัดไป

ส่วนสูงสุดของราคาในวันก่อนหน้าจะกลายเป็นระดับต้านทาง ในขณะที่ราคาต่ำสุดจะกลายเป็นระดับรับทาง ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการวิเคราะห์และเทรดหุ้นในวันถัดไป

Pivot points นั้น มาจากพวก Floor trader หรือเทรดเดอร์อนุรักษ์นิยมรุ่นเก่าที่ซื้อขาย บนกระดาน (สมัยก่อนไม่มีโปรแกรมเทรด จะใช้ดูการขึ้นลงของราคาเป็นกระดาน) ในพวกสาย Day trade ก็จะดูราคา High, Low และ Close ของวันก่อนหน้ามาคำนวณ Pivot point เพื่อจุดเข้าจุดออกในวันถัดมาจากตรงนี้

นอกจาก Pivot Point Indicator แบบมีคำนวณโดยใช้ราคาเปิด (Standard Pivot Point) แล้วยังมีรูปแบบอื่นๆ เช่น Fibonacci Pivot Point, Camarilla Pivot Point, Woodie Pivot Point, DeMark Pivot Point ที่ใช้วิธีคำนวณแตกต่างกันไป แต่เป็นเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์และเทรดหุ้นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายด้วยเช่นกัน จะอธิบายในส่วนถัดไป

HFM Market Promotion

Pivot Point บน TradingView

การวิเคราะห์ Pivot Point

การวิเคราะห์ Pivot Point เป็นเทคนิคในการกำหนดระดับสำคัญ ที่ราคาอาจตอบสนอง Pivot Point โดยมีแนวโน้มจะทำหน้าที่เป็นแนวรับหรือแนวต้าน และสามารถเปลี่ยนเป็นจุดกลับตัวได้

ประเภทของ Pivot points คือแบบ

  •  Fibonacci Pivot Point
  • Standard Pivot Points
  • Camarilla Pivot Points
  • Fibonacci Pivot Points
  • Woodie Pivot Points
  • DeMark Pivot Points

มีหลายรูปแบบของ Pivot Points ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการวิเคราะห์ แต่รูปแบบที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ Standard Pivot Points โดยมีคำนวณจากราคาปิดสุดท้าย รวมถึงรูปแบบอื่นๆ แต่ละรูปแบบของ Pivot Points จะมีวิธีคำนวณและเส้นรอบรับและรอบต้านทางที่ต่างกันไป ซึ่งใช้กันตามความเหมาะสมในแต่ละรูปแบบของการวิเคราะห์และเทรด

ส่วนใหญ่ใช้รูปแบบของราคาที่มีนัยสำคัญ ใช้เพื่อการคำนวณ หาจุด ระดับราคาสูงสุด, ต่ำสุด, ราคาเปิดและราคาปิด pivot points ถือว่ามีความแม่นยำสูง ในการคำนวณระดับแนวรับและระดับแนวต้าน อีกทั้งยังสามารถใช้เพื่อกำหนดจุดเข้าหรือจุดออกจากการเทรด หรือแม้แต่การกำหนดระยะการเคลื่อนที่ของตลาดก็สามารถทำได้ดีเช่นเดียวกัน จึงเป็นเครื่องมือที่เทรดเดอร์หลายๆคนชอบ และใช้อยู่เป็นประจำ

เทรดเดอร์แนวอนุรักษ์นิยมจะชอบมากกับการวิเคราะห์ Pivot Point นี้ เพราะมันเหมือนเป้นการมองหาสัญญาณ และการยืนยันเพิ่มเติมก่อนที่จะเข้าเทรด ทำให้เทรดเดอรืแนวนี้ชอบมากเป็นพิเศษ และไม่ว่าจะใช้ pivot points เพียงอย่างเดียวหรือใช้ร่วมกับเทคนิคอื่น ๆ เครื่องมือเหล่านี้เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในกล่องเครื่องมือของเทรดเดอร์สายเทคนิคอล ก็ยังเอามาประยุตก์ใช้ร่วมกันได้เป็นอย่างดี

