POI forex คืออะไร
POI Forex คือเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ช่วยระบุจุดสนใจในการซื้อขาย Forex ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมในตลาด Forex ซึ่งจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุระดับราคาที่มีแนวโน้มว่าตลาดจะเปลี่ยนทิศทางอย่างมีนัยสำคัญ โดย POI สามารถนำไปใช้กับคู่สกุลเงินหรือเครื่องมือทางการเงินใดๆ ก็ได้
Poi ย่อมาจาก Point of Interest โดยแนวคิดพื้นฐานของ POI คือการระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ ซึ่งเป็นบริเวณที่ราคามักจะดีดตัวกลับหรือกลับตัว โดยใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิค เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (moving averages), ระดับ Fibonacci, เส้นแนวโน้ม (trend lines) และรูปแบบของแท่งเทียน เมื่อระบุระดับ POI ได้แล้ว เทรดเดอร์ก็สามารถใช้ประกอบการตัดสินใจเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ของ POI
- ช่วยให้เทรดเดอร์หลีกเลี่ยงการตัดสินใจเทรดด้วยอารมณ์ เพราะสามารถวางแผนจุดเข้าและออกได้ล่วงหน้า
- ช่วยจำกัดการขาดทุนและเพิ่มกำไรสูงสุด เนื่องจากทำให้วางระดับ stop loss และ take profit ได้แม่นยำขึ้น
- ช่วยให้เทรดเดอร์คงวินัยและมุ่งเน้นกลยุทธ์การเทรดของตัวเอง
- สามารถใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อยืนยันสัญญาณการเทรด
ประเภทของการวิเคราะห์โดยใช้ POI
การวิเคราะห์โดยใช้ POI สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ซึ่งแต่ละประเภทมีวิธีการและจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้:
1. Horizontal POI (จุดสนใจแนวนอน)
Horizontal POI เป็นวิธีการวิเคราะห์ที่มุ่งเน้นการหาระดับแนวรับและแนวต้านจากการเคลื่อนไหวของราคาในอดีต
- วิธีการระบุ:
- ศึกษาประวัติการเคลื่อนไหวของราคา
- มองหาระดับราคาที่ราคามักจะสะท้อนกลับหรือหยุดชะงักบ่อยๆ
- สังเกตจุดที่ราคามีการเปลี่ยนทิศทางอย่างชัดเจน
- ข้อดี:
- ง่ายต่อการระบุและเข้าใจ
- มีประสิทธิภาพสูงในตลาดที่เคลื่อนไหวในกรอบ (Ranging market)
- การนำไปใช้:
- ใช้เป็นจุดในการตั้ง Stop Loss หรือ Take Profit
- ใช้เป็นจุดสังเกตการณ์สำหรับการเข้าเทรดเมื่อราคาเข้าใกล้ระดับเหล่านี้
- ข้อควรระวัง:
- ระดับ Horizontal POI อาจเปลี่ยนบทบาทจากแนวรับเป็นแนวต้าน (หรือในทางกลับกัน) เมื่อราคาทะลุผ่าน
- ไม่ควรใช้เพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจเทรด ควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ
2. Trendline POI (จุดสนใจตามแนวโน้ม)
Trendline POI เป็นการวิเคราะห์ที่ใช้การลากเส้นแนวโน้มเพื่อหาระดับแนวรับและแนวต้านที่มีความสำคัญ
- วิธีการระบุ:
- ลากเส้นเชื่อมจุดต่ำสุด (สำหรับแนวโน้มขาขึ้น) หรือจุดสูงสุด (สำหรับแนวโน้มขาลง) อย่างน้อย 2 จุด
- ยืดเส้นแนวโน้มออกไปในอนาคตเพื่อคาดการณ์จุดที่ราคาอาจมีปฏิกิริยา
- ข้อดี:
- สามารถระบุแนวโน้มของตลาดได้ชัดเจน
- ช่วยในการคาดการณ์จุดที่ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
- การนำไปใช้:
- ใช้เป็นจุดเข้าเทรดเมื่อราคาทดสอบเส้นแนวโน้ม
