OBV คืออะไร?
On Balance Volume หรือมันเรียกกันสั้นๆว่า OBV คือเครื่องมือที่วัดปริมาณการซื้อขายสะสม เพื่อวัดแรงซื้อแรงขาย ใช้ในการยืนยันทิศทางแนวโน้ม และหาจุดกลับตัวของราคา เทรดเดอร์สามารถใช้เครื่องมือนี้เพื่อวัดปริมาณการซื้อขายของสินทรัพย์ใด ๆ อื่นๆได้ อาจจะรวบรวมข้อมูลตลาดที่หลากหลายและจัดทำการวิเคราะห์โดยละเอียดของกราฟหุ้น ฟิวเจอร์ส และสกุลเงินดิจิทัล ที่สำคัญที่เทรดเดอร์นิยมใช้กัน คือ OBV ยังใช้ร่วมกับเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ ได้เป็นอย่างดีด้วย
เป็นอินดิเคเตอร์ชนิดหนึ่งที่ใช้ในการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย ถูกพัฒนาโดย Joe Granville ในปี 1960 ซึ่งในสมัยนั้น ถือว่าเป็นอินดิเคเตอร์ที่ปฏิวัติวงการนักเทรด และจนถึงทุกวันนี้ OBV ก็ยังได้รับความนิยมจาก Trader มืออาชีพทั่วโลก
- On Balance Volume (OBV) เป็นอินดิเคเตอร์ชั้นนำที่วัดการเปลี่ยนแปลงของปริมาณ เพื่อทำการคาดการณ์ราคาปริมาณรายวันและรับรู้แนวโน้มที่ไม่ถูกต้อง
- การที่เป็นไปตามทฤษฎีที่ว่าการเคลื่อนไหวของราคานั้นมีนัยสำคัญมักจะตามหลังการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของปริมาณการซื้อขาย
- ตัวอย่างเช่น เมื่อเทรดเดอร์รายใหญ่ลงทุนในหลักทรัพย์ ปริมาณการซื้อขายและราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้น ส่วนราคาสินทรัพย์จะเพิ่มขึ้นในภายหลัง
คำนิยาม อินดิเคเตอร์ On Balance Volume (OBV)
On Balance Volume (OBV) จะบ่งชี้ว่า ปริมาณการซื้อขายที่ผ่าน ๆ มามีการผลักขึ้นหรือลง หลักการคร่าวๆ ของ On-Balance Volume คือ เมื่อวันไหนที่ราคาปิดบวก จะมีการเอาปริมาณซื้อขายไป ‘บวก' ในยอดรวมของ OBV ในทางตรงกันข้าม ถ้าราคาปิดลบ ตัวดัชนีก็จะลบปริมาณการซื้อขายออกจากค่า OBV
- อินดิเคเตอร์ On Balance Volume (OBV) ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อวัดแรงซื้อและแรงขาย
- เป็นตัวบ่งชี้แบบสะสมหมายความว่าในวันที่ราคาเพิ่มขึ้น ปริมาณของวันนั้นจะเพิ่มไปยังยอดรวม OBV สะสม
- หากราคาลดลง ปริมาณของวันนั้นจะถูกหักออกจากยอดรวมของ OBV จากนั้นค่า OBV จะถูกพล็อตเป็นบรรทัด
- เพื่อให้ตีความได้ง่าย ปริมาณ On Balance ใช้เพื่อยืนยันหรือระบุแนวโน้มราคาโดยรวมเป็นหลัก หรือเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาหลังจากเกิด divergence
On-Balance Volume ใช้แนวคิดแบบไหน
OBV On-Balance Volume นี้ ถือว่า เป็นตัวบ่งชี้ที่ค่อนข้างง่ายแต่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช้ค่าเฉลี่ย ดังนั้นจึงไม่มีความล่าช้า ตัวบ่งชี้นี้อิงตามทฤษฎีที่ว่าการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงใดๆ ในปริมาณการค้าสามารถกระตุ้นให้ราคาพุ่งขึ้นได้ ทั้งนี้ เทรดเดอร์ จะประยุกต์ใช้ On-Balance Volume กลับแนวคิดการเทรดหลัก ๆ ดังต่อไปนี้