Pivot Point ถือเป็นเครื่องมือ Technical Analysis ชนิดหนึ่งที่ได้รับการนิยมอย่างมากในตลาดตราสารอนุพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นสกุลเงิน Forex, ทองคำ, น้ำมัน หรือฟิวเจอร์สของหุ้นต่างประเทศ เนื่องจาดตลาดดังกล่างมีความผันผวนสูงและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การใช้ Pivot Point เพื่อคำนวณแนวรับแนวต้านให้อัตโนมัติจึงสะดวกกว่า

Pivot Point การใช้งาน

เทคนิคการใช้งาน Pivot Point indicator

Pivot Point สามารถใช้ได้อย่างไม่จำกัดสภาวะตลาด ถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญชนิดหนึ่งเลยไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Bullish) หรือแนวโน้มขาลง (Bearish) เช่น

  • ถ้าแนวโน้มขาขึ้น เทรดเดอร์จะใช้ Pivot Point เพื่อดูแนวรับในการเข้าเทรด
  • ถ้าเป็นแนวโน้มขาลง เทรดเดอร์จะใช้ Pivot Point ดูแนวต้านเพื่อหาจังหวะในการเข้า Sell
  • ถ้าตลาดเป็น Sideway ก็จะใช้ทั้งแนวรับ-แนวต้านจาก Pivot Point สามารถเข้าเทรดได้ทั้ง 2 ฝั่ง

เทคนิคการใช้งาน Pivot Point indicator

เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ ที่ทำการซื้อขาย หุ้น ฟิวเจอร์ส สกุลเงินดิจิทัลต่างๆ และสินทรัพย์อื่นๆ มักใช้ Pivot Point indicator เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มราคา และหาจุดรับ-จุดสั่งขายที่เหมาะสม ดังนั้นการใช้ Pivot Point indicator จึงเป็นเทคนิคที่จำเป็นในการซื้อขาย หุ้น ฟิวเจอร์ส สกุลเงินดิจิทัลต่างๆ ในปัจจุบันอยู่

  • เริ่มต้นด้วยการคำนวณ Pivot Point โดยใช้ราคาสูงสุด (High) ราคาต่ำสุด (Low) และราคาปิด (Close) ของวันก่อนหน้า ซึ่งสูตรสำหรับการคำนวณ Pivot Point ดังนี้
Pivot Point (PP) = (High + Low + Close) / 3
  • จากนั้นใช้ Pivot Point ที่ได้มาเป็นจุดศูนย์กลางของการวิเคราะห์ โดยคำนวณจุดรับ-จุดสั่งขายด้วยระยะห่างระหว่าง Pivot Point และราคาสูงสุด/ต่ำสุดของวันก่อนหน้า ซึ่งจะมีสูตรสำหรับการคำนวณจุดรับ-จุดสั่งขายมี

หลังจากคำนวณ Pivot Point และจุดรับ-จุดสั่งขาย สามารถนำมาใช้ในการซื้อขายได้ดังนี้

  • เมื่อราคาเกิดขึ้นไปตามแนวโน้มและสัมพันธ์กับ Pivot Point ที่สูงขึ้น จะมีแนวโน้มว่าราคาจะขึ้นต่อไป
  • ในทางกลับกัน เมื่อราคาลงตามแนวโน้มและสัมพันธ์กับ Pivot Point ที่ต่ำลง จะมีแนวโน้มว่าราคาจะลดต่อไป
  • ดังนั้น นักลงทุนสามารถสังเกตแนวโน้มของราคาว่าเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด และใช้ Pivot Point เพื่อเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจในการซื้อหรือขายได้

การสังเกตจุดรับ-จุดสั่งขาย (Support and Resistance)

ในการสังเกตจุดรับ-จุดสั่งขาย (Support and Resistance) ที่ได้จาก Pivot Point สามารถนำมาใช้ในการตัดสินใจซื้อหรือขาย โดยใช้ระยะห่างระหว่างราคาปัจจุบันสินทรัพย์ กับจุดรับ-จุดสั่งขาย เมื่อราคาอยู่ใกล้จุดรับหรือจุดสั่งขาย นักลงทุนสามารถตัดสินใจเลือกจะซื้อหรือขายตามแนวโน้มของราคา