- ใช้เป็นสัญญาณเตือนเมื่อราคาทะลุเส้นแนวโน้ม ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม
- ข้อควรระวัง:
- การลากเส้นแนวโน้มอาจมีความเป็นอัตวิสัย (Subjective) ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน
- เส้นแนวโน้มอาจถูกทะลุ (Break) เมื่อแนวโน้มเปลี่ยนทิศทาง
3. Fibonacci POI (จุดสนใจตามระดับ Fibonacci)
Fibonacci POI ใช้ทฤษฎี Fibonacci Retracement เพื่อหาระดับแนวรับและแนวต้านที่มีความสำคัญ
- วิธีการระบุ:
- ระบุจุดสูงสุดและต่ำสุดของการเคลื่อนไหวของราคาที่สำคัญ
- ใช้เครื่องมือ Fibonacci Retracement เพื่อวาดระดับต่างๆ (โดยทั่วไปคือ 23.6%, 38.2%, 50%, 61.8%, 78.6%)
- ข้อดี:
- ให้ระดับราคาที่แม่นยำสำหรับการวิเคราะห์
- เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ทำให้มีผลทางจิตวิทยาต่อนักเทรดจำนวนมาก
- การนำไปใช้:
- ใช้ระบุจุดเข้าเทรดที่มีโอกาสสูง โดยเฉพาะในช่วงที่ราคามีการพักตัว (Retracement)
- ใช้ตั้งเป้าหมายการทำกำไร (Take Profit) ที่ระดับ Fibonacci ต่างๆ
- ข้อควรระวัง:
- ไม่ควรใช้ Fibonacci POI เพียงอย่างเดียว ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์รูปแบบแท่งเทียนหรือตัวบ่งชี้อื่นๆ
- ระดับ Fibonacci อาจไม่แม่นยำ 100% เสมอไป ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย
เทคนิคการระบุ POI
- Bearish POI – เกิดเมื่อแท่งเทียนซื้อล่าสุดดูดซับสภาพคล่องเหนือจุดสูงสุดก่อนหน้า ซึ่งมักเกิดขึ้นก่อนที่ราคาจะร่วงลงอย่างรุนแรง มองหาการกวาดสภาพคล่องที่มีไส้เทียนหรือตัวเทียนยาวๆ ตามด้วยการเคลื่อนไหวของราคาอย่างรวดเร็ว
- Liquidity – พิจารณาว่าคำสั่งซื้อขายส่วนใหญ่จะวางไว้ที่ใด เช่น จุดสูงสุดที่เท่ากันแสดงถึงแนวต้าน ขณะที่จุดต่ำสุดที่เท่ากันแสดงถึงแนวรับ
- Order blocks – ดูคล้ายกับแบบแผน Engulfing candles ที่ทะลุออกนอกช่วงราคา ซึ่งราคาต้องผ่านออกนอกช่วง แล้วย้อนกลับเข้ามาและดีดตัวขึ้น บ่งบอกถึงจุดเริ่มต้นของเทรนด์ใหม่
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้การวิเคราะห์ POI เชิงเทคนิค
POI สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับคู่สกุลเงินหรือตราสารทางการเงินใดๆ ก็ตาม โดยแนวคิดหลักคือการหาระดับแนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance) ซึ่งเป็นบริเวณที่ราคามักจะกลับตัวหรือเปลี่ยนทิศทาง นักเทรดจะใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคต่างๆ เพื่อระบุระดับราคาเหล่านี้ เช่น
- ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages)
- ระดับ Fibonacci Retracements
- เส้นแนวโน้มราคา (Trendlines)
- รูปแบบกราฟแบบต่างๆ เช่น Double Top, Double Bottom, Head and Shoulders
ข้อดีของการใช้ POI
- ช่วยให้เทรดเดอร์ทำการตัดสินใจบนพื้นฐานของหลักการ ไม่ใช้อารมณ์ชั่ววูบ
- เพิ่มโอกาสในการทำกำไรสูงสุด และจำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นให้น้อยที่สุด
- ช่วยให้เทรดเดอร์วางแผนและดำเนินการเทรดอย่างมีวินัยตามกลยุทธ์ที่วางไว้
- ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ เพื่อยืนยันสัญญาณเทรดได้
การประยุกต์ใช้ POI กับ Order Block