- กลยุทธ์ Trend + OBV
- กลยุทธ์การกลับตัวของ Trend + Divergence + OBV
ประวัติความเป็นมาของ On-Balance Volume
ภาพประกอบ: nytimes.com
On Balance Volume (OBV) นั้น นิยมใช้เพื่อแสดงให้เห็นถึงความผันผวนของราคาตามการเปลี่ยนแปลงของปริมาณการซื้อขายในช่วงเวลาหนึ่ง
- คิดค้นขึ้นในปี 1960 โดยนักลงทุนและนักวิเคราะห์ทางการเงิน Joseph Granville และยังคงเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
- On Balance Volume (OBV) ถูกนำเผยแพร่ในหนังสือ New Key To Stock Profits ของ Granville ในปี 1963
- เป็นอินดิเคเตอร์ที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นอินดิเคเตอร์ตัวแรกที่รู้จักซึ่งอธิบายปริมาณโฟลว์ที่เป็นบวกและลบ (volume flow)
การคำนวณ OBV
สูตรคำนวณ OBV มีดังต่อไปนี้: หากราคาปิดปัจจุบันสูงกว่าราคาปิดล่าสุด OBV ปัจจุบันจะถูกเพิ่มไปยังค่าก่อนหน้า และ OBV จะมีบทบาทเป็นอินดิเคเตอร์สะสม เมื่อราคาปิดก่อนหน้าต่ำกว่าราคาปิดปัจจุบัน มูลค่าก่อนหน้าจะลบปริมาณของมูลค่าปัจจุบัน |
On Balance Volume มีหนึ่งในการคำนวณที่ตรงไปตรงมามากขึ้นในการวิเคราะห์ทางเทคนิค เป็นเพียงการบวกหรือการลบตามเงื่อนไขบางประการ
- หากราคาปิดปัจจุบันมากกว่าราคาปิดก่อนหน้า ดังนั้น: OBV ก่อนหน้า + ปริมาณปัจจุบัน = OBV ปัจจุบัน
- หากราคาปิดปัจจุบันน้อยกว่าราคาปิดก่อนหน้า ดังนั้น: OBV ก่อนหน้า – ปริมาณปัจจุบัน = OBV ปัจจุบัน
- หากราคาปิดปัจจุบันเท่ากับราคาปิดก่อนหน้านั้น: OBV ก่อนหน้า = OBV ปัจจุบัน
การคำนวณของ OBV ถือว่าข้างตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน เหมือนอิดิเคเตอร์อื่นๆ เป็นผลรวมของค่าบวกและลบของปริมาณการซื้อขาย (Volume)
- โดยถ้าราคาปิดปัจจุบันสูงกว่าราคาปิดวันก่อนหน้า ปริมาณ Volume ให้ค่าเป็นบวก
- แต่ถ้าราคาปิดปัจจุบันต่ำกว่าราคาปิดวันก่อนหน้า ปริมาณ Volume ให้ค่าเป็นลบ
โดย OBV เป็นผลรวมค่าบวกและลบของปริมาณ Volume ที่ผ่านมาในทุกๆวัน
- ถ้าราคาปิดปัจจุบันสูงกว่าราคาปิดวันก่อนหน้า
- Current OBV = Previous OBV + Current Volume
- ถ้าราคาปิดปัจจุบันต่ำกว่าราคาปิดวันก่อนหน้า
- Current OBV = Previous OBV – Current Volume
- ถ้าราคาปิดปัจจุบันเท่ากับราคาปิดวันก่อนหน้า
- Current OBV = Previous OBV (no change)
ตัวอย่างตารางการคำนวณ OBV
- ใช้ข้อมูลตัวอย่างการคำนวณ OBV จาก school.stockcharts.com
การวิเคราะห์พื้นฐาน