การใช้ Pivot Point เพื่อหาแนวโน้มราคา ในระยะยาว โดยใช้ Pivot Point เป็นจุดศูนย์กลาง และเชื่อมโยงระหว่างจุดรับ-จุดสั่งขายทั้ง 3 ขั้นตอน เพื่อสร้างเส้นโค้งระดับราคา Support and Resistance ที่สามารถใช้ในการสังเกตแนวโน้มราคาสินทรัยพ์ต่างๆ ในระยะยาวได้

Pivot Point การสังเกตจุดรับ จุดสั่งขาย

สุดท้าย การใช้ Pivot Point indicator เป็นเพียงเครื่องมือในการวิเคราะห์แนวโน้มราคา หุ้น ฟิวเจอร์ส สกุลเงินดิจิทัลต่างๆ และสินทรัพย์ เท่านั้น การใช้ Pivot Point indicator ไม่ใช่การทำนายราคา แต่เป็นการช่วยในการตัดสินใจในการซื้อหรือขาย โดยพิจารณาจากแนวโน้มราคาที่แสดงโดย Pivot Point และจุดรับ-จุดสั่งขาย ซึ่งเทรดเดอร์ที่ใช้งานควรใช้ Pivot Point ร่วมกับการวิเคราะห์ข้อมูลอื่น ๆ

เช่น ตัวชี้วัดความเสี่ยง (Risk indicators) เพื่อเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดในการตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้น ฟิวเจอร์ส สกุลเงินดิจิทัลต่างๆ และสินทรัพย์ ให้มีความแม่นยำ และเหมาะสมกับแต่ละบริบทที่เกิดขึ้นในตลาดแต่ละวัน

การใช้ Pivot Point indicator ควรเป็นเพียงเครื่องมือในการวิเคราะห์แนวโน้มราคาเท่านั้น และไม่ควรใช้เพื่อการลงทุนที่ไม่เหมาะสมหรือเสี่ยงมากเกินไป ดังนั้น การใช้ Pivot Point indicator ควรมีการวิเคราะห์และการตัดสินใจเสมอเพื่อเป็นการลงทุนที่มีความเหมาะสมและปลอดภัยมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

สูตรการคำนวณ Pivot Point

สูตรการคำนวณ Pivot Point

วิธีคำนวณ Pivot Points

สูตรคลาสสิกสำหรับการคำนวณ Pivot Points กัน Pivot Point (PP) หลัก คือ Pivot กลาง โดยที่มี Pivot กลาง คือแนวรับ/แนวต้านหลัก คือ การคาดว่าราคาจะลอยตัวในระดับนี้เกือบตลอดเวลา นี่คือพื้นฐานสำหรับระดับ Pivot อื่นๆ ทั้งหมด

Pivot Point คือ Indicator Forex จะนำมาคำนวณแนวรับแนวต้านให้อัตโนมัติ โดยแนวคิดของ Pivot Point จริงๆ พื้นฐานมาจากเรื่องค่าเฉลี่ย หรือ “Mean” วิธีการของ Pivot Point Indicator จะคำนวณจุดกึ่งกลางออกมาก่อน ซึ่งจุดดังกล่าวจะเรียกว่า “PP” หรือจุด P (ซึ่งก็คือจุด Pivot Point นั่นเอง) โดยค่า PP แบบมาตรฐานจะคำนวณโดยใช้สูตร

  • P = (H + L + C)/3

Pivot Point มีวิธีการคำนวณดังนี้:

  • Pivot Point (PP) = (ราคาสูงสุด + ราคาต่ำสุด + ราคาปิด)/3

มีกฎที่อยู่เบื้องหลังการคำนวณนี้ก็เข้าใจได้ง่ายมาก: เรานำราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด และราคาปิดของเมื่อวันที่ผ่านมามาหารด้วยสาม

  • แนวรับ 1 (S1) = (PP x 2) – ราคาสูงสุดก่อนหน้า
  • แนวรับ 2 (S2) = PP – ( ราคาสูงสุดก่อนหน้า – ราคาต่ำสุดก่อนหน้า)
  • แนวต้าน 1 (R1) = (PP x2) – ราคาต่ำสุดก่อนหน้า
  • แนวต้าน 2 (R2) = PP + (ราคาสูงสุดก่อนหน้า – ราคาต่ำสุดก่อนหน้า)