การระบุ Order Blocks
- ความสำคัญของ Order Blocks: จดจำบริเวณที่ผู้เล่นรายใหญ่ เช่น สถาบันการเงินและธนาคาร ได้วางคำสั่งซื้อขายเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ
- การตั้งค่าความไว: ปรับความไวตามกรอบเวลา โดยตั้งให้ต่ำลงสำหรับกรอบเวลาสั้น และสูงขึ้นสำหรับกรอบเวลายาว
- การปรับสีของ Long/Short: สำคัญมากสำหรับการแยกแยะ Long Order Block และ Short Order Block ได้อย่างรวดเร็ว
- เทคนิคการมองหา Block: สังเกตรูปแบบแท่งเทียน Engulfing และดูท่าทีของราคาที่ย้อนกลับหรือทะลุผ่าน
การใช้ POI (Point of Interest)
- กลยุทธ์ POI: วาดระดับราคาสำคัญ ระบุแท่งเทียนกลับตัวล่าสุด และตั้งโซนจากจุดสูงสุดถึงจุดกลางของแท่งเทียน
- เงื่อนไขการทะลุโครงสร้าง: สำคัญมากก่อนที่จะระบุ POI เพื่อให้แน่ใจว่าสอดคล้องกับทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาด
- โซนราคา Premium/Discount: วาง POI ในโซน Premium เมื่อต้องการ Sell และในโซน Discount เมื่อต้องการ Buy
- ช่องว่างมูลค่ายุติธรรม (Fair Value Gap): จุดสำคัญในการตั้ง POI เมื่อราคาไม่ไปถึง Order Block
การใช้ POI และ Order Blocks ร่วมกันเพื่อหาโซนความน่าจะเป็นสูง
- โครงสร้างตลาดและไทม์เฟรมที่สอดคล้องกัน: ตรวจสอบให้แน่ใจว่า POI อยู่ในโครงสร้างตลาดและไทม์เฟรมเดียวกัน
- ความแม่นยำในการเข้าออเดอร์และการบริหารความเสี่ยง: เน้นการเข้าและออกออเดอร์ที่ระดับราคาที่แม่นยำ
- กฎการยืนยัน Order Blocks: Order Blocks ต้องผ่านเกณฑ์ต่างๆ เพื่อการตัดสินใจเทรดที่มีประสิทธิภาพ
- แท่งเทียนสถาบันและการทำแผนที่สภาพคล่อง: การระบุแท่งเทียนสถาบันเป็นกุญแจสำคัญในการส่งสัญญาณโมเมนตัมของตลาด
แน่นอนว่าในการจะใช้ POI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทรดเดอร์ต้องมีความเข้าใจลึกซึ้งเรื่องการวิเคราะห์ทางเทคนิค และอ่านกราฟเป็นเป็นอย่างดี รวมถึงรู้จักวางระดับ Stop Loss และ Take Profit ให้สอดคล้องกับระดับ POI ด้วย มือใหม่ควรหมั่นศึกษาและฝึกฝนให้เกิดความชำนาญก่อนลงสนามจริงเสมอ เพราะการเทรดที่ประสบความสำเร็จ ต้องอาศัยประสบการณ์และวินัยในตัวเทรดเดอร์เองเป็นสำคัญ
สรุปแล้ว POI เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ช่วยให้เทรดเดอร์ Forex หาโอกาสในการเข้าเทรดคุณภาพสูงได้แม่นยำและมั่นใจมากขึ้น หากเทรดเดอร์ศึกษาทำความเข้าใจและฝึกฝนจนเกิดความชำนาญ ก็จะสามารถเพิ่มอัตราการชนะและกำไรในการเทรดได้อย่างต่อเนื่องแน่นอน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ POI Forex
- POI Forex คืออะไร?
POI Forex หรือ Point of Interest ในตลาด Forex คือจุดสำคัญบนกราฟราคาที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคาอย่างมีนัยสำคัญ เป็นเครื่องมือที่นักเทรดใช้ในการวิเคราะห์หาจุดเข้าซื้อขายที่มีโอกาสทำกำไรสูง
- POI Forex แตกต่างจากแนวรับแนวต้านอย่างไร?
แม้ว่า POI จะคล้ายกับแนวรับแนวต้าน แต่ POI มีความเฉพาะเจาะจงมากกว่า POI มักจะเป็นจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทานอย่างชัดเจน ในขณะที่แนวรับแนวต้านเป็นระดับราคาที่กว้างกว่า
- วิธีระบุ POI Forex ทำอย่างไร?