การวิเคราะห์พื้นฐาน ของ OBV คือ เมื่อปริมาณในวันที่เพิ่มขึ้นแซงหน้าปริมาณในวันที่ลดลง OBV จะเพิ่มขึ้น เมื่อปริมาณในวันที่ลดลงแซงหน้าปริมาณในวันที่เพิ่มขึ้น OBV จะลดลง หมายความว่า โดยพื้นฐานแล้ว เมื่อ OBV สูงขึ้น แรงซื้อจะเพิ่มขึ้น และเมื่อ OBV ลดลง แรงขายก็จะสูงขึ้น
ทฤษฎีพื้นฐานนี้ที่อยู่เบื้องหลังอินดิเคเตอร์ On Balance Volume คือ ปริมาณนำหน้าราคา ซึ่งตรงนี้คือสิ่งที่มีความสำคัญมาก เนื่องจากว่าสามารถใช้ OBV เพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันได้ 2 อย่าง สามารถใช้สำหรับการระบุแนวโน้มทั่วไปหรือการยืนยัน และ ยังสามารถใช้เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาหลังจากเกิด divergence ได้อีกด้วย
- OBV จะปรับตัวขึ้น ก็เมื่อ Volume ของวันที่หุ้นขึ้น มากกว่า Volume ของวันที่หุ้นลง
- ในทางตรงกันข้าม OBV จะปรับตัวลง ก็เมื่อ Volume ของวันที่หุ้นลง มากกว่า Volume ของวันที่หุ้นขึ้น
- การปรับตัวขึ้นของ OBV บ่งชี้ให้เห็นว่า ราคามีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต
- การปรับตัวลงของ OBV บ่งชี้ให้เห็นว่า ราคามีโอกาสปรับตัวลงในอนาคต
- ทั้งนี้ ค่าของ OBV ไม่ค่อยมีนัยสำคัญ เราจะโฟกัสที่ทิศทางการขึ้นลงของ OBV มากกว่า
On balance Volume ใช้ยังไง?
การใช้ On Balance Volume (OBV) มีประโยชน์สำหรับการระบุหรือยืนยันแนวโน้มของตลาดโดยรวม สิ่งนี้มีประโยชน์สำหรับการยืนยันสัญญาณหรือการตั้งค่าที่สร้างโดยสัญญาณเพิ่มเติม ซึ่งก็ต้องอาศัยความสามารถในการระบุแนวโน้ม เพื่อให้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ตามทฤษฎีการแกว่งของกระแสปริมาณ จะเป็นบวกหรือลบ (แรงซื้อและแรงขาย) ที่นำหน้าการเปลี่ยนแปลงของราคา OBV ก็ยังสามารถระบุการกลับตัวของแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน
Trend Confirmation
OBV สามารถใช้ยืนยันทิศทางของแนวโน้มการแกว่งตัวของราคาได้หาก OBV เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับราคา แปลว่า ทั้ง Volume และ ราคา สอดคล้องกัน เป็นการยืนยันทิศทางของแนวโน้มนั้น หรือจังหวะที่ OBV เปลี่ยนทิศทาง และราคาก็เปลี่ยนทิศทางเช่นเดียวกัน เป็นการยืนยันสัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้ม
Divergence
ความแตกต่างจะปรากฏขึ้นเมื่อสุดขั้วของตัวบ่งชี้และกราฟราคาไม่ตรงกัน
bullish divergence (สัญญาณที่จะซื้อ)
- bullish divergence จะปรากฏขึ้นเมื่อกราฟราคาสร้างจุดต่ำสุดใหม่ภายใต้จุดก่อนหน้าในขณะที่จุดต่ำสุดของ OBV อยู่เหนือระดับก่อนหน้า
- ปริมาณการค้าไม่ได้ยืนยันความแข็งแกร่งของหมี
- หลังจากเกิด Divergence
- และราคากลับตัวขึ้น เมื่อมีจังหวะแล้วก็ให้ซื้อได้เลย
Bearish divergence (สัญญาณที่จะขาย)
- Bearish divergence จะปรากฏขึ้นหลังจากจุดสูงสุดใหม่บนกราฟราคากลายเป็นระดับที่สูงกว่าครั้งก่อน ในขณะที่จุดสูงสุดบนเส้น OBV ล้มเหลวในการเพิ่มขึ้นเหนือระดับก่อนหน้า