สูตรสำหรับการคำนวณจุดรับ-จุดสั่งขาย

  • Resistance 1 (R1) = (2 x PP) – Low
  • Resistance 2 (R2) = PP + (High – Low)
  • Resistance 3 (R3) = High + 2 x (PP – Low)

และ

  • Support 1 (S1) = (2 x PP) – High
  • Support 2 (S2) = PP – (High – Low)
  • Support 3 (S3) = Low – 2 x (High – PP)

เมื่อ:

  • High คือราคาสูงสุดของข้อมูลราคาในวันนั้น
  • Low คือราคาต่ำสุดของข้อมูลราคาในวันนั้น
  • Close คือราคาปิดของข้อมูลราคาในวันนั้น

Pivot Point จะเป็นระดับราคาหลักที่สำคัญในการเทรด Forex โดยทั่วไปจะมีการใช้เป็นเส้นกลางในการวางแผนเทรด

  • ถ้าราคาขึ้นมากกว่า Pivot Point จะถือว่าเป็นสัญญาณขึ้นแนวโน้ม
  • ถ้าราคาลงต่ำกว่า Pivot Point จะถือว่าเป็นสัญญาณลงแนวโน้ม

ในขณะเดียวกัน ระดับ Resistance และ Support จะถือว่าเป็นระดับราคาสำคัญที่จะช่วยในการตัดสินใจในการเทรด โดย Resistance จะเป็นระดับราคาที่สูงกว่า Pivot Point และ Support จะเป็นระดับราคาที่ต่ำกว่า Pivot Point ในขณะที่ R1, R2, R3, S1, S2 และ S3 จะเป็นระดับราคาที่สูงหรือต่ำกว่า Pivot Point, Resistance และ Support ตามลำดับ ซึ่งสามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกจุดเข้า-ออกเทรดได้ตามแต่ความต้องการของนักเทรดเอง

R1, R2, R3 คือระดับ Resistance สำหรับแต่ละระดับ, และ S1, S2, S3 คือระดับ Support สำหรับแต่ละระดับ วิเคราะห์แนวโน้มราคาในแต่ละวันด้วย Pivot Point และระดับ Support และ Resistance ที่คำนวณได้ โดยมองหาจุดที่ราคาเข้าใกล้กับระดับ Support หรือ Resistance เพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อหรือขาย

การตัดสินใจซื้อหรือขาย Forex หุ้น ฟิวเจอร์ส สกุลเงินดิจิทัลต่างๆ และสินทรัพย์อื่นๆ โดยใช้ Pivot Point และระดับ Support และ Resistance ที่คำนวณได้ โดยเริ่มต้นจากการจำกัดความเสี่ยงในการซื้อหรือขายสกุลเงิน โดยใช้ระดับ Support เป็นจุดที่ตัดกับราคาขาลงและระดับ Resistance เป็นจุดที่ตัดกับราคาขาขึ้น เพื่อช่วยในการกำหนดระดับของ Stop Loss และ Take Profit

ในการใช้ Pivot Point โดยเริ่มต้นจากการจำกัดความเสี่ยงในการซื้อหรือขาย สามารถทำได้ดังนี้

  1. กำหนดจุดเข้า-ออกสำหรับการเปิด/ปิดสัญญาณซื้อหรือขาย โดยใช้ระดับ Support และ Resistance ที่คำนวณได้จาก Pivot Point
  2. กำหนดระดับ Stop Loss ที่เหมาะสมโดยพิจารณาจากระดับ Support และ Resistance ที่คำนวณได้ เพื่อป้องกันการขาดทุนเกินไปในกรณีที่ราคากลับตัวและผ่านระดับ Support หรือ Resistance
  3. กำหนดระดับ Take Profit ที่เหมาะสมโดยพิจารณาจากระดับ Support และ Resistance ที่คำนวณได้ เพื่อบริหารจัดการกำไรให้มากที่สุดในกรณีที่ราคามีการเคลื่อนที่ตามแนวโน้มที่คาดหวัง
  4. ตรวจสอบความเสี่ยงในการเข้าซื้อหรือขาย โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น การเปิดตลาด, ข่าวสารต่างๆ และการแจ้งเตือนการเปลี่ยนแปลงราคาในเวลาเดียวกัน
  5. ติดตามและปรับปรุงระบบการซื้อขายโดยสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าซื้อหรือขายในอนาคต