การระบุ POI Forex ทำได้หลายวิธี เช่น:
– ใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น Fibonacci Retracements
– สังเกตรูปแบบแท่งเทียน เช่น Pin Bars หรือ Engulfing Patterns
– ดูบริเวณที่มีการเปลี่ยนแปลงของโวลุ่มการซื้อขายอย่างมีนัยสำคัญ
– พิจารณาจุดที่ราคาเคยกลับตัวในอดีต
- POI Forex สามารถใช้ได้กับทุกไทม์เฟรมหรือไม่?
ใช่ POI Forex สามารถใช้ได้กับทุกไทม์เฟรม ตั้งแต่กราฟ 1 นาทีไปจนถึงรายเดือน อย่างไรก็ตาม POI บนไทม์เฟรมที่ใหญ่กว่ามักจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่าและให้สัญญาณที่แม่นยำกว่า
- ควรใช้ POI Forex ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ หรือไม่?
แนะนำให้ใช้ POI Forex ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ เพื่อยืนยันสัญญาณ เช่น ใช้ร่วมกับ indicators ทางเทคนิค การวิเคราะห์แนวโน้ม หรือรูปแบบแท่งเทียน เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจเทรด
- POI Forex มีข้อจำกัดอะไรบ้าง?
ข้อจำกัดของ POI Forex รวมถึง:
– อาจเกิด false signals ในตลาดที่มีความผันผวนสูง
– ต้องอาศัยประสบการณ์ในการระบุ POI ที่มีนัยสำคัญจริงๆ
– ไม่ควรใช้เป็นเครื่องมือเดียวในการตัดสินใจเทรด
– อาจไม่เหมาะกับนักเทรดที่ชอบใช้ระบบอัตโนมัติ
- POI Forex เหมาะกับนักเทรดประเภทไหน?
POI Forex เหมาะกับนักเทรดที่ชอบวิเคราะห์กราฟและมีความอดทนในการรอจังหวะที่เหมาะสม โดยเฉพาะนักเทรดแบบ swing trader หรือ position trader ที่มองหาจุดกลับตัวของราคาในระยะกลางถึงยาว
- มีกลยุทธ์การใช้ Stop Loss และ Take Profit กับ POI Forex อย่างไร?
สำหรับ POI Forex:
– Stop Loss มักจะวางไว้ใต้/เหนือ POI ที่ใช้เข้าเทรด เพื่อป้องกันกรณีที่ราคาทะลุ POI ไป
– Take Profit อาจวางไว้ที่ POI ถัดไปในทิศทางของเทรนด์ หรือใช้อัตราส่วน risk:reward ที่เหมาะสม เช่น 1:2 หรือ 1:3
- POI Forex สามารถใช้ในการเทรดระยะสั้นได้หรือไม่?
แม้ว่า POI Forex จะนิยมใช้ในการเทรดระยะกลางถึงยาว แต่ก็สามารถประยุกต์ใช้ในการเทรดระยะสั้นได้ โดยเฉพาะในไทม์เฟรมที่เล็กลง เช่น 15 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ควรระวังเรื่อง false signals ที่อาจเกิดขึ้นบ่อยในไทม์เฟรมสั้นๆ
- มีซอฟต์แวร์หรือ indicator ช่วยในการระบุ POI Forex หรือไม่?
มี indicators บางตัวที่ช่วยในการระบุ POI เช่น Order Block indicators หรือ Supply and Demand indicators อย่างไรก็ตาม การใช้สายตาและประสบการณ์ในการวิเคราะห์กราฟยังคงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการระบุ POI ที่มีนัยสำคัญ
สรุป
POI Forex เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีประสิทธิภาพสำหรับนักเทรด Forex ในการระบุจุดซื้อขายที่มีโอกาสสูง การใช้ POI ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ และการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในการเทรด อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ POI ไม่ได้รับประกันความสำเร็จ 100% และนักเทรดควรใช้ร่วมกับการบริหารความเสี่ยงที่ดีเสมอ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
FOREXDUCK (นามปากกา) นักเขียนของเรามีประสบการณ์การเงินการลงทุนกว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และคริปโต โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิค รวมถึงเทคนิคต่าง