- ปริมาณการค้าหดตัวนั้นจะแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของตลาดกระทิง
- จะเกิดขึ้นหลังจากเกิดไดเวอร์เจนซ์
- และราคากลับตัวลง เมื่อมีจังหวะแล้วแนะนำให้ขาย
ลักษณะการเกิดสัญญาณ Divergence
การเกิดสัญญาณ Divergence สามารถบ่งชี้ถึงสัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้มของราคา โดย
- Bullish divergence : ราคาทำ Lower Low แต่ OBV ทำ Higher Low
- Bearish divergence : ราคาทำ Higher High แต่ OBV ทำ Lower High
จากกราฟ เป็นตัวอย่างการเกิดสัญญาณ Divergence ระหว่างราคา กับ OBV
- ทางซ้ายมือ : ราคาทำ Low ใหม่ แต่ OBV กลับยก Low สูงขึ้น เป็นสัญญาณ Bullish divergence บ่งชี้ถึงสัญญาณการปรับตัวขึ้นในอนาคต
- ทางขวามือ : ราคาขึ้นแตะ High เดิม แต่ OBV กลับทำ High ที่ต่ำกว่า เป็นสัญญาณ Bearish divergence บ่งชี้ถึงสัญญาณการปรับตัวลงในอนาคต
On-Balance Volume ใช้เพื่อบอกอะไร?
ใช้เพื่อคอนเฟิร์มเทรนด์
- คือหากมีแรงกดดันด้านปริมาณเป็นบวก เส้นโค้งจะขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของราคา
- หากมีแรงกดดันด้านปริมาณเป็นลบ เส้นจะลงตามการลดลงของราคาและแนวโน้มต่อเนื่องมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไป
ใช้เพื่อบอกการกลับตัวของเทรนด์ (ไดเวอร์เจนซ์)
- คือสัญญาณ Buy หรือการกลับตัวเป็นขาขึ้นจะปรากฏขึ้นเมื่อเส้นบ่งชี้ขึ้น (ความแตกต่างในเชิงบวก) ท่ามกลางแนวโน้มขาลงของกราฟราคา
- สัญญาณการขายจะปรากฏขึ้นเมื่อเส้น OBV ลดลง (ความแตกต่างเชิงลบ) ท่ามกลางแนวโน้มขาขึ้นในกราฟ
ใช้เพื่อบอกระดับการฝ่าวงล้อม
- คือสัญญาณนี้ทำงานในลักษณะเดียวกันเมื่อกราฟราคาทะลุระดับสำคัญ
- การฝ่าวงล้อมของระดับคีย์ OBV มักจะตามมาด้วยโมเมนตัมราคาที่พุ่งสูงในทิศทางที่สอดคล้องกับการฝ่าวงล้อม
ใช้เพื่อบอกปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
- คือ เครื่องมือซื้อขาย OBV แสดงปริมาณบวกและลบของสินทรัพย์
- เช่น ราคาหุ้น ราคาฟิวเจอร์ต่างๆ หรือราคา forex
- หากเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเส้นอินดิเคเตอร์ แสดงว่าเทรดเดอร์รายใหญ่กำลังเข้าสู่ตลาด
- โมเมนตัมปริมาณคงเหลือที่แข็งแกร่งเป็นสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้ม
- หากสวนทางกับแนวโน้ม เป็นการยืนยันความต่อเนื่องของแนวโน้มเมื่อ อินดิเคเตอร์และปริมาณการซื้อขายในกราฟเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ใช้เพื่อบอกการข้ามเส้นของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
- คือ หากเส้นปริมาณคงเหลือตัดผ่าน MA กลับหัว แสดงว่าเป็นสัญญาณ Buy