การเลือกช่วงเวลา ในการใช้ Pivot Points

การเลือกช่วงเวลา ในการใช้ Pivot Points

ระดับของ Pivot Points จะเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาที่เทรดเดอร์เลือก ประกอบด้วย Pivot Points รายวัน, รายสัปดาห์, รายเดือน และรายปี

โดยปกติแล้ว เราใช้ Pivot รายวันสำหรับการเทรดใน M30 และกรอบเวลาระหว่างวันที่สั้นกว่า โดยใช้ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด และราคาปิดของวันก่อนหน้า ตัวเลขเหล่านี้จะอัปเดตทุกวัน

เราใช้ Pivot Points รายสัปดาห์ในแผนภูมิ H1, H4 และ D1 ในการคำนวณระดับเหล่านี้ ให้ใช้ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด และราคาปิดของสัปดาห์ก่อนหน้า ราคาเหล่านี้จะไม่เปลี่ยนแปลงจนกว่าสัปดาห์ถัดไปจะเริ่มขึ้น

ในแผนภูมิรายสัปดาห์ W1 แนะนำให้ใช้ Pivot รายเดือนไปเลย เพราะ Pivot นี้จะรวบรวมข้อมูลจากเดือนก่อนหน้าให้

หากคุณวิเคราะห์แผนภูมิรายเดือน เทรดเดอร์สามารถใช้ Pivot รายปีได้ โดยใช้ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด และราคาปิดของปีก่อนหน้า

แนวรับและแนวต้าน Pivot Point indicator

Pivot Points สามารถใช้เป็นแนวรับและแนวต้านแบบได้ เพราะเทรดเดอร์ก็ใช้แบบนั้นกันมาก่อน โดยที่ตัวเทรดเดอร์ที่เทรด Forex ส่วนใหญ่ ที่เทรดตามกรอบ มักจะวางออเดอร์ Buy ใกล้กับระดับแนวรับที่ระบุและออเดอร์ Sell ใกล้กับแนวต้าน

การจะเข้าใจเรื่อง Pivot Point Indicator ได้ ก็ต้องเข้าใจที่มาที่ไปของแนวรับ-แนวต้านก่อน เพราะ Pivot Point จะเป็นตัวเสริมที่มีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อเราเข้าใจหลักการพื้นฐานของเรื่องแนวรับ-แนวต้าน

  • หากราคาเคลื่อนเข้าหาแนวต้าน คุณสามารถวางคำสั่ง Sell Limit และ Stop Loss ไว้เหนือแนวต้านได้
  • หากราคาเคลื่อนเข้าหาแนวรับ คุณสามารถวาง Buy Limit และ Stop Loss ใต้แนวรับได้
  • ระดับแนวรับจะกลายเป็นระดับแนวต้านหากราคาอยู่ต่ำกว่า
  • ระดับแนวต้านจะกลายเป็นระดับแนวรับหากราคาอยู่เหนือกว่า

แนวรับและแนวต้าน Pivot Point

แนวโน้มของตลาด

Pivots สามารถช่วยในการระบุแนวโน้มของตลาดโดยรวมได้

  • หากราคาทะลุ Pivot Point ขึ้นไปด้านบน มันเป็นสัญญาณว่ามีผู้ซื้อจำนวนมากในตลาด และคุณควรเริ่มซื้อคู่สกุลเงินนั้น ราคาที่ต่ำกว่า Pivot Point จะส่งสัญญาณถึงอารมณ์ของตลาดที่เป็นขาลงและผู้ขายอาจได้เปรียบในช่วงการซื้อขาย

ระบบเทรด pivot

ระบบเทรด Pivot คือ วิธีการเทรด ทั้ง หุ้น ฟิวเจอร์ส สกุลเงินดิจิทัลต่างๆ และสินทรัพย์อื่นๆ โดยใช้ Pivot Point indicator เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์แนวโน้มราคาและจุดรับ-จุดสั่งขาย เพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อหรือขายในตลาดนั้นๆ จากบทความนี้จะยกตัวอย่างเป็นกรณีไป

Day Trader, Scalper

  • กรณีที่เป็น Day Trader หรือแม้แต่คนทั่วไปหรือเทรดเดอร์คนไหนที่ต้องการเทรดแบบ Scalping ถ้าต้องการใช้ Pivot Point เป็น Indicator หลักในการเทรด ให้พิจารณาเงื่อนไข 2 ประการดังต่อไปนี้
  • ถ้าแนวโน้มของทั้งสัปดาห์ หรือย้อนหลังไป 5 วันทำการ เป็นลักษณะ Trading Range หรือ “ไซต์เวย์”
    • แนะนำให้ปรับ Admiral Pivot Point ในช่อง Timeframe for pivot points ให้เป็น D1 ดูได้จากภาพด้านบน
  • ถ้าราคาเคลื่อนเป็นแนวโน้ม เช่น Uptrend หรือ Downtrend
    • ให้เลือก Admiral Pivot Point ในช่อง Timeframe for pivot points ให้เป็น H1
  • ถ้าราคาเป็นแนวโน้ม ให้เลือก Pivot Point เป็นไทม์เฟรมเล็ก เช่น H1
  • ถ้าราคาเป็น Trading Rage หรือ ไซด์เวย์ ให้เลือก Pivot Point เป็นไทม์เฟรมใหญ่ เช่น Day

ระบบเทรด pivot

Swing Trader

  • Swing Trading สามารถเลือกใช้ Pivot Point แบบที่ไม่ต้องปรับแต่งอะไรมาก
  • Swing Trading ส่วนใหญ่ปกติ Pivot Point จะปรับเป็น Day อยู่แล้ว
  • สำหรับคนที่ใช้กลยุทธ์ Swing Trading สามารถเลือกใช้ Pivot Point แบบที่ไม่ต้องปรับแต่งอะไรมาก ยกเว้นแต่ว่าไม่ใช้ Day เราอาจจะปรับแต่งวิธีการคำนวณได้ เช่น ถ้าราคามีการกระจุกตัวบริเวณไหนเยอะๆ (มีราคาปิดแต่ละแท่งใกล้เคียงกันมาก) กรณีแบบนี้เราอาจปรับให้คำนวณเป็น HLCC/4 หรือให้น้ำหนักกับราคาปิดมากหน่อยก็ทำได้เช่นกัน

สรุป Pivot Point

สำหรับการใช้งาน Pivot Point นั้นก็เหมือนกับ การใช้งาน Fibonacci Level โดยระดับต่าง ๆ ก็จะทำหน้าที่เหมือนแนวรับแนวต้าน

Pivot Point บน MT4

สำหรับ Pivot point ที่แสดงเป็น Daily Pivot Point เทรดเดอร์ต้องรู้ก่อนว่า ระดับของ Pivot Point นั้นจะเปลี่ยนไปทุกวัน เพราะว่ามันมีการคำนวณใหม่อยู่ตลอดนั้นเอง และการใช้ Pivot Point ในการวิเคราะห์แนวรับแนวต้าน ซึ่งการใส่ Pivot Point เข้าไปจะปรากฏพื้นที่และการเคลื่อนไหว โดยมากแล้ว Pivot Point จะเปลี่ยนไปในแต่ละวัน ไม่เหมือนกัน  Pivot Point

ถ้าเทรดเดอร์คนไหน กำลังมองหาระดับราคาที่ช่วยในการวิเคราะห์ มักจะสงสัยกันว่า ต่างอะไรกับ Fibonacci หรือเปล่า สรุปได้ง่ายๆ คือ ความต่างของ Pivot Point กับ Fibonacci จะ มีแนวทางการใช้เรื่องของการวัด Swing High และ Swing Low ในการคำนวณ ทำให้การคำนวณ Pivot Point นั้นไม่ว่าเทรดเดอร์คนไหนที่เป็นคนคำนวณก็จะได้ผลที่ไม่แตกต่างกัน

และการใช้ pivot Point เทรดเดอร์สามารถเลือกเทรดได้ 2 แบบ ได้แก่ การเทรดที่แกว่งอยู่ในกรอบราคาของ Pivot และการเทรดโดยใช้ Break Out ออกจากจุดของ Pivot Point อยู่ที่จะเลือกใช้ได้เลย

FOREXDUCK Logo

FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง

HFM Promotion