- เมื่อ OBV ทะลุขาลงของ MA นั้นเป็นสัญญาณ Sell
จากภาพประกอบด้านบน ในความผันผวนของราคาอย่างรุนแรงนี้ กราฟแบ่งเส้นสีแดงในหน้าต่าง OBV ดังนั้นในช่วงการซื้อขายนี้มีสัญญาณขาลงอีกครั้ง ควบคู่ไปกับการเคลื่อนไหวขาลงทั้งหมด ดังนั้นจึงมีสัญญาณบอกอยู่แล้ว เพราะแต่ละสัญญาณถัดไปจะยืนยันสัญญาณก่อนหน้าเสมอ
การตั้งค่า On balance Volume
การตั้งค่า On Balance Volume (OBV) ไม่จำเป็นต้องตั้งค่าใหม่ เนื่องจาก OBV คำนวณด้วยวิธีการที่แตกต่างจากตัวชี้วัดอื่นๆ ซึ่งจะใช้ข้อมูลราคาและปริมาณการซื้อขายในแต่ละวัน ดังนั้นเมื่อเริ่มใช้ OBV สามารถใช้ค่าเริ่มต้นได้ทันที
การอ่าน OBV สามารถทำได้โดยง่ายเพียงแค่ดูกราฟของ OBV กับกราฟราคา เมื่อ OBV ขึ้นขณะที่กราฟราคาขึ้น แสดงว่ามีการเพิ่มปริมาณการซื้อขาย และกลับกันเมื่อ OBV ลดลงในขณะที่กราฟราคาขึ้น แสดงว่ามีการลดปริมาณการซื้อขาย
ในบางกรณี อาจต้องการใช้ OBV ร่วมกับตัวชี้วัดอื่น เพื่อช่วยวิเคราะห์ทางเทคนิคในการตัดสินใจซื้อหรือขาย ในกรณีนี้ก็อาจต้องปรับแต่งการตั้งค่าตามต้องการของเทรดเดอร์ได้
ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจใช้ OBV ร่วมกับเส้น MA (Moving Average) เพื่อตรวจสอบความแข็งแกร่งของแนวโน้มราคา แต่การปรับแต่งการตั้งค่านี้จะแตกต่างกันไปตามผู้ใช้และวัตถุประสงค์ในการใช้งานของแต่ละคน
วิธีใช้ OBV กับ RSI บน Tradingview
เครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่าง On Balance Volume (OBV) และ Relative Strength Index (RSI) เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคในการซื้อขาย การวิเคราะห์โดยละเอียดของกราฟหุ้น ฟิวเจอร์ส และสกุลเงินดิจิทัล โดย Tradingview เป็นแพลตฟอร์มที่มีเครื่องมือด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่สามารถนำ OBV และ RSI มาวิเคราะห์ได้ง่าย ๆ ดังนี้
- เปิด Tradingview แล้วคลิกที่หัวข้อ “Chart” เพื่อเปิดหน้าต่างกราฟ
- คลิกที่ปุ่ม “Technical Indicators” เพื่อเลือกแสดง Indicator ต่าง ๆ บนกราฟ จากนั้นเลือก OBV และ RSI
- หลังจากเลือก OBV และ RSI แล้ว คุณสามารถปรับแต่งการตั้งค่าตามต้องการของคุณ เช่น ปรับช่วงเวลาในการคำนวณหรือสีของ Indicator
- เมื่อตั้งค่า Indicator เสร็จสิ้นแล้ว คุณจะเห็น Indicator OBV และ RSI แสดงบนกราฟราคาหุ้น
การวิเคราะห์ต่อไปคือ การจับคู่ OBV และ RSI
การวิเคราะห์ต่อไปคือ การจับคู่ OBV และ RSI เพื่อดูสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการซื้อขายและแนวโน้มราคาหุ้น ยกตัวอย่างเช่น เมื่อ OBV เพิ่มขึ้นแต่ RSI ลดลง อาจแสดงว่ามีการซื้อแรงมากขึ้นแต่กำลังเกิดการขาดแนวโน้มในระยะสั้น
หลังจากวิเคราะห์ OBV และ RSI เสร็จสิ้นบน Tradingview คุณสามารถดำเนินการต่อไปได้ตามวิเคราะห์ของคุณได้แก่:
- ซื้อหรือขายหุ้น ฟิวเจอร์ส และสกุลเงินดิจิทัล: สามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อตัดสินใจซื้อหรือขาย โดยพิจารณาสัญญาณที่เกิดขึ้นกับ OBV และ RSI
- พัฒนากลยุทธ์การซื้อขาย: หากคุณเป็นนักซื้อขายมืออาชีพ คุณสามารถใช้ข้อมูล OBV และ RSI เพื่อพัฒนากลยุทธ์การซื้อขายของคุณ โดยจะต้องระบุเป้าหมายการซื้อขาย สมมุติว่าคุณต้องการซื้อหุ้นในช่วงราคาที่ต่ำกว่าเมื่อวาน คุณสามารถใช้ OBV และ RSI เพื่อตรวจสอบว่ามีสัญญาณการซื้อแรงมากขึ้นหรือไม่ และดำเนินการตามความคาดหวังของคุณ
- วิเคราะห์ตลาด: คุณสามารถใช้ OBV และ RSI เพื่อวิเคราะห์ตลาดหุ้นในช่วงระยะยาว โดยการระบุแนวโน้มของ OBV และ RSI ช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของการซื้อขายและแนวโน้มราคาของหุ้นในระยะยาว จะช่วยให้คุณสามารถทำกำไรได้ในระยะยาวในตลาด
วิธีใช้ OBV บน Tradingview
- เข้าไปที่ www.tradingview.com
- Login เพื่อลงชื่อเข้าใช้ ตามความสะดวกของผู้ใช้งาน
- คลิ๊กเลือก Indicator จะแสดงหน้าจอเพื่อให้ Search… Indicator, OBV
- ซึ่งจะแสดงเครื่องมือต่างๆ ให้สามารถเลือกใช้งานได้
- กรณีหากต้องการเรียกใช้ OBV ใน Tradingview ก็ให้พิมพ์หาที่ช่อง Search ได้เลย ตามภาพประกอบด้านล่าง…
- เมื่อคลิ๊กเลือกแล้ว หน้าจอจะแสดง Indicator OBV ขึ้นมา
- จะมีเครื่องมือต่างๆ ให้ได้ลองเล่นมากมาย
- การตั้งค่าก็จะมีให้เลือกตรงเลือกหมายฟันเฟือง มี 3 ส่วนให้เลือกปรับได้
สรุป On Balance Volume (OBV)
On Balance Volume (OBV) เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้การวิเคราะห์โดยละเอียดของกราฟหุ้น ฟิวเจอร์ส และสกุลเงินดิจิทัล ใช้งานง่าย ไม่ได้ซับซ้อน ใช้วัดปริมาณที่ซื้อขายในแต่ละวันและเพิ่มหรือลดขึ้นขึ้นอยู่กับแนวโน้มของราคาในวันนั้นๆ
ถือได้ว่าเป็นอินดิเคเตอร์เมตริกที่ดีสำหรับการวัดแรงซื้อและแรงขาย หลายคนเชื่อว่าแรงซื้อและแรงขายมาก่อนการเปลี่ยนแปลงของราคา ทำให้ตัวบ่งชี้นี้มีค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Divergence จุดนี้ก็ควรสังเกตว่าเป็นการกลับตัวที่เป็นไปได้ในแนวโน้มปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับอินดิเคเตอร์ส่วนใหญ่ ควรใช้ OBV ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคเพิ่มเติม
OBV เป็นสิ่งสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพราะเกี่ยวข้องกับปริมาณที่ซื้อขาย ซึ่งสามารถช่วยยืนยันได้ว่ามีปริมาณการซื้อหรือขายหุ้นสูงหรือต่ำ ตัวอย่างเช่น OBV สามารถใช้ยืนยันว่ามีการเพิ่มปริมาณการซื้อหรือขายก่อนที่ราคาหุ้นจะขึ้นหรือลงได้
FